อุตสาหกรรมประกันภัยกัมพูชาเติบโต 6% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025

รายงานจากคณะกรรมการกำกับดูแลการประกันภัยกัมพูชา (IRC) ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ระบุว่าอุตสาหกรรมประกันภัยของกัมพูชามีเบี้ยประกันภัยรวม 129.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 4 เดือนแรกของปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 122.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการเติบโตนี้มาจากบริษัทประกันวินาศภัย 18 แห่ง บริษัทประกันชีวิต 14 แห่ง บริษัทประกันภัยรายย่อย 7 แห่ง และบริษัทการประกันภัยต่อ 1 แห่ง ในรายงานยังระบุว่าจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนรวมในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้อยู่ที่ประมาณ 30.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 21.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมประกันภัยของกัมพูชามีสินทรัพย์รวมมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Bou Chanphirou ผู้อำนวยการใหญ่ของ IRC ได้กล่าวเสริมว่าภาคการประกันภัยมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบความมั่นคงทางสังคมและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมการประกันภัยของกัมพูชาในปี 2024 มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 1.17 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501696022/cambodias-insurance-industry-records-6-pct-growth-in-first-4-months-of-2025/

การค้าระหว่าง กัมพูชา-ไทย ยังไม่หยุดชะงัก แม้เกิดการปะทะบริเวณชายแดน

กิจกรรมทางการค้าระหว่างกัมพูชาและไทยตามแนวชายแดนจังหวัดบันเตียเมียนเจยและสระแก้วยังคงดำเนินต่อไป แม้จะเกิดการปะทะกันของทหารตามแนวชายแดนเมื่อเร็วๆ นี้ ตามคำกล่าวของ Ly Sovannarith รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยได้กล่าวไว้ว่าแม้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนจะยังไม่แน่นอน แต่บรรดานักธุรกิจ ผู้ค้า และนักท่องเที่ยวยังคงข้ามชายแดนตามปกติ รวมถึงได้เน้นย้ำว่ากิจกรรมทั้งหมดยังคงเหมือนเดิมก่อนเกิดความขัดแย้งที่ชายแดนหม่อมเบยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม และเรียกร้องให้ผู้ค้าและนักท่องเที่ยวไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยที่ด่านตรวจสอบ ด้านนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล รองประธานหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การค้าชายแดนและการค้าข้ามพรมแดน เปิดเผยกับสื่อเมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.) ที่ผ่านมาว่า แม้จะมีความตึงเครียดด้านความปลอดภัยบางประการ แต่การค้าระหว่างสองราชอาณาจักรยังไม่หยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม รองประธานหอการค้าไทยชี้ให้เห็นว่ากำลังซื้อที่ลดลงเป็นความเสี่ยงหลักต่อการเติบโตของการค้าชายแดนต่อไป โดยระบุว่าต้องติดตามสภาพเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายอย่างใกล้ชิดในอีกหลายเดือนข้างหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501695895/trade-between-cambodia-and-thailand-remains-uninterrupted-despite-recent-border-skirmishes/

‘เวียดนาม – สหรัฐ’ เร่งเจรจาข้อตกลงการค้า

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน เปิดการเจรจาข้อตกลงการค้าทวิภาคีระหว่างสหรัฐอเมริกาและเวียดนาม จัดขึ้นที่กรุงปารีส โดยการประชุมในครั้งนี้ มีนายเหงียน ฮ่อง เดียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของรัฐบาลเวียดนาม และนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เป็นประธานร่วม

ทั้งนี้ ด้านนายเดียน ได้นำเสนอประเด็นหลักที่มีเพิ่มเติมจากฝ่ายสหรัฐฯ และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเวียดนามในการทำงานร่วมกันกับสหรัฐฯ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน ในขณะเดียวกัน นายกรีเออร์ ชื่นชมความปรารถนานีของเวียดนามในการแสวงหาแนวทางจัดการร่วมกัน และเข้าใจถึงแนวทางการเจรจาของเวียดนาม โดยเน้นย้ำกว่าการบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม มีความสำคัญอย่างมากสำหรับทั้งสองประเทศ ซึ่งในปัจจุบันทั้งสองประเทศเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน

อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังจำเป็นที่จะต้องเจรจาในครั้งที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะเจรจาในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-and-united-states-step-up-trade-agreement-negotiations-post1204731.vov

‘เวียดนาม’ เผย 5 เดือนแรก เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ พุ่ง 51%

หน่วยงานการลงทุนต่างประเทศ (FIA) กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้ามาประเทศเวียดนามในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าราว 18.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) และจากยอดเงินลงทุนรวม จำแนกออกเป็นเงินลงทุนที่มาจากโครงการใหม่ 1,549 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 7.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินลงทุนที่มาจากการเพิ่มทุนในโครงการเดิม 8,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นแหล่งดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 56.5% ของเงินทุนจดทะเบียนทั้งหมด และนักลงทุนชาวสิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 23.8% ของเงินลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด

นอกจากนี้ ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าการลงทุนจากต่างประเทศ มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ผ่านช่องทางหลัก 3 ช่องทาง ได้แก่ การสะสมทุนที่เพิ่มขึ้น การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการผลิต

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1718935/foreign-investment-in-viet-nam-surges-in-five-months.html

‘เวียดนาม’ เผยส่งออก พ.ค. โต 14% เกินดุลการค้า 4.67 พันล้านดอลลาร์

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่ารัฐบาลเวียดนามเปิดเผยตัวเลขการส่งออกในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) และเวียดนามเกินดุลการค้าราว 4.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยธุรกิจต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เร่งเพิ่มการส่งออกก่อนที่รัฐบาลทรัมป์จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรต่างตอบแทนในเดือนกรกฎาคม

ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนาม ระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ยในเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3.21%YoY ในขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 8.8%YoY และยอดการค้าปลีก เพิ่มขึ้น 9.7%YoY นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศในเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 7.9% คิดเป็นมูลค่า 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.reuters.com/world/asia-pacific/vietnam-may-exports-rise-14-yryr-trade-surplus-467-bln-2025-06-04/

‘เวียดนาม’ ยกเลิกนโยบายจำกัดมีลูกแค่ 2 คน วิกฤตอัตราการเกิดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการสมัชชาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. โดยจะให้คู่รักมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะมีบุตรเมื่อใด และสามารถตัดสินใจว่าจะมีจำนวนบุตรกี่คน ซึ่งสมัชชาแห่งชาติได้ยกเลิกกฎหมายฉบับก่อนที่อนุญาตให้ 1 ครอบครัวมีบุตรเฉลี่ยละ 1-2 คนเท่านั้น หรือยกเว้นในกรณีพิเศษ ทั้งนี้ อัตราการเกิดของเวียดนามปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และจากข้อมูลในเดือนธ.ค. พบว่าอัตราการเกิดเฉลี่ยต่อผู้หญิงเวียดนามลดลงเหลือ 1.91 คน นับเป็นอัตราการเกิดต่ำเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

ที่มา : https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/vietnam-ends-two-child-policy-to-stem-falling-birth-rates

‘สหรัฐ’ เปิดโอกาสอุตสาหกรรมสิ่งทอและรองเท้าของเวียดนาม

เมื่อเร็วๆนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เห็นด้วยกับคำกล่าวของ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอุตสาหกรรมสิ่งทอ เนื่องจากการผลิตสินค้าสิ่งทอ เช่น เสื้อผ้า และถุงเท้า เป็นต้น สามารถทำการผลิตในที่อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่สหรัฐฯ เน้นการผลิตชิป คอมพิวเตอร์ รถถัง และเรือ

ทั้งนี้ นายโด น็อก หุ่ง (Do Ngoc Hung) ที่ปรึกษาการพาณิชย์ของสำนักงานการค้าเวียดนาม ประจำประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าตลาดสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหลักของสินค้าสิ่งทอและรองเท้าของเวียดนาม และเป็นตลาดส่งออกของเวียดนามที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะสิ่งทอและรองเท้า นอกจากนี้ เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสในครั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเจรจาและดำเนินการเชิงรุกในการส่งเสริมการส่งออกสิ่งทอและรองเท้า รวมไปถึงการให้ความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และแนะนำผู้ประกอบการให้ยึดมั่นนการปฏิบัติตามมาตรฐานของสหรัฐฯ เกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/us-still-promising-for-vietnams-textiles-and-footwear.htm

‘เวียดนาม’ ผลักดันนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ

นายโด ดึ๊ก ดุย (Do Duc Duy) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม ได้นำคณะผู้แทนจากหน่วยงานรัฐบาลเวียดนาม รวมถึงผู้ประกอบการและสมาคมการเกษตรเกือบ 50 คน เดินทางไปยังสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 1-7 มิถุนายน โดยการเยือนในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีและแสวงหาโอกาสในการขยายการนำเข้าสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงของสหรัฐฯ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่าถึงแม้เวียดนามและสหรัฐฯ จะมีจุดแข็งด้านการเกษตร แต่สินค้าของทั้งสองประเทศ มีส่วนเสริมซึ่งกันและกัน มากกว่าที่จะแข่งขันกันโดยตรง และเน้นย้ำกว่าการมีส่วนร่วมจากรัฐบาลทั้งสองประเทศ มีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น และสุดท้ายนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1718837/viet-nam-seeks-to-expand-us-agro-forestry-fishery-imports.html

‘เวียดนาม’ เปิดตัวแพ็คเกจสินเชื่อ 19.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้กล่าวปราศรัยในงาน “Smart digital ecosystem in the new era” จัดขึ้นในกรุงฮานอย โดยนายกฯ เสนอให้ภาคส่วนต่างๆ ขยายเงินทุน เสนอให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และกล่าวว่าธนาคารพาณิชย์ 21 แห่ง พร้อมที่จะจัดทำแพ็คเกจสินเชื่อ มูลค่ากว่า 500 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 19.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่จะช่วยภาคธุรกิจที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเรียกร้องให้มีการจัดทำกรอบกฎหมาย และนโยบาย โดยเน้นที่ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการเข้าถึงดิจิทัล

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/banks-ready-to-roll-out-19-15bln-credit-package-for-technology-firms.htm

‘เวียดนาม’ เดินหน้าลงทุนคาสิโน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เร่งเสนอให้นายกฯ อนุมัติ

กระทรวงการคลัง ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้อนุมัติโครงการลงทุนคาสิโนในเขตเวินโด่น (Van Don) จังหวัดกว๋างนิญ (Quang Ninh) โดยคาสิโนแห่งนี้ใช้เงินลงทุนรวมกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใช้พื้นที่ประมาณ 244 เฮกตาร์ ระยะเวลาโครงการ 70 ปี และระยะเวลาการก่อสร้างไม่เกิน 9 ปี นับจากวันที่มีการจัดสรรที่ดิน ทั้งนี้ กระทรวงฯ แนะนำให้คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างนิญ ทำการคัดเลือกนักลงทุนที่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการลงทุน การใช้ที่ดิน การประมูล และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ทางการของจังหวัดกว๋างนิญ เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษเวินโด่น โดยจะยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุน สร้างการจ้างงาน และเพิ่มงบประมาณรายรับของภาครัฐได้อีกด้วย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/2-billion-usd-casino-investment-in-van-don-submitted-for-prime-ministers-approval-post320151.vnp