‘เวียดนาม’ ตั้งเป้า GDP ปี 68 เติบโต 8%

นายเหงียน ชี ดุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผน และการลงทุน (MPI) กล่าวในรัฐสภาว่าเวียดนามจะปรับเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2568 ขยายตัว 8% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 6.5-7% ตามมาด้วยการนำเข้าและการส่งออก ขยายตัว 12% และประมาณการณ์เกินดุลการค้าราว 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย ในขณะที่การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ คาดว่าจะอยู่ที่ 28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อในระดับเหมาะสมและการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/vietnam-says-revise-up-2025-gdp-growth-target-80-65-70-4932431

‘เวียดนาม’ ทำสถิติรับนักท่องเที่ยว ม.ค. ทะลุ 2.1 ล้านคน โต 36.9%

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเวียดนามในเดือนมกราคม 2568 มีจำนวนราว 2.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และ 36.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) ทำลายสถิติใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเวียดนามที่ทำไว้ในเดือนมกราคม 2563 ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมารั้งอันดับหนึ่งในตลาดการท่องเที่ยวเวียดนาม ด้วยจำนวน 575,000 คน คิดเป็น 27.7% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมที่เดินทางมาเยือนเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ กัมพูชา สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย มาเลเซีย และไทย นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือนมกราคม 2568 ขยายตัวได้ดี สาเหตุมาจากการเติบโตของตลาดขนาดใหญ่ ได้แก่ จีน เพิ่มขึ้น 137.4%YoY ตามมาด้วยกัมพูชา (+168.6%) และสหรัฐอเมริกา (+22.3%) เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamtourism.gov.vn/en/post/20824

‘เวียดนาม-สหรัฐ’ ยอดการค้า ม.ค. พุ่งเกิน 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าการค้าระหว่างประเทศเวียดนามและสหรัฐอเมริกา เดือนมกราคม 2568 มูลค่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกมีมูลค่า 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การนำเข้ามีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าราว 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน (YoY)

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญการค้า กล่าวว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดสำคัญของผู้ประกอบการเวียดนามที่ต้องการขยายธุรกิจและการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ซึ่งในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ มองว่าเวียดนามเป็นผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ

ในขณะที่สำนักงานการค้าเวียดนาม ประจำสหรัฐฯ แนะนำให้ธุรกิจเวียดนามประสานความร่วมมือกับผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ รวมถึงนำกลยุทธ์การลดความเสี่ยงมาปรับใช้ และปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-us-trade-tops-11-billion-usd-in-january-post144039.html

กรมแผนการขนส่งเร่งรัดให้การออกใบอนุญาตผู้ประกอบการภายในประเทศง่ายขึ้น

กรมการขนส่งภายใต้กระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร แจ้งว่ากระบวนการต่ออายุและแก้ไขใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศจะเป็นแบบดิจิทัล โดยจะเริ่มทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 ที่สำนักงานต่างๆ ในภูมิภาคย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ โดย กรมฯ กำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนกระบวนการออกใบอนุญาตให้เป็นแบบดิจิทัลสำหรับใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศที่ออกภายใต้กฎหมายการดำเนินการขนส่งทางถนน พ.ศ. 2559 เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการและปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน นอกจากนี้ กรมจะให้บริการเต็มรูปแบบโดยใช้ระบบดิจิทัลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 โดยขอให้ผู้ประกอบการขนส่งให้ความร่วมมือในเรื่องนี้ บุคคลทั่วไปสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.dotp.gov.mm  อย่างไรก็ดี ภายใต้การอนุมัติจากการประชุมครั้งที่ 6/2024 ของรัฐบาลกลาง U Thint Myat Thu อธิบดีกรมและ U Tun Tun Win ซีอีโอของ Secure Link Co. Ltd. ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อดำเนินการออกใบอนุญาตโดยอัตโนมัติเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2024 ณ ห้องประชุมของกรมฯ ในเนปิดอว์ ตามข้อตกลงดังกล่าว กระบวนการต่ออายุและแก้ไขใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศในรูปแบบดิจิทัลจะเริ่มดำเนินการในสำนักงานต่างๆ ในภูมิภาคย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ภายในหกเดือนหลังจากสร้างระบบเสร็จ ขั้นที่สอง ได้แก่ การออกใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศผ่านทางเว็บไซต์ เว็บพอร์ทัล และมือถือ (iOS/Android) ในทุกสำนักงานในภูมิภาคและรัฐต่างๆ ซึ่งภายในหกเดือนข้างหน้า ประชาชนสามารถรับบริการออกใบอนุญาตออนไลน์ของกรมได้

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/transport-planning-dept-to-simplify-domestic-operator-licensing/#article-title

‘เวียดนาม’ เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.4%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) ของเวียดนาม เดือนมกราคม 2568 ลดลง 9.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) โดยเมื่อพิจารณาสาขาการผลิตภาคอุตสาหกรรม เห็นได้ว่าการผลิตและแปรรูป ขยายตัว 1.6%YoY ตามมาด้วยการผลิตและการจำหน่ายไฟฟ้า ขยายตัว 0.4% การประปา การจัดการขยะและการบำบัดน้ำเสีย ขยายตัว 9.2% ในขณะที่ภาคการเหมืองแร่ ลดลง 10.4%

ทั้งนี้ การผลิตอุตสาหกรรมหลักของประเทศในเดือนมกราคม พบว่าการผลิตยานยนต์ เพิ่มขึ้น 33.8% ขณะที่การผลิตเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มขึ้น 10.6% และการผลิตเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 10.3% การผลิตอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และการผลิตอาหาร เติบโตเล็กน้อยที่ 3.8% และ 2.1% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การผลิตยา ปรับตัวลดลง 29.1% การทำเหมืองถ่านหิน 20.1% และการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า 11.5%

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-industrial-production-inches-up-04-in-january-post309588.vnp

ธนาคารกลางเมียนมา อัดฉีดเงิน 23 ล้านเหรียญเข้าสู่ภาคส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง

ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ประกาศเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจะอัดฉีดเงิน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าสู่ภาคส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเมียนมา ขายเงิน 490,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 500,000 หยวน มากกว่าเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 105,900 หยวน และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 500,000 หยวน สำหรับในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมาธนาคารกลางเมียนมา อัดฉีดเงิน 124 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 13.8 ล้านบาท และ 4.8 ล้านหยวน เข้าสู่ตลาดการเงิน อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางเมียนมา มีเป้าหมายที่จะควบคุมความไม่มั่นคงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการลดค่าเงิน ตามประกาศของ ธนาคารกลางเมียนมา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ธนาคารได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามและดำเนินคดีผู้ที่พยายามบิดเบือนตลาดสกุลเงินภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ รวมถึงอนุญาตให้ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (ธนาคารเอกชน) ดำเนินการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศออนไลน์ได้อย่างอิสระตามอัตราตลาดขึ้นอยู่กับอุปทานและอุปสงค์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2566

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/cbm-to-pump-23m-into-fuel-oil-sector/#article-title

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ชวนนักธุรกิจขยายเครือข่าย MSME

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมียนมา กล่าวถึง งานมหกรรมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระดับสหภาพครั้งที่ 78 ซึ่งจะจัดขึ้นใกล้กับเจดีย์อุปปาตสันติ เมืองเนปิดอว์ ระหว่างวันที่ 10 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งผู้ประกอบการสามารถติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานการเข้าถึงตลาดในประเทศ หน่วยงานสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ และหน่วยงานจัดหาเงินทุนเพื่อเข้าร่วมการจับคู่ธุรกิจ วาระการประชุมจะประกาศไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ โดยวัตถุประสงค์ของงานมหกรรมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระดับสหภาพครั้งนี้คือเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ส่งเสริมผลิตภัณฑ์หนึ่งภูมิภาคหนึ่งผลิตภัณฑ์จากแต่ละภูมิภาคและรัฐ มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองของสินค้าที่จำหน่ายได้ กระตุ้นการส่งออก สำรวจผลิตภัณฑ์และตลาดที่มีศักยภาพใหม่ และขยายตลาดในต่างประเทศ

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/moc-invites-businesspeople-to-grow-msme-network/

งาน MSME Expo ระดับสหภาพฯ เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในประเทศและส่งออก

คณะกรรมการกลางเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะจัดนิทรรศการและการแข่งขันผลิตภัณฑ์ MSME ระดับสหภาพระหว่างวันที่ 10 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2568 ทั้งนี้ ตามคำแนะนำของประมุขแห่งรัฐ ธุรกิจ MSME ไม่ควรตอบสนองความต้องการในประเทศเท่านั้น แต่ยังต้องผลิตสินค้าคุณภาพสูงที่เหมาะสำหรับการส่งออกด้วย และเพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ MSME ในประเทศคุณภาพสูงใหม่ จึงเพิ่มเติมกระบวนการคัดเลือกและมอบรางวัล นำโดยรองรัฐมนตรี U Myint Soe ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและมอบรางวัล อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการแข่งขันกำลังจัดขึ้นที่กระทรวงสหกรณ์และการพัฒนาชนบทระหว่างวันที่ 7 ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีเจ้าของธุรกิจทั้งหมด 193 ราย จากรัฐและภูมิภาคต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขัน และมีการมอบรางวัลผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก 29 ราย รางวัลผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก 34 ราย รางวัลผลิตภัณฑ์ขนาดกลาง 28 ราย รางวัลหนึ่งภูมิภาคหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OROP) 35 ราย นอกจากนี้ ยังมีรางวัลสหกรณ์การผลิตเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน 25 แห่ง และรางวัลหัตถกรรมขนาดเล็กและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 42 แห่ง และจะมีการมอบรางวัลทั้งหมด 31 รางวัลใน 6 ประเภท และจะประกาศผู้ชนะในพิธีมอบรางวัลในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ณ สถานที่จัดนิทรรศการ

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/union-level-msme-expo-to-promote-high-quality-domestic-and-export-ready-products/#article-title

กัมพูชา-สปป.ลาว ตกลงขยายความสัมพันธ์ด้านการประกันภัย

หน่วยงานกำกับดูแลการประกันภัยของกัมพูชา (IRC) และกรมวิสาหกิจและการกำกับดูแลการประกันภัย (SOEI) กระทรวงการคลังของ สปป.ลาว ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการประกันภัย โดยในพิธีลงนามจัดขึ้น ณ อาคารสำนักงาน Non-Bank Financial Services Authority ในกรุงพนมเปญ โดยมี Bou Chanphirou ผู้อำนวยการทั่วไปของ IRC และ Phaitoun Thienglamay ผู้อำนวยการทั่วไปของ SOEI เป็นผู้ลงนาม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมในพิธีลงนามประกอบด้วยผู้บริหารของ NBFSA ผู้กำกับดูแลภายใต้ NBFSA สมาคมประกันภัยกัมพูชา และบริษัทประกันภัยต่างๆ โดย MoU ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้กำกับดูแลการประกันภัยทั้งสองรักษากลตลาดประกันภัยที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ปลอดภัย และมีเสถียรภาพใน สปป.ลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา นอกจากนี้ ยังกำหนดกรอบการทำงานที่มุ่งเน้นการสนับสนุนซึ่งกันและกันผ่านความช่วยเหลือ การสร้างขีดความสามารถฉุกเฉิน และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการประกันภัยและที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ข้อบังคับ และข้อกำหนด รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการจัดตั้งผู้รับประกันภัยต่อแห่งชาติ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501634556/cambodia-laos-agree-to-amplify-insurance-ties/

กระทรวงคมนาคมและยูเนสโกเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกัมพูชา

กระทรวงการท่องเที่ยว (MoT) และองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ในกัมพูชา ได้ให้คำมั่นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 ก.พ.) ถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในภาคการท่องเที่ยวโดยการเชื่อมโยงในด้านต่างๆ และพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีอยู่ รวมถึงพื้นที่ธรรมชาติ และเมืองอื่นๆ ซึ่งคำมั่นสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมอย่างเป็นทางการระหว่าง Huot Hak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และ Sardar Umar Alam ผู้แทนยูเนสโกประจำกัมพูชา ขณะที่ Hun Dany เลขานุการรัฐมนตรีและโฆษกของ MoT ได้แบ่งปันมุมมองเชิงลึก รวมถึงเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนและยกระดับภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา โดยจากข้อมูลของ Dany การประชุมนี้มีส่วนสำคัญในการจัดทำแนวทางใหม่ๆ เพื่อเพิ่มเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มรดก และประวัติศาสตร์ ซึ่งดึงดูดผู้ที่ต้องการสำรวจประเพณีและประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501634546/mot-and-unesco-agree-to-beef-up-tourism-cooperation/