‘เวียดนาม’ เผยยอดขายรถยนต์ลดฮวบ

ตลาดรถยนต์เวียดนามประสบกับยอดขายรถยนต์ที่ลดลง เนื่องจากความต้องการที่ซบเซาเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าราคารถยนต์จะปรับตัวลดลง และมีการจัดโปรโมชั่นของบริษัทรถยนต์ต่างๆ ที่จะใกล้ช่วงซื้อสินค้าก็ตาม โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งจากการสอบถามของพนักงานขายรถยนต์รายหนึ่ง เผยว่าราคารถยนต์ที่ต่ำกว่า 40,983 ดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความยากลำบาก

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่ายอดขายรถยนต์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 29% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแบรนด์รถยนต์อย่าง Toyota Vietnam ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมียอดขายลดลง 42% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 หรือคิดเป็นจำนวนเกือบ 30,300 คัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-car-market-still-sees-sluggish-sales-as-tet-nears-2225403.html

CEO ของ Nvidia ตั้งเป้าที่จะตั้งฐานในเวียดนาม

เจนเซน หวง (Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Nvidia Corp กล่าวว่าในมุมมองของบริษัท มองเห็นถึงศักยภาพของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้ยืนยันว่ามีแผนที่จะตั้งฐานในเวียดนาม ในขณะที่รัฐบาลเวียดนามแถลงในวันที่ 10 ธ.ค. ว่าฐานดังกล่าวมีไว้เพื่อดึงดูดผู้คนที่มีความสามารถจากทั่วโลกในการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ บริษัท Nvidia ได้ลงทุนในเวียดนามไปแล้วราว 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีการเตรียมหารือในการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์กับบริษัทเทคโนโลยีของเวียดนาม

นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัทอินเทล (Intel) และอินเทลกำลังพยายามที่จะขยายไปสู่การออกแบบชิปและการผลิตชิปหากเป็นไปได้ เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน จึงได้สร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมเวียดนาม

ที่มา : https://www.straitstimes.com/business/nvidia-ceo-aims-to-set-up-a-base-in-vietnam

การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา

ตามการรายงานของการค้าภายนอก กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาร์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมสำหรับปีการเงินปัจจุบันปี 2566-2567 การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีสินค้าส่งออกได้แก่ ถั่วดำ ข้าว ข้าวหัก ข้าวโพด กรัมเขียว ยางพารา ถั่วพีเจ้น งา ถั่วลิสง หัวหอม มะขาม ขิง คอนยัค เมล็ดละหุ่ง เมล็ดกาแฟ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ฝ้าย มันสำปะหลัง แตงโม แตงกวา มะม่วงและกล้วยทิชชู่ในหมวดผลิตผลทางการเกษตร นอกจากนี้ ปลา กุ้ง ปู ปลาไหล และปลาแห้งยังเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ประมงอีกด้วย ทั้งนี้ เมียนมาร์ส่งออกสินค้าไปยัง 117 ประเทศระหว่างเดือนเมษายนถึงธันวาคม โดยมีประเทศคู่ค้าที่โดดเด่นซึ่งมีอุปสงค์สูง ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี โปแลนด์ เกาหลีใต้ อังกฤษ สเปน เบลเยียม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย อย่างไรก็ดี จีนกำลังส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอย่างแข็งขัน รวมถึงเสาเข็มวัสดุคอมโพสิต ไม้เนื้อดี ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ทำจากไม้ เสื้อผ้า น้ำตาล และสินค้าขั้นสุดท้ายอื่นๆ นอกจากนี้ รายงานระบุอีกว่าบริษัท 5,938 แห่งดำเนินธุรกิจส่งออกและนำเข้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เส้นทางทะเล เส้นทางการค้าชายแดน และเส้นทางการบิน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-reach-almost-us10-bln-in-last-eight-months/#article-title

ผลิตภัณฑ์ CMP ของเมียนมาร์เข้าถึงตลาดมากกว่า 80 แห่ง รวมถึงสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี

U Min Min รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า เสื้อผ้าของเมียนมาร์ส่วนใหญ่ส่งออกไปยัง 12 ประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี โดยสินค้า CMP มีส่วนสำคัญ ในภาคการส่งออกสิ่งทอของเมียนมาร์โดยมีประเทศปลายทางมากกว่า 100 ประเทศ และรายได้สุทธิ อยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2565-2566 ทั้งนี้ ตลาดหลักสำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอของเรา ได้แก่ ญี่ปุ่น โปแลนด์ สเปน เยอรมนี เกาหลี สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ อิตาลี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เดนมาร์ก และเบลเยียม อย่างไรก็ดี ประเทศที่จ้างเหมานำเข้าวัตถุดิบหลักส่วนใหญ่สำหรับโรงงาน CMP นำเข้าผ่านทางตลาดจีน 90% ซึ่งในปีนี้มีการนำเข้าสิ่งทอดิบมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดตัวระบบออนไลน์ Myanmar Tradenet 2.0 เพื่ออำนวยความสะดวกใน กระบวนการนำ เข้าวัตถุดิบและส่งออกผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรม CMP

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-cmp-products-reach-over-80-markets-including-us-japan-korea/

กัมพูชาจัดงานประชุมใหญ่ ดันการแปรรูปและการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์

กัมพูชาจัดงานประชุมเกี่ยวกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจังหวัดกำปงธม เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในกัมพูชา รวมถึงเพิ่มการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์แปรรูปไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งงานประชุมดังกล่าวจัดขึ้นร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร และกระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงสหภาพยุโรปและเยอรมนี ในการจัดงานดังกล่าว โดยเวทีนี้เป็นครั้งแรกที่ส่งเสริมให้ประชาชน พ่อค้า และนักธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ ได้เข้าเห็นและเข้าใจในศักยภาพ รวมถึงโอกาสในอุตสาหกรรมการผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของกัมพูชา รวมถึงการดึงดูดนักลงทุนให้เกิดการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าของสายการผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพื่อรองรับตลาดทั้งในท้องถิ่น ภูมิภาค และตลาดโลก สร้างงานให้กับประชาชน และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา สำหรับปัจจุบันผลผลิตกว่าร้อยละ 90 ของกัมพูชา ทำการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยในปี 2022 กัมพูชาครองอันดับสองของผู้ผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของโลก มีปริมาณรวมประมาณ 690,000 ตัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501403115/cashew-nut-forum-to-boost-local-processing-and-export/

ท่าเรือแห่งใหม่ของ PAS ในกัมพูชา จะเริ่มเปิดดำเนินการเร็วกว่ากำหนดภายในกลางปี 2025

ท่าเรือปกครองตนเองสีหนุวิลล์ (PAS) เตรียมเปิดเทอร์มินัลคอนเทนเนอร์แห่งใหม่ภายในปี 2025 โดยโครงการขยายท่าเรือในเฟสแรกของท่าเรือพาณิชย์ดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปี ซึ่งเดิมทีโครงการนี้มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2026 แต่ด้วยแนวทางการผลักดันอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของนายกรัฐมนตรีฮุนมาเนต ได้ร้องขอให้ PAS เร่งดำเนินการ เพื่อหวังให้ท่าเรือแห่งนี้เป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งสินค้าที่สำคัญของภูมิภาค โดยคาดว่าหลังปรับปรุงจะสามารถรองรับคอนเทนเนอร์ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,150,000 TEUs ซึ่งเทอร์มินัลคอนเทนเนอร์แห่งใหม่นี้มีความยาว 350 เมตร และความลึก 14.50 เมตร ช่วยให้เรือขนส่งคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่มีความจุ 60,000 DWT (ประมาณ 4,000 TEUs) สามารถเทียบท่าเรือได้ ด้าน Kim Chhun CEO ของ PAS ได้เปิดเผยกำหนดการโครงการปรับปรุงใหม่นี้ในระหว่างประกาศงบการเงินของบริษัทซึ่งได้ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) สำหรับโครงการขยายท่าเรือดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก Japan International Cooperation Agency (JICA) ด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมูลค่า 203 ล้านดอลลาร์ และเมื่อดำเนินการแล้วเทอร์มินัลใหม่จะช่วยให้ PAS สามารถแข่งขันด้านต้นทุนการขนส่งสินค้าทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501403122/pas-new-terminal-to-go-operational-in-2025/