เวียดนามนำเข้าโทรศัพท์และชิ้นส่วนประกอบกว่า 4.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าในเดือนพฤษภาคม 62 เวียดนามมีมูลค่าการนำเข้าโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนประกอบกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา มูลค่าการนำเข้าของสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 4.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งตลาดสำคัญในการนำเข้าโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนประกอบของเวียดนามมาจากประเทศจีน และสาธารณรัฐเกาหลี หากคิดเป็นสัดส่วนมูลค่าการนำเข้า แสดงให้เห็นว่า จีนมีสัดส่วนร้อยละ 54 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าเวียดนามทั้งหมด นอกจากนี้ เวียดนามยังนำเข้าโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนประกอบจากฮ่องกง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 32.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา https://vietnamnews.vn/economy/521283/mobile-phone-and-spare-part-imports-hit-us491-billion.html#Xm62sHYG80HWF4Uf.97

เมียนมาร่วมมือกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อประชากรในโครงการพัฒนาประเทศ

รัฐบาลเมียนมาและกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในโครงการระดับประเทศครั้งที่ 4 ในปี 61-65 ตามรายงานของกระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยใช้งบดำเนินการประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในด้านสุขภาพทางเพศและอนามัย การเจริญพันธุ์ ความเสมอภาคทางเพศ การเสริมความเท่าเทียมของสตรีและการเปลี่ยนแปลงของประชากรโดยร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 45 เป็นต้นมา UNFPA ได้ดำเนินโครงการช่วยเหลือในเมียนมาแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแรกในปี 45-49 มูลค่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการที่ 2 ปี 50-54 ในวงเงิน 25.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการที่ 3 ในปี 55-60 จำนวน 37.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-06/13/c_138139489.htm

ธนาคารใน สปป.ลาวร่วมมือกับบริษัท Everex อำนวยความสะดวกการชำระเงินข้ามพรมแดนโดยใช้blockchain

ธนาคารพัฒนาสปป.ลาว (LDB) และ fintech ที่ขับเคลื่อนด้วย blockchain Everex ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี blockchain สำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดนและบริการธุรกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยให้ธนาคารสามารถทำธุรกรรมได้เร็วขึ้น สร้างความปลอดภัย ลดต้นทุนการทำธุรกรรมได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเพิ่ม GDP และปริมาณการค้าของประเทศอีกด้วย  ภารกิจของ LDB คือการมีส่วนร่วมในภาคการเงินของสปป.ลาว โดยการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อให้บรรลุความก้าวหน้า สปป.ลาว ซึ่งการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ดิจิทัล 4.0 ของหลายประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิงคโปร์ ไทยและมาเลเซีย

ที่มา : https://e27.co/laos-local-bank-partners-everex-to-facilitate-blockchain-based-cross-border-payments-20190613/

เที่ยวบินตรงของดานังที่จะออกในเดือนนี้

กัมพูชาและเวียดนาม ตกลงที่จะสร้างเที่ยวบินตรงระหว่างพนมเปญและดานังในภาคกลางของเวียดนาม การบริหารการบินพลเรือนของเวียดนามและสำนักเลขาธิการการบินพลเรือนของกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเปิดเส้นทางใหม่ กระทรวงการท่องเที่ยวระบุว่าในเดือน ม.ค-เม.ย กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามประมาณ 260,000 คน เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วงระยะเวลา 4 เดือนนั้นเวียดนามเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับ 2ของกัมพูชารองจากจีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกล่าวว่ากัมพูชามีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเวียดนามประมาณ 1 ล้านคนต่อปีภายในปี 63

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50614031/da-nang-direct-flight-to-take-off-this-month/

ยูนิลีเวอร์ เล็งเห็นโอกาสเจาะตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนาม บังคลาเทศ

ตามคำแถลงของนายอลัน โจป (Alan Jope) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนาม บังคลาเทศ ปากีสถาน และเมียนมา เป็นต้น ล้วนเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการขยายตัวสูงที่สุดในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า เป็นผลมาจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น และรายได้ของชนชั้นกลางกำลังเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประชุมพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แสดงให้เห็นว่าการเติบโตทั้งด้านจำนวนประชากร และการขยายตัวของ GDP ที่แข็งแกร่งนั้น ทำให้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเวียดนาม ปากีสถาน บังคลาเทศ เมียนมา และเอธิโอเปีย ล้วนแต่เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการค้าการลงทุน นอกจากนี้ ทางสถิติของยอดขายยูนีลีเวอร์ พบว่า ยอดขายในตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา หากจำแนกออกเป็นรายตลาด แสดงให้เห็นว่ายอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 58 จากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งจีน อินเดีย และบราซิล

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190612/unilever-says-vietnam-bangladesh-among-next-growth-stars/50295.html

เมียนมาและไทยลงนามข้อตกลงเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าทางบก

การค้าข้ามแดนทางบก ระหว่างเมียนมากับไทยจะเริ่มอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกรกฎาคมหลังจากข้อตกลงอนุญาตให้ยานพาหนะจากทั้งสองฝั่งข้ามชายแดนเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งทั้งสองประเทศได้ ออกใบอนุญาตให้ บริษัท โลจิสติกส์ เพื่อขนส่งสินค้าทางบกผ่านทางย่างกุ้ง (ติละวา) – เมียวดี – แม่สอด – กรุงเทพ (แหลมฉบัง) จากข้อมูลของ U Win Hlaing รองผู้อำนวยการกรมการขนส่งทางบกกระทรวงคมนาคมเมียนมา ได้ออกใบอนุญาตประกอบการข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ (ICBO) สำหรับรถบรรทุก 40 คัน และจะออกใบอนุญาตอีก 21 ใบในระยะแรก U Win Hlaing กล่าวว่า บริษัท โลจิสติกส์สามแห่งจากฝั่งเมียนมา คือ MK Transportation, Logistic Hercules และResource Group Logistic ได้รับอนุญาตให้ขนส่งสินค้าทางบกผ่านชายแดน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-thailand-sign-agreement-facilitate-overland-trade.html

สปป.ลาวปิดโรงงานแปรรูปไม้เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี

โรงงานแปรรูปไม้กว่า 500 แห่งและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากครอบครัวถูกปิดตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้ส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ 140,800 ลบ.ม.มูลค่าการส่งออกประมาณ 71.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลกำลังดำเนินการตามคำสั่งอย่างเข้มงวดและควบคุมการทำงานของอุตสาหกรรมไม้ โดยตรวจสอบรายละเอียดการยึดไม้และอุปกรณ์ในการตัดไม้และการขนส่งที่ผิดกฎหมาย และห้ามมี การส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้ที่ยังไม่ได้เสริมแต่ง อย่างไรก็ตามผู้ผลิตไม้และเฟอร์นิเจอร์กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าต่างประเทศ เนื่องจากรัฐบาลกำหนดขนาดของผลิตภัณฑ์ไม้และเฟอร์นิเจอร์เพื่อการส่งออก นักธุรกิจต่างชาติโดยเฉพาะ จีน ต้องการผลิตภัณฑ์ไม้และเฟอร์นิเจอร์ แต่สินค้าจำนวนมากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐบาล เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ สมาคมเฟอร์นิเจอร์เสนอให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขปัญหานี้

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-closes-wood-processing-plants-comply-pm%E2%80%99s-order-98316

กัมพูชาเตรียมส่งปุ๋ยครั้งแรก

ด้วยความร่วมมือกับ บริษัทญี่ปุ่น Bayon Heritage Holding Group วางแผนที่จะจัดส่งปุ๋ยอินทรีย์ 600 ตัน ไปยังตลาดต่างๆในเอเชียโดยจะเป็นเจ้าแรกที่ส่งออก การส่งมอบจะดำเนินการในเมียนมา สปป.ลาว เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป การจัดส่งจะดำเนินการภายใต้ชื่อ ปุ๋ยอินทรีย์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Bayon Heritage และการพัฒนาการเกษตร ปุ๋ยอินทรีย์ญี่ปุ่นก่อตั้งขึ้นในปี 47 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการนำเข้าและจัดจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์จากญี่ปุ่นเพื่อช่วยเกษตรกรกัมพูชา บริษัทได้สร้างโรงงานในกัมพูชาเพื่อแปรรูปปุ๋ยโดยวัตถุดิบที่มาจากญี่ปุ่น Bayon Heritage เป็น บริษัทแรกในกัมพูชาที่ได้รับใบอนุญาตส่งออกปุ๋ย มีบริษัทประมาณ 100 แห่งที่นำเข้าปุ๋ยในกัมพูชา ปีที่แล้วกัมพูชานำเข้าปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีจำนวน 1 ล้านตัน จากเวียดนาม ไทยและจีน จากข้อมูลของกระทรวงเกษตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50613702/kingdom-prepares-first-fertilizer-shipment/