เปิดตัวเลขค้าขาย 4 ประเทศเพื่อนบ้าน ไตรมาสแรกโตแค่0.18%

การส่งออกสินค้าไทยชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน โดย 4 เดือน แรก (มกราคม-เมษายน 2562) โตติดลบ 1.9% แต่การค้าชายแดนไทยกับ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา ยังเติบโตได้เล็กน้อยเพียง 0.18% โดยการส่งออกติดลบ 1.95% แต่ได้การนำเข้าที่ขยายตัว 3.17% เป็นตัวช่วย

ที่มา : http://หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 16 – 19 มิ.ย. 2562

การลงทุนโดยตรงของจีนในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง : ถึงเวลาที่เวียดนามกังวลหรือไหม

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุน (FIA) เปิดเผยว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติทำสถิติในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 16.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำแนกออกเป็นรายประเทศ พบว่าประเทศจีนมีสัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.5 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมด นอกจากนี้ ผลจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้มีผลต่อเป้าหมายของการลงทุนจีนและฮ่องกง ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจจีนส่วนใหญ่จะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (Large-scale projects) ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจีนจึงย้ายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งเวียดนาม ซึ่งอาจเสี่ยงต่อมลภาวะสิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานและสังคมในเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521407/growing-chinese-investment-in-viet-nam-time-to-worry.html

เมียนมาอนุญาตให้ธุรกิจต่างประเทศ ลงทุน 10 แห่งในย่างกุ้ง

คณะกรรมการการลงทุนเขตย่างกุ้งของเมียนมา (YRIC) อนุญาตให้บริษัทลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่ง จากจีน เกาหลีใต้ และเวียดนามมูลค่ารวม 18.986 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในภาคการผลิตของภูมิภาคสามารถสร้างสร้างงานในท้องถิ่นประมาณ 4,597 ราย โดยภูมิภาคย่างกุ้งดึงดูด 60% ของการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศตามด้วยมัณฑะเลย์ 30% และ 10% ของภูมิภาคอื่น ๆ สามารถดึงดูดการลงทุนมากกว่า 2.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีงบประมาณ 61-62 กฎหมายบริษัทของเมียนมาฉบับใหม่ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ปีที่แล้วทำให้นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้น 35% ของบริษัทท้องถิ่น และบริษัทใหม่ที่ลงทุนไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐสามารถได้รับอนุญาตจดทะเบียนจากหน่วยงานระดับภูมิภาคได้

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-06/14/c_138143466.htm

รัฐบาลสปป.ลาว มีรายละเอียดมาตรการในการควบคุมการชำระหนี้สาธารณะ

รัฐบาลสปป.ลาว จะลดการขาดดุลงบประมาณเป็นศูนย์ภายในปีหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าหนี้สาธารณะระดับสูงของประเทศสามารถชำระคืนได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะสูงกว่า 60% ของ GDP หนี้จากการยืมกู้ต่างประเทศคิดเป็นประมาณ 53.34% ของ GDP ตัวเลขเพิ่มขึ้น 14.02 %จากปี 2017 เพื่อจำกัดและชำระคืนหนี้ต่างประเทศ รัฐบาลพยายามให้มีการเกินดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 64-65 โดยรัฐบาลหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมรวมถึงการลดการใช้จ่าย โดยปีนี้รัฐบาลมุ่งที่จะไม่กู้เงินจากแหล่งภายนอกเพื่อชำระคืนเงินกู้ จะหาเงินจากแหล่งภายในเท่านั้น ถ้าเงินยังไม่เพียงจะมีตัวเลือกอื่น ๆ รวมถึงการออกพันธบัตรรัฐบาล การกระทำของรัฐบาลในการลดหนี้สาธารณะเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหนี้สาธารณะ ดังนั้นรัฐบาลกู้ยืมเงินได้เฉพาะเมื่อมีเงื่อนไขพิเศษ รวมถึงระยะเวลาการชำระคืนระยะยาวอย่างน้อย 25 ปีอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1.5 % และระยะเวลาชำระคืนปลอดดอกเบี้ย 6-7 ปี เพื่อควบคุมการใช้จ่ายรัฐบาลได้ยกเลิกโครงการที่ไม่จำเป็นทั้งหมดและจำกัดจำนวนโครงการใหม่ที่จำเป็น

ที่มา :http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_details_139.php

ซีเมนส์ขยายการลงทุน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซีเมนส์ (Siemens) ให้คำมั่นที่จะขยายการลงทุนลงไปในกัมพูชา อันเป็นผลมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่น่าประทับใจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่ารัฐบาลเพิ่งเปิดตัวชุดปฏิรูปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และลดการพึ่งพาตลาดหลัก โดยการอำนวยความสะดวกในการค้า ลดค่าไฟฟ้า, ลดภาษี และสถาบันการปฏิรูป โดยยินดีรับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทในกัมพูชา มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีล่าสุดของนักลงทุนที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชา กัมพูชาจะทำงานร่วมกับซีเมนส์อย่างต่อเนื่องและกระตุ้นให้ บริษัท ต่างๆ ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในโครงการใหม่ๆ เช่นการใช้ระบบดิจิตอลในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดการจราจรกัมพูชาต้องการเห็น บริษัท ยุโรปเข้ามาลงทุนในกัมพูชามากขึ้น โดยภาคเอกชนเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50614672/siemens-to-expand-investment/

เวียดนามนำเข้าโทรศัพท์และชิ้นส่วนประกอบกว่า 4.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าในเดือนพฤษภาคม 62 เวียดนามมีมูลค่าการนำเข้าโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนประกอบกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา มูลค่าการนำเข้าของสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 4.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งตลาดสำคัญในการนำเข้าโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนประกอบของเวียดนามมาจากประเทศจีน และสาธารณรัฐเกาหลี หากคิดเป็นสัดส่วนมูลค่าการนำเข้า แสดงให้เห็นว่า จีนมีสัดส่วนร้อยละ 54 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าเวียดนามทั้งหมด นอกจากนี้ เวียดนามยังนำเข้าโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนประกอบจากฮ่องกง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 32.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา https://vietnamnews.vn/economy/521283/mobile-phone-and-spare-part-imports-hit-us491-billion.html#Xm62sHYG80HWF4Uf.97

เมียนมาร่วมมือกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อประชากรในโครงการพัฒนาประเทศ

รัฐบาลเมียนมาและกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในโครงการระดับประเทศครั้งที่ 4 ในปี 61-65 ตามรายงานของกระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยใช้งบดำเนินการประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในด้านสุขภาพทางเพศและอนามัย การเจริญพันธุ์ ความเสมอภาคทางเพศ การเสริมความเท่าเทียมของสตรีและการเปลี่ยนแปลงของประชากรโดยร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 45 เป็นต้นมา UNFPA ได้ดำเนินโครงการช่วยเหลือในเมียนมาแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแรกในปี 45-49 มูลค่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการที่ 2 ปี 50-54 ในวงเงิน 25.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการที่ 3 ในปี 55-60 จำนวน 37.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-06/13/c_138139489.htm

ธนาคารใน สปป.ลาวร่วมมือกับบริษัท Everex อำนวยความสะดวกการชำระเงินข้ามพรมแดนโดยใช้blockchain

ธนาคารพัฒนาสปป.ลาว (LDB) และ fintech ที่ขับเคลื่อนด้วย blockchain Everex ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี blockchain สำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดนและบริการธุรกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยให้ธนาคารสามารถทำธุรกรรมได้เร็วขึ้น สร้างความปลอดภัย ลดต้นทุนการทำธุรกรรมได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเพิ่ม GDP และปริมาณการค้าของประเทศอีกด้วย  ภารกิจของ LDB คือการมีส่วนร่วมในภาคการเงินของสปป.ลาว โดยการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อให้บรรลุความก้าวหน้า สปป.ลาว ซึ่งการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ดิจิทัล 4.0 ของหลายประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิงคโปร์ ไทยและมาเลเซีย

ที่มา : https://e27.co/laos-local-bank-partners-everex-to-facilitate-blockchain-based-cross-border-payments-20190613/