บริการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศนอกระบบใน สปป.ลาวทำให้ราคาสูงขึ้น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสปป.ลาวออกโรงเตือนว่าจะต้องมีการลงโทษเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หน่วยแลกเปลี่ยนที่ดำเนินการโดยธนาคารนั้นมีการควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ไม่มีมาตรการใดที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราที่อยู่นอกระบบ มีความเป็นไปได้ที่อาจทำให้เกิดความผันผวนของสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ขณะนี้กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูงขึ้นท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทไทย กระทรวงการวางแผนและการลงทุนระบุว่ามูลค่ากีบเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 0.9% และ 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ถูกนำเข้า ดังนั้นเมื่อมูลค่าเงินกีบลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ การใช้เงินตราต่างประเทศอย่างกว้างขวางอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินกีบอ่อนแอ และการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียงจันทน์แม้จะมีความพยายามของธนาคารแห่งสปป.ลาวในการปราบปราม

ที่มา: https://laotiantimes.com/2019/08/12/illegal-currency-exchange-services-causing-price-hikes/

อียูสนับสนุนทุน 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หนุนการค้าเมียนมา

สหภาพยุโรป (EU) ให้ความช่วยเหลือ 8 ล้านยูโรให้แก่เมียนมาในระยะเวลาสี่ปีสำหรับการดำเนินการของ ARISE Plus Myanmar ซึ่งจะช่วยให้ประเทศบูรณาการได้ดียิ่งขึ้นกับเศรษฐกิจอาเซียนตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2568 ข้อตกได้ลงนามเมื่อเร็ว ๆ ระหว่างเจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรป กระทรวงพาณิชย์ และ International Trade Center (ITC) ซึ่งตั้งอยู่ในเจนีวาซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการตามความคิดริเริ่มร่วมกับองค์การการค้าโลก (WTO) มีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมการค้าโลกและมีส่วนร่วมโดยตรงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 10 ประการ การจัดหาทุนนี้จะช่วยสนับสนุน SMEs ในโอกาสทางธุรกิจในอาเซียน สหภาพยุโรป และตลาดโลก Arise Plus Myanmar มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างเป็นธรรมและครอบคลุมรวมถึงการสร้างงานในอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการส่งออกให้สอดคล้องกับแผนของรัฐบาลที่จะกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและมีกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/eu8-million-funding-trade-initiatives.html

หนี้ต่างประเทศเมียนมาแตะหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเมียนมามีหนี้ต่างประเทศ 10.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และหนี้ในประเทศจำนวน 20.725 ล้านล้านจัต ณ สิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน อัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 อยู่ที่ 38.3% ตามกฎหมายงบประมาณของสหภาพปี 60 และกฎหมายงบประมาณเพิ่มเติมของปี 60-61 แม้ว่าสินเชื่อรวมจากแหล่งทั้งในประเทศและต่างประเทศจะต้องไม่เกิน 5.4 ล้านล้านจัต แต่รวมสินเชื่อในประเทศและต่างประเทศคือ 8.9 ล้านล้านจัต การ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 409.07 พันล้านจัต จากปีก่อนและพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลังจะต้องขายโดยระบบประกวดราคาเพื่อรับเงินกู้จากธนาคารกลางเพื่อชดเชยการขาดดุล สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีสหภาพปี 60 และปีงบประมาณ 60 – 61 กฎหมายการวางแผนแห่งชาติและการกำกับดูแลสินเชื่อภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมรายได้และการใช้จ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพโดยหน่วยงานของรัฐ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/auditor-says-countrys-foreign-debt-tops-us10b.html

เวียดนามคาดว่าการส่งออกอาหารทะเลไปยังจีนฟื้นตัว ในช่วงครึ่งปีหลัง 2562

จากรายงานของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2562 เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 572 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องมาจากกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการค้าชายแดนที่เข็มงวด รวมไปถึงองค์ความรู้ของผู้ประกอบการเวียดนามที่ยังต้องพัฒนาในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร และทางด้านการขนส่ง เป็นต้น ทางด้านตลาดสำคัญของเวียดนาม จีนยังคงเป็นตลาดส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยจำนวนผู้ประกอบการเวียดนามกว่า 150 แห่งที่ส่งออกไปยังทั่วโลก

ที่มา:https://e.vnexpress.net/news/business/industries/seafood-exports-to-china-could-recover-in-second-half-3966273.html

ตลาดจักรยานยนต์เวียดนามติดอันดับ 4 ของโลก แม้ยอดขายลดลงในครึ่งแรกของ ปี 62

จากรายงานของ Motorcycles Data เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามมียอดขายประมาณ 1.5 ล้านคัน ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยฮอนด้ายังคงเป็นยี่ห้อรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่น ต้องรับมือกับยอดขายลดลง นอกจากนี้ ในปี 2561 ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ มียอดขายสูงที่สุดในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นปริมาณรวมอยู่ที่ 3.38 ล้านคัน (รวมผู้ผลิตในท้องถิ่น และนำเข้าจากต่างประเทศ) ถึงแม้ว่าตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามอยู่ในช่วงอิ่มตัวก็ตาม แต่ตลาดยังคงมีศักยภาพอยู่ เนื่องมาจากสินค้าประเภทนี้อยู่ในระดับไฮเอนด์ ซึ่งผู้คนชาวเวียดนามไม่ได้มองแค่เป็นยานพานะในการขนส่ง แต่มองถึงระดับของฐานะสังคม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523903/vns-motorcycle-market-ranks-4th-despite-h1-sales-decline.html#qZoYH8Mb3CpVWaBv.97

สงครามการค้าพ่นพิษพ่อค้าจีนเริ่มเบี้ยวหนี้

หอการค้าไทยเผยได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกผลไม้ไทยถูกพ่อค้าจีนเบี้ยวหนี้หลังจากจีนประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวจากสงครามการค้า นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากสมาชิกหอการค้าไทยและผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไทยว่าถูกนักธุรกิจในประเทศจีนเบี้ยวเงินค่าผลไม้ ต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี นอกจากนี้ต้องการให้ ช่วยเจรจากับสถาบันการเงิน เนื่องจากในระยะหลังการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจค้าขายกับจีนค่อนข้างที่เข้มงวดมาก อยากให้มีการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ภาพรวมยอมรับว่าการส่งออกที่ชะลอตัวของไทยมาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องลดกำลังการผลิต ลดการทำงานล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานซึ่งจะกดดันรายได้แรงงานให้ลดลงตาม กลุ่มธุรกิจเอสเอมอีหลายรายที่ทำธุรกิจกับจีนก็เริ่มได้รับผลกระทบส่งสินค้าไปแล้วมีทั้งเก็บเงินไม่ได้ และบางรายยังถูกเบี้ยวหนี้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/725488

หอการค้าเสนอแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยดูแลบาทเพิ่มอีก ห่วงเกษตรอ่วมสุด

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังจากหารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ ธปท. ว่าทางเอกชนขอบคุณ ธปท. ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 1.50% ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ในระดับหนึ่งแต่อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาต่อเนื่องในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมาคาดหวังว่าจะมีมาตรการอื่นๆออกมาอีก ซึ่งในส่วนข้อเสนอของทางหอการค้าที่ได้เสนอ ธปท.ให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกเพื่อดูแลการไหลเข้าออกของเงินทุน ซึ่งปัญหาของไทยคือเรื่องของโครงสร้างเศรษฐกิจที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูงโดยระยะต่อไปทั้ง ธปท.และภาคเอกชนอาจจะต้องหารือร่วมกันเพื่อให้โครงสร้างเศรษฐกิจเหมาะสมในการดูแลค่าเงินบาท 

ที่มา : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1617558

เวียดนามเผยการส่งออกสินค้าประมงลดลงร้อยละ 1 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562

จากรายงานของกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกสินค้าประมงอยู่ที่ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 1 ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีใต้ ยังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของเวียดนาม หากคิดเป็นสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ร้อยละ 55.9 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทางกระทรวงฯ ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การส่งออกกุ้งไปยังสหภาพยุโรปอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลของข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EU-Vietnam (EVFTA)) ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าลดลงร้อยละ 0

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/sevenmonth-fishery-export-value-drops-1-percent/157503.vnp

เวียดนามส่งออกปูนซีเมนต์ และปูนเม็ด ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม (The General Department of Customs) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ และปูนเม็ด (Clinker) อยู่ที่ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคิดเป็นปริมาณกว่า 17.3 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยสมาคมปูนซีเมนต์เวียดนาม แสดงผลประกอบการธุรกิจในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ในทิศทางที่เป็นบวกจากความต้องการในตลาดต่างประเทศ และราคาส่งออกสำหรับสินค้าซีเมนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15-17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้ผู้ประกอบการเวียดนามสามารถขยายขีดความสามารถการค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ทางกระทรวงฯ คาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยประมาณ 98-99 ล้านตัน ในช่วงสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการบริโภคในประเทศอยู่ที่ 70 ล้านตัน และปริมาณการส่งออกประมาณ 28-29 ล้านตัน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523764/cement-clinker-exports-on-track-to-reach-yearly-target.html#PAVud0OZvPkofU7z.97

รัฐสภาแห่งสหภาพร่วม ต่อต้านการรับสินบน

Pyidaungsu Hluttaw (สมัชชาแห่งสหภาพ) จะลงนามในข้อตกลงจัดตั้งสถาบันต่อต้านการทุจริตระหว่างประเทศ (IACA) ในฐานะองค์กรระหว่างประเทศ ประโยชน์ของการลงนามใน IACA รวมถึงความรู้และการพัฒนาอาชีพในมาตรการต่อต้านการทุจริต โอกาสที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปหลักสูตรระยะสั้นและปริญญาโทที่ได้รับจากสถาบันการศึกษาและความร่วมมือกับประเทศสมาชิกเกี่ยวกับการปฏิบัติระหว่างประเทศ ในเมียนมาการติดสินบนและการทุจริตไม่ได้มองว่าเป็นอาชญากรรมโดยข้าราชการเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของประเทศไปแล้วและความเสียหายจะกระทบต่อคนจนมากที่สุดซึ่งเป็นการขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในปี 60 และได้รับเรื่องร้องเรียนมากกว่า 10,000 เรื่องถึงเดือนมิ.ย.62 มีเพียง 106 คนที่ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายและ 37 คนที่ถูกดำเนินคดี

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/assembly-oks-membership-anti-graft-academy.html