อิออน ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกญี่ปุ่นได้กฤษ์ เปิดไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เมียนมาวันนี้

อิออน โค ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของญี่ปุ่นได้เปิดไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในเมียนมาวันนี้ โดยอิออนเปิดให้บริการไฮเปอร์มาร์เก็ตชื่อ อิออน ออเรนจ์ ตันเหลียน ซากุระ ในกรุงย่างกุ้ง เน้นขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนอื่นๆ นอกเหนือจากอาหารที่จำหน่ายอยู่แล้วในซูเปอร์มาร์เก็ต 14 แห่ง สำหรับห้างอิออน ออเรนจ์ ตันเหลียน ซากุระ ขนาด 2,800 ตารางเมตร ซึ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกของอิออนในเมียนมานั้น มีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีอยู่แล้วในเมียนมา โดย อิออน ออเรนจ์ โค ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในเมียนมานั้น จัดตั้งขึ้นในปี 2559 ร่วมกับบริษัทครีเอชัน เมียนมา กรุ๊ป ออฟ คอมพานีส์ และได้เข้าเทคโอเวอร์ซูเปอร์มาร์เก็ต 14 แห่งในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นของบริษัทไฮเปอร์มาร์ท เอเชีย โค บริษัทในเครือของครีเอชัน เมียนมา กรุ๊ป

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq29/2988581

สายการบินในประเทศลดค่าโดยสาร สำหรับ ต่างชาติ

สายการบินท้องถิ่นอย่าง Air Kanbawza (KBZ) เสนอราคาลดพิเศษสูงสุดถึงร้อยละ 30 สำหรับชาวต่างชาติในช่วงเดือนพฤษภาคม – เดือนกรกฎาคม เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูเนื่องจากมรสุมประจำปี ในช่วงฤดูฝนสายการบินบางแห่งเปิดให้บริการเที่ยวบินร่วมกับสายการบินอื่นเพื่อดึงดูดผู้โดยสารและลดราคาตั๋วเพื่อหวังกระตุ้นการเดินทางด้วยเครื่องบิน และในช่วงปลายปีมีแผนจะเปิดเที่ยวบินในไทยและอินเดียอีกด้วย สายการบิน KBZ เป็นสายการบินภายในประเทศรายใหญ่ที่ให้บริการเที่ยวบินจากย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเนปิดอว์ ไปเหอโฮ หยูเหยา มยิตกิจินา หลอยก่อ ทวาย และตั่งตแว

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/domestic-airline-lowers-fares-foreigners.html

จีนเร่งสร้างอุโมงค์รถไฟสายจีน – เมียนมา

การก่อสร้างอุโมงค์ในส่วนของทางรถไฟระหว่างประเทศจีน – เมียนมาในมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ของโครงการรถไฟ Dalin (Dali-Lincang) ที่ดำเนินการโดย Railway No. 10 Engineering Group Co. , ปัจจุบันถูกขุดไปแล้วกว่า 3,700 เมตร รถไฟต้าหลี่ – หลินซางที่มีความยาว 202 กม. และมีความเร็ว 160 กม. ต่อชั่วโมง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดใช้ในปี 64 การก่อสร้างอุโมงค์หงสาซานฮันยาว 10.6 กม. เริ่มในเดือนพฤษภาคม 59 และในปี 60 มีการตรวจพบก๊าซพิษในอุโมงค์ ต่อมาผู้รับเหมาของโครงการได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้การดำก่อสร้างเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-05/10/c_138046553.htm

กระแสไฟฟ้าของสปป.ลาวปรับตัวในฐานะ ผู้จัดจำหน่ายอัตราแลกเปลี่ยนหลัก

ธนาคารกลางออกรายงานเศรษฐกิจล่าสุดประจำปีเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยให้ข้อมูลแก่ผู้อ่านที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของผู้สนับสนุนการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตามข้อมูลที่อ้างถึงในรายงานปี 61 ของธนาคาร การผลิตไฟฟ้าจะกลายเป็นผู้ให้บริการหลักของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในอนาคตอันใกล้ ด้วยมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรม ในปี 57 การขายไฟฟ้าให้ประเทศอื่น ๆ มีมูลค่าเพียง 570 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 59 เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 60 เมื่อปีที่แล้ว ในเบื้องต้นคาดการณ์มูลค่าการส่งออกไฟฟ้าจะสูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ โครงการผลิตไฟฟ้าจำนวนหนึ่งได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันโครงการไฟฟ้าพลังน้ำกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะส่งออกไฟฟ้าได้ในอนาคตอันใกล้

ที่มา : https://www.nationmultimedia.com/detail/asean-plus/30369239

นักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง 10%

รายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวที่ตีพิมพ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กัมพูชามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 9.7% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ตามรายงานนักท่องเที่ยวชาวจีนติดอันดับตลาดการท่องเที่ยวของประเทศด้วยจำนวน 683,436 คน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ถึงร้อยละ 35.1 นักท่องเที่ยวเวียดนามอันดับที่สองอยู่ที่ 186,863 คน รองลงมาคือสปป.ลาว 121,489 คน ไทย 97,942 คนและเกาหลีใต้ 95,719 คน มีนักท่องเที่ยวจำนวน 1.29 ล้านคน เดินทางมาถึงกัมพูชา ผ่านสนามบินนานาชาติ 3 แห่งในขณะที่ 578,371 คน เดินทางมาทางบกและทางน้ำ รายงานกล่าวว่าพนมเปญและพื้นที่โดยรอบเป็นจุดหมายปลายทางที่ เมื่อปีที่แล้วกัมพูชาได้รับนักท่องเที่ยว 6.2 ล้านคนโดยภาคการท่องเที่ยวมีรายได้ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปีนี้กัมพูชาคาดว่าจะต้อนรับนักท่องเที่ยว 6.7 ล้านคนในขณะที่คาดว่าจะได้รับ 7 ล้านคนภายในปี 63

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50603153/tourist-arrivals-up-by-10-percent/

จีดีพีขยายตัว 7.5% ในปีที่แล้ว : รายงานของมูดี้ส์

Moody’s กล่าวว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงของกัมพูชา (GDP) ขยายตัว 7.5% ในปี 61 จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ช่วยสนับสนุนการก่อสร้างและการสร้างงาน สถานะเครดิตของกัมพูชาสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่ง หนี้ภาครัฐที่อยู่ในระดับปานกลางและราคาไม่แพงนัก กล่าวโดยอ้างถึงการวิจัยเรื่องความสมดุลของระบบการเงินความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และกรอบสถาบัน ธนาคารโลกเปิดเผยว่าเศรษฐกิจกัมพูชาได้ขยายตัว 7.5% ในปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50603151/gdp-grew-7-5-percent-last-year-moodys-report/

จับตาเมียนมา ปูทางลงทุนท่องเที่ยว ‘รัฐยะไข่’

จากพิธีฉลองการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 เชื่อมระหว่างเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และอ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งสะพานแงนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2558 โดยมีมูลค่าประมาณ 4,132 ล้านบาท ประกอบด้วยถนนฝั่งไทยความยาว 17.25 กม. ฝั่งเมียนมาความยาว 4.15 กม. นอกจากนี้ยังมีสะพานข้ามแม่น้ำเมย และจุดควบคุมชายแดนด้วย เป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมการค้าการท่องเที่ยว โดยโครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในเอเชียและยุโรปกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชีย และแปซิฟิก สหประชาชาติ (ESCAP) เพื่อพัฒนาและปรับปรุงระบบเครือข่ายถนนโดยรวมในภูมิภาค และช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณด่านชายแดนเมียวดี-แม่สอด ปริมาณการค้าระหว่างไทย-เมียนมาในเดือนต.ค. 61-ม.ค 62 มีมูลค่า 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของเมียนมารองจากจีน ปัจจุบันนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสนับสนุนการลงทุนด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม ใน “รัฐยะไข่” โดยโฟกัสไปที่บริเวณแนวชายฝั่งรัฐยะไข่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมกำหนดชายหาดเป็นจุดหมายใหม่ โดยชูจุดขายเรื่องความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ที่ผ่านมาการเปิดชายหาด Ngapali ได้รับความนิยมสูง มีชาวต่างชาติเดินทางโดยรถยนต์จากย่างกุ้ง ซึ่งใช้เวลา 9-10  ชั่วโมง มากกว่า 60,000 คนต่อปี จากการสำรวจความเห็นของนักลงทุนพบว่าสนใจลงทุนด้านการท่องเที่ยวสูงสุด เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น เช่น เกษตร ประมง หรือปศุสัตว์ แต่อุปสรรคสำคัญ คือ ราคาที่ดินที่สูงมาก โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลท้องถิ่นให้ข้อมูลว่าได้มีโครงการก่อสร้างถนนและสนามบินที่จะเริ่มเร็วๆ นี้ และยังมีโครงการใหม่ 5 โครงการ ได้แก่ การพัฒนาเมืองใหม่และสนามบิน Mrauk-U เขตนิคมอุตสาหกรรม Ponnagyum โครงการพัฒนา Kyaetaw – Mingan และการปรับปรุงสนามบิน Ngapali และโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์บนเกาะ Manaung หากโครงการทั้งหมดก่อสร้างแล้วเสร็จ เศรษฐกิจของเมียนมาน่าจะเติบโตและเป็นจุดที่น่าสนใจในอาเซียน

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/31192

SMEs จำเป็นระบุปัญหาที่สำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน

เวียดนามได้มีการจัดฟอร์มเพื่อสนับสนุน SMEs ในภูมิภาคทางตอนเหนือ (TAC) ภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุน รวมถึงบริษัท Bizen Vietnam Joint Stock Company ซึ่งใน หัวข้อสำคัญของฟอร์ม คือการหาแนวทางในการแก้ไขหรือพัฒนาศักยภาพของ SMEs เวียดนาม โดยปัญหาหลักของผู้ประกอบการเวียดนาม ได้แก่ การเข้าถึงสินเชื่อของธนาคาร การรายงานทางด้านภาษี ความโปร่งใสของบัญชี และการสร้างแบรนด์นอกจากนี้ ต้องมีการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแก่ SMEs เพื่อเพิ่มศักยภาพ จากข้อมูลสถิติตัวเลขของจำนวนผู้ประกอบการเวียดนาม ระบุว่า เวียดนามมีบริษัทมากกว่า 600,000 บริษัท ซึ่งเกือบ 500,000 บริษัท เป็นธุรกิจขนาดขนาดเล็ก คิดเป็นร้อยละ 96 ของจำนวนบริษัททั้งหมดของเวียดนาม และ SMEs มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้สามารถสร้างงาน 1.2 ล้านตำแหน่ง โดยทางหน่วยงานรัฐเสนอลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก จากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 15-17

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/519707/smes-needs-to-identify-their-problems-to-develop.html#KJumlPXBE2FbXd00.97