14 พ.ค.ได้ลุ้น คกก.ค่าจ้างฯ ถกค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณี การประกาศค่าแรงขั้นต่ำเพื่อเป็นของขวัญวันแรงงาน 1 พฤษภาคมนี้ว่า ในส่วนของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันทั่วประเทศ ไม่ได้มีการขึ้นทันที

ทั้งนี้ การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ เนื่องจากเป็นนักการเมือง และหากมีนักการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วม จะถูกมองว่าการเมืองแทรกแซง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทำได้เป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น

อีกทั้ง การประกาศขึ้นค่าแรงจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับไตรภาคีในทุกเดือน โดยในแต่ละการประชุมจะมีความชัดเจนว่าอาชีพไหนสมควรขึ้นค่าแรงบ้าง และขึ้นเป็นจำนวนเท่าไหร่ สำหรับการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างฯ ครั้งต่อไป ที่มีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานคณะกรรมการค่าจ้าง ฯ จะมีการประชุมขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. 2567 ซึ่งจะมีการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ ทำให้มีความชัดเจนว่าอาชีพไหน หรือจังหวัดใดได้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทบ้าง

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/575899/

‘เวียดนาม’ กลายเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลโตเร็วสุดในอาเซียน

อแมนดา เมอร์ฟี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคาร HSBC เปิดเผยว่าเวียดนามจะกลายมาเป็นตลาดชั้นนำของอุตสาหกรรมดิจิทัลทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ จากการประเมินชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยในปี 2566 มูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัล มีสัดส่วน 16.5% ต่อ GDP และมีบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลมากกว่า 1,500 แห่ง ทำรายได้จากตลาดต่างประเทศ เพิ่มขึ้นมากกว่า 7% เมื่อเทียบกับปี 2565

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 60% วางแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ระบบการชำระเงินดิจิทัล อีคอมเมิร์ซและปัญญาประดิษฐ์ (AI)

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์พบว่ากลุ่มประเทศในอาเซียน มีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตสูงที่สุดแห่งเดียวในโลก ในขณะเดียวกันรายได้จากอีคอมเมิร์ซ มีมูลค่าเกินกว่า 100 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-emerges-as-fastest-growing-digital-economy-in-asean-2274332.html

สปป.ลาว เร่งออกใบอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศ

กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม สปป.ลาว วางแผนที่จะออกวีซ่าทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายและขยายใบอนุญาตให้กับแรงงานที่ถูกกฎหมาย เพื่อให้สามารถทำงานในประเทศต่อไปได้ เพื่อช่วยให้ประเทศจัดการแรงงานผิดกฎหมายได้ดีขึ้น และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเร่งรัดการออกใบอนุญาตและขยายเวลาใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างด้าวใน ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแรงงานต่างด้าวอพยพเข้ามาในประเทศลาวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานผิดกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐในทุกระดับจึงได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อปกป้องสิทธิของคนงาน และดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม  ในปี 2555 รัฐบาล สปป.ลาว เริ่มดำเนินการจดทะเบียนแรงงานสำหรับผู้อพยพ และในปี 2566 ได้เปิดศูนย์แรงงานและสวัสดิการสังคมทุกแห่งในแขวงต่างๆ เพื่อให้ชาวต่างชาติลงทะเบียนและออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราว ตามที่กระทรวงแรงงานฯ ระบุว่าระบบการออกใบอนุญาตและระบบการจัดการแรงงานต่างด้าวใหม่จะช่วยให้รัฐบาลรวบรวมข้อมูลและกำหนดจำนวนแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/laos-speeds-up-granting-licences-to-foreign-workers/285044.vnp

มีนักท่องเที่ยวกว่าแสนคน เดินทางมาหลวงพระบางในช่วงเทศกาลปีใหม่ลาว

วันที่ 10-19 เมษายน 2567 ช่วงเทศกาลปีใหม่ลาว มีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติกว่า 110,000 คนเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองหลวงพระบาง​ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 364.44% สร้างรายได้ประมาณ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำแนกเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 41,500 คน ซึ่งประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจีน 10,497 คน, เกาหลีใต้ 5,541 คน,​ ไทย 4,284 คน, เวียดนาม 2,843 คน, ญี่ปุ่น 1,616 คน, สหรัฐอเมริกา 908 คน, ฝรั่งเศส 882 คน, เยอรมนี 749 คน, สหราชอาณาจักร 657 คน และแคนาดา 506 คน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 23,749 คนเท่านั้น ทั้งนี้ จากจำนวนนักท่องเที่ยวกว่าแสนคน ทำให้เมืองหลวงพระบางมีรายได้จากเทศกาลนี้กว่า 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_78_Luang_y24.php

‘เวียดนาม’ คงรักษาอัตราเงินเฟ้อต่ำ ปี 67

จากการประชุมของรัฐบาลที่เมืองฮานอย โดยมีรองนายกรัฐมนตรี เล มินห์ ไค เป็นประธาน ทางกระทรวงการคลังกล่าวในที่ประชุมว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 0.26 -0.39% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบ 4.0-4.5% ในปี 2567 และยังได้กล่าวชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงดิ้นร้นฟื้นตัวและความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์โลก รวมถึงความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงานและทองคำ

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.31%YoY เดือน ม.ค. และ 1.04%YoY เดือน ก.พ. ขณะที่เดือน มี.ค. ลดลง 0.23% ทำให้ดัชนี CPI เฉลี่ยในไตรมาสแรกของปี เพิ่มขึ้น 3.77%YoY

อย่างไรก็ดี รองนายกรัฐมนตรี เล มินห์ ไค ได้สั่งให้กระทรวงและหน่วยงานของรัฐฯ ติดตามสถานการณ์ตลาดและเตรียมแนวทางแก้ไข เพื่อเข้าแทรกแซงเมื่อจำเป็นเพื่อรักษาระดับเงินเฟ้อ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1654489/keeping-cpi-low-key-to-inflation-control-this-year.html

โรงงาน 11 แห่งผลิตปูนซีเมนต์ได้ 8 ล้านตันต่อปี

U Than Zaw Htay กรรมการผู้จัดการบริษัท No 1 Heavy Industries Enterprise และ No 2 Heavy Industries Enterprise ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โรงงานปูนซีเมนต์ 11 แห่งผลิตปูนซีเมนต์ได้มากกว่า 8 ล้านตันต่อปี โดยภาคเอกชนมีโรงงานปูนซีเมนต์ 16 แห่ง ขณะที่รัฐฯดูแล 3 แห่ง หากโรงงานทั้งหมดเปิดดำเนินการ จะสามารถผลิตปูนซีเมนต์รวมกันได้มากกว่า 16 ล้านตัน อย่างไรก็ดี การบริโภคในท้องถิ่นต่อปีอยู่ที่ประมาณ 10-11 ล้านตัน U Than Zaw Htay กล่าวว่า “เราสามารถตอบสนอง 2 ใน 3 ของความต้องการในท้องถิ่นได้ โดยในปัจจุบัน No 33 Heavy Industry (Kyaukse) ผลิต 5,000 ตันต่อวัน รวม 1.8 ล้านตันในปีงบประมาณ 2566-2567 นอกจากนี้ ในแต่ละปี บริษัทจัดหาปูนซีเมนต์จำนวน 70,000 ตันสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดการอุตสาหกรรมหนัก 31 (Thayet) และอุตสาหกรรมหนัก 32 (Kyangin)”

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/11-factories-produce-8-million-tonnes-of-cement-annually/

ราคาทุเรียนไทยสูงครองตลาด

ทุเรียนจากประเทศไทย ปัจจุบันครองตลาดทุเรียนในประเทศเมียนมา เนื่องจากมีราคาสูง ซึ่งมีราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ 40,000-50,000 จ๊าดต่อลูก ทั้งนี้ ในตลาดย่างกุ้ง ราคาทุเรียนไทยตอนนี้มีตั้งแต่ขั้นต่ำ 20,000 จ๊าดต่อลูกไปจนถึงมากกว่า 100,000 จ๊าดต่อลูก ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาด อย่างไรก็ดี พ่อค้าในตลาดย่างกุ้งยังระบุว่า แม้ทุเรียนไทยมีจะได้รับความนิยมมากในตลาดทุเรียนในประเทศ แต่เนื่องจากมีราคาแพงเมื่อเทียบกับทุเรียนเมียนมา จึงทำให้ยอดขายทุเรียนไทยยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ทุเรียนของเมียนมามีราคาถูกกว่าและจะเริ่มมีผลิตมากขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดว่ายอดขายทุเรียนพันธุ์เมียนมาจะสูงขึ้น เนื่องจากในตลาดเมียนมาผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมทานทุเรียน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/expensive-grafted-durians-dominate-the-market/#article-title