ท่าอากาศยานนานาชาติสีหนุวิลล์จำเป็นต้องได้รับการยกระดับ

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา เผย ท่าอากาศยานนานาชาติสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามท่าอากาศยานนานาชาติของกัมพูชา จำเป็นต้องได้รับการยกระดับ ทั้งในส่วนของรันเวย์ อาคารผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อเพิ่มความสามารถในการต้อนรับนักท่องเที่ยว 3 ล้านคนต่อปี และรองรับความต้องการในการเดินทางในอนาค

ที่มา : https://www.news1005.fm/view/5bff9713e3f8e4e9040db4e0

30/11/61

กัมพูชาร้องขอให้ UAE ลงทุนในสาขาสำคัญ ๆ

กัมพูชาขอให้ UAE ลงทุนในอุตสาหกรรมการเกษตร การท่องเที่ยวอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชา เพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดความยากจน โพสต์บนหน้า Facebook ของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นระหว่างการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศของ UAE Reem al-Hashimi โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชยศาสตร์ นายศศักดิ์ เข้าร่วมงาน Dubai World Expo 2020 ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้ให้ความสำคัญกับความคืบหน้าของการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาและนโยบายกระตุ้นที่รัฐบาลมอบให้กับ บริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจในกัมพูชา

ที่มา :  https://www.phnompenhpost.com/business/kingdom-requests-uae-invest-key-sectors

29/11/61

ธุรกิจกาแฟในนครโฮจิมินห์ : โอกาสที่ไม่ควรมองข้าม

ปัจจุบันเวียดนามกลายเป็นแหล่งส่งออกกาแฟกว่า 1.4 ล้านเมตริกตัน เป็นอันดับ 2 รองจากบราซิล (2.5 ล้านเมตริกตัน) คนเวียดนามนิยมดื่มกาแฟวันละหลายแก้ว การบริโภคเฉลี่ยต่อหัวสูงขึ้นถึง 1.5 กิโลกรัม/ปี เพราะปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคกาแฟแบบเดิมเปลี่ยนไปและชนชั้นกลางที่มากขึ้น อย่างร้านกาแฟ/คาเฟ่ที่ได้รับความนิยมในนครโฮจิมินห์มักจะมีการตกแต่งที่ทันสมัย มีบริการ Wifi และเครื่องปรับอากาศ เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมทางสังคม อีกทั้งการกินกาแฟยังมีแตกต่างกันออกไปโดยแบ่งเป็นภาคเหนือและภาคใต้ โอกาสของธุรกิจกาแฟในนครโฮจิมินห์ 1) ภาคใต้มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมและมีชนชั้นกลางจำนวนมาก เหมาะสำหรับการขยายธุรกิจแฟรนไซส์กาแฟเพราะทั้งรายได้ประชากรและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 2.) พฤติกรรมการบริโภคที่เร่งรีบมากขึ้น กาแฟแคปซูล จึ่งเป็นสินค้าที่น่าสนใจเพราะมีการเติบโต 11% และกำลังตีตลาดในอาเซียน 3) กาแฟสำเร็จรูปของไทยมีคุณภาพและมีโอกาสที่จะทำตลาดได้ 4) อุตสาหกรรมสนับสนุนหรือธุรกิจต่อยอด เช่น การนำไปใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์

เมษายน 2561

ทำไมคนเวียดนามในภาคใต้จึงนิยมบริโภคสินค้าไทย ?

ปัจจุบันชนชั้นกลางเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจของเวียดนาม ด้วยกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจึงมีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยราคาสมเหตุสมผลคุณภาพทัดเทียมกับสินค้าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ปัจจัยที่พิสูจน์ว่าสินค้าไทยมีดีอย่างไร คือ 1) การเต็มใจจ่ายซื้อสินค้า 2) การซื้อสินค้าไม่เอาราคาเป็นที่ตั้ง 3) สัญลักษณ์ Made in Thailand สามารถการันตีได้ถึงคุณภาพ แม้ปัจจุบันจำนวนคู่แข่งจะมากขึ้นแต่โอกาสยังสดใสอยู่ โดยเฉพาะเมืองอย่างโฮจิมินห์ ดานัง และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เพราะกำลังซื้อที่เพิ่มถึง 10% ในปี 2560 และคาดว่าในปี 2563 มูลค่าการค้าปลีกจะอยู่ที่ 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หนทางสำหรับสินค้าไทยยังมีอยู่มากจากความชื่นชอบสินค้าไทยในคุณภาพ ภาพลักษณ์ และราคา และการที่ปัจจัยทางด้านการคมนาคมที่เชื่อมกัน รวมถึงระบบโลจิสติกส์มีความเข้มแข็ง สินค้าที่มีศักยภาพในการเติบโตในภาคใต้เวียดนาม ได้แก่ สินค้าด้านการดูแลสุขภาพ เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม และการศึกษา

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์

21 กันยายน 2560

4 กลุ่มสินค้าที่เป็นที่ต้องการในตลาดเมียนมา

สินค้าอุปโภค-บริโภค สินค้าของไทยเป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับ สำหรับการนำไปขาย และควรมีการสร้างแบรนด์จึงจะสามารถตีตลาดได้ สินค้าประเภทยารักษาโรค การนำเข้าสินค้านี้ควรจำเป็นต้องศึกษากฎหมายการนำเข้าให้ดี สินค้าประเภทเครื่องนุ่งห่ม และเสื้อผ้า โดยเฉพาะยีนส์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปตีตลาดเมียนมา สินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะอยู่ในช่วงพัฒนาโครงการก่อสร้างขั้นพื้นฐาน ทำให้เครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ควรเริ่มจากการขายก่อนเพื่อดูความต้องการของตลาดจากนั้นค่อยเริ่มลงทุนธุรกิจ ข้อแนะนำ คนเมียนมาจะซื้อสินค้าจะดูที่คุณภาพเป็นหลักล้วค่อยเปรียบเทียบราคา การขอใบอนุญาติค่อนข้างยาก ค่าจดทะเบียนค่อนข้างสูง คนขายควรเป็นคนท้องถิ่น การค้าขายต่างแดนต้องใช้ความอดทนสูงในการที่สินค้าจะตีตลาด และต้องมีความโดดเด่น คุณภาพดี ถึงจะอยู่รอด

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/25632

18 สิงหาคม 2561

เทคนิคเพิ่มยอดขายสินค้าใน “เมียนมา”

จากการเพิ่มค่าแรงของรัฐบาลเป็น 126 บาทต่อวัน เพิ่มจากปี 2558 ถึง 33% ย่อมส่งผลต่อราคาสินค้า สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการแข่งขันที่สูงของ SME ไทยด้วยกันและคู่แข่ง จีน เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ดังนั้นเทคนิคการเพิ่มยอดขายทั้ง 5 กลยุทธ์นี้เป็นสิ่งที่ SME ไทยควรนำไปปรับใช้คือ ขยายสายการผลิต เพิ่มสายการผลิต ออกแบบสินค้าที่หลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้า ขยายส่วนแบ่งตลาดภายในตลาดเดิม หาคำตอบให้ได้ว่าลูกค้าไม่เลือกสินค้าเราเพราะอะไร นำมาเป็นโจทย์ในการพัฒนาสินค้าเพื่อเจาะกลุ่มให้ได้ ขยายตลาดไปยังนอกประเทศเมียนมา ด้วยเมียนมาถูกขนาบด้วยจีนและอินเดียที่ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาด และอาจได้เห็นโลจิสติกส์หลักในการเชื่อมโยงไทย-เมียนมา-อินเดียเข้าด้วยกัน เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เพิ่มทางเลือกมากกว่าหน้าร้านขาย โดยเพิ่มสื่อทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น เช่น facebook หรือ LINE@ พัฒนาบริการหลังการขาย ยกระดับโดยการประกันและการให้ข้อมูลสินค้า

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/22539

28 มีนาคม 2561

กองสลากจับมือLINEถ่ายสดออกรางวัล

ผศ.ดร ธนวรรธน์ พลวิชัย  กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ถ่ายทอดสดผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล บน LINE TODAY เพื่อเพิ่มช่องทางในการถ่ายทอดสดการออกรางวัลสลาก ให้ครอบคลุมมากขึ้นและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น เนื่องจาก Application LINE เป็นช่องทางการสื่อสารที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วผ่านโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์การสื่อสารอื่นๆ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล Thailand 4.0 ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชน เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการรับชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางอื่น โดยจะเริ่มงวดแรกในงวดวันที่ 1 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป

ที่มา : https://www.innnews.co.th/social/news_251893/

28/11/61

มอเตอร์เอ็กซ์โปคึก ดันสินเชื่อรถปลายปี

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018 จะคึกคักกว่าทุกปี ด้วยภาพรวมเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 และ 3 จึงคาดว่าสิ้นปี ตลาดจะมียอดขายที่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปี 60ส่วนยอดปล่อยสินเชื่อรถใหม่ของธนาคารเติบโตอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ยังควบคุมคุณภาพหนี้ (เอ็นพีแอล) ให้อยู่ในระดับที่ดี โดยตัวเลขเอ็นพีแอล 3 ไตรมาสที่ผ่านมาต่ำกว่า 1% ส่วนตลาดเช่าซื้ออยู่ที่ประมาณ 1.5-2% ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของยอดคงค้างของสินเชื่อรถใหม่กับรถยนต์ใช้แล้วของแต่ละสถาบันการเงินขณะที่ยอดการปล่อยสินเชื่อรถใหม่เติบโตไปพร้อมกับตลาดรถใหม่ ด้านสินเชื่อรถแลกเงินในปี 61 ก็สามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สิ้นปีนี้จะมียอดปล่อยสินเชื่อมากกว่า 20,000 ล้านบาท และเติบโต 25% จากปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/679592

28/11/61