เมียนมาขอสนับสนุนการค้าจากสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง

สหภาพการค้าเมียนมาได้ขอร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ให้การสนับสนุนโครงการพิเศษ (GSP) ในขณะเดียวกันก็สร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีการสนับสนุนและความร่วมมือในการปฏิรูปสิทธิมนุษยชนและแรงงาน สหพันธ์เมียนมาสภาหอการค้า (UMFCCI) ร่วมกับสมาพันธ์สหภาพแรงงานเมียนมา (CTUM) และเมียนมาอุตสาหกรรมหัตถกรรมและบริการสหภาพแรงงานสหพันธ์แรงงาน (MICS) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่น่าสนใจ EU ดำเนินโครงการจัดสรรอาวุธทุกอย่าง แต่อย่างใด (EBA) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ GSP ของกลุ่ม ปัจจุบันสหภาพเมียนมาได้รับประโยชน์จากโครงการ EU EU EBA ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ GSP ของกลุ่ม แต่เป็นภารกิจระดับสูงในสหภาพยุโรปที่ไปเยือนเมียนมาในเดือนตุลาคมเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ที่จะเพิกถอนสถานะการค้าพิเศษของประเทศนี้ นอกจากนี้คณะกรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรปเซซิเลียมาล์มสตรอมเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมประกาศว่ากลุ่มกำลังพิจารณายุติสิทธิทางการค้าเมียนมาอันเนื่องมาจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคเหนือของยะไข่

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-seeks-continued-trade-favour-eu.html

17/12/61

ไทย-สปป.ลาว ประชุม เห็นพ้องแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย

ไทย-สปป.ลาว  ประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย – สปป.ลาว ครั้งที่ 3 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว สองฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือทุกด้าน ย้ำความสัมพันธ์มิตรภาพไทย-สปป.ลาว เดินหน้าเร่งรัดการพัฒนาเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมไทย-สปป.ลาว เพื่อส่งเสริมด้านการค้าไทย-สปป.ลาว พร้อมสนับสนุนไทยเป็นประธานอาเซียน ปี62 ขณะที่ รมว.แรงงาน เผยรัฐบาลไทย-สปป.ลาว เห็นชอบสานต่อความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาแรงงานสปป.ลาวที่เข้าไปทำงานในไทยโดยผิดกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งยืนยันส่งเสริมพัฒนาฝีมือแรงงาน การจ้างงาน การคุ้มครองแรงงาน และการประกันสังคม

ที่มา : www.komchadluek.net

18/12/61

กัมพูชาเปิดเขื่อนขนาดใหญ่สุดของประเทศ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกัมพูชา เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ว่า เขื่อนเซซานตอนล่าง 2 ขนาด 400 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 25,498 ล้านบาท สร้างคร่อมแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง ด้วยเงินทุนสนับจากรัฐบาลจีนที่ถือหุ้น 51% ส่วนกัมพูชา 39% และกลุ่มทุนของเวียดนาม 10% เป็นหนึ่งในเขื่อนหลายแห่ง ที่ถูกวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เอ็นจีโอ และนักวิทยาศาสตร์ว่า ส่งผลกระทบต่อระบบการผลิตอาหารในภูมิภาค กระทบต่อวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น และความหลากหลายทางชีวภาพ การประมงของแม่น้ำโขง หลายปีที่ผ่านมา กัมพูชาสร้างเขื่อนจำนวนมาก เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตไฟฟ้า และกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านเขื่อนเซซานตอนล่าง จะถูกส่งมอบเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาล หลังดำเนินกิจการผ่านไป 40 ปี

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/foreign/683032

18/12/61

สหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการบังคับเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนใหม่ เป็นวันที่ 2 มี.ค.62

สำนักงานผู้แทนการค้าการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์จากประเทศจีนใหม่จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 จากเดิมที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 62 เป็นวันที่ 2 มี การคบหาสมาคมจีนาน 20 ระหว่างนายกฯ และผู้บริหารจีนที่ประเทศอาร์เจนตินา

ที่มา: https://www.news1005.fm/view/5c14b923e3f8e4e9090e6796

17.12.61

พาณิชย์ นำผู้ประกอบการไทยเจรจาจับคู่ธุรกิจกับกัมพูชา ปิดดีลค้าขายทันทีกว่า 20 ล้านบาท

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา นำคณะผู้ประกอบการไทยกว่า 30 รายเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 6-8 ธ.ค 61 ที่ผ่านมา เพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการของกัมพูชา โดยปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถเกิดมูลค่าการซื้อขายทันทีกว่า 20 ล้านบาท และมีการจัดทำสัญญาซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายไม่น้อยกว่า 5 ราย เพื่อเป็นคู่ค้าทางธุรกิจในระยะยาวต่อไป

ที่มา : https://www.ryt9.com

16.12.61

ซี พี เวียดนามรับอานิสงส์ราคาหมูพุ่ง-ซัพพลายหด 20%

จากวิกฤติหมูล้นตลาดในเวียดนามเมื่อปีก่อน ส่งผลให้รายได้ ซี.พี.เวียดนามในปี60 ทำได้ 1,947 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 2,246 ล้านเหรียญสหรัฐ เหตุสำคัญคือหมูล้นตลาด เนื่องจากปี58-59 จีนขาดแคลนจึงมีการนำเข้าหมูจำนวนมาก มีการเลี้ยงหมูเพิ่มขึ้นไปถึงเกือบ 50 ล้านตัว แต่เมื่อปี60 ที่ผ่านมา จีนประกาศห้ามนำเข้าหมูจนถึงปัจจุบัน ทำให้ไม่มีตลาดรองรับ ราคาหมูตกต่ำลงไปเหลือ กก.ละ ประมาณ 40-45 บาท แต่ในปีนี้แนวโนมดีขึ้นเพราะปริมาณหมูลดลง ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นเป็น 50% กิโลกรัมละ 73-80 บาท แต่ละปีลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น มีแผนลงทุนในโรงงานแปรรูปสุกรเพื่อส่งออก เงินลงทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี63

ที่มา :  https://www.prachachat.net/economy/news-264572

17.12.61

เวียดนามเป็นแหล่งทรัพยากรรายใหญ่ของผู้ซื้อในอาเซียน

จากรายงานระบุว่า เวียดนามเป็นแหล่งทรัพยากรรายใหญ่ของผู้ซื้อในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยที่อาเซียนเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและจีน เป็นต้น อีกทั้ง ประชากรของกลุ่มประเทศอาเซียนมีประมาณ 660 ล้านคน ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้เวียดนามส่งเสริมการค้า สำรวจตลาดมากขึ้นและ ดำเนินการจัดข้อตกลงเรื่องการลดภาษีศุลากากรให้เป็นศูนย์ภายในปีนี้ รวมถึงให้ความสำคัญกับอีคอมเมิร์ซ นอกจากนั้น ประเทศจีนยังเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จากข้อมูลสถิติ พบว่า มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปจีนอยู่ที่ 38.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 ปีต่อปี ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าตลาดอื่นๆ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/482109/vn-to-become-major-source-for-asean-buyers.html#bcEBmDpGfJ8RLQRp.97

15.12.61

ประธานาธิบดีเมียนมายกให้ปี61 เป็นปีแห่งความรุ่งเรืองสำหรับรัฐยะไข่

ประธานาธิบดีวิน มินต์ ของเมียนมา เผยวานนี้ว่าปี 61 ถือเป็นปีแห่งความรุ่งเรืองสำหรับรัฐยะไข่ดินแดนที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และเป็นศูนย์กลางของวิกฤตโรฮิงญา พร้อมแสดงความยินดีกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์เนื่องในวันครบรอบ 44 ปี ของรัฐยะไข่ ประธานาธิบดีเมียนมายังกล่าวชื่นชมถึงข้อตกลงที่ลงนามกับบังกลาเทศ เพื่อส่งผู้ลี้ภัยโรฮิงญากลับประเทศ และการจัดการที่เกิดขึ้นเพื่อรับผู้พลัดถิ่นเหล่านั้น แม้เมียนมาและบังกลาเทศจะบรรลุข้อตกลงการส่งกลับผู้ลี้ภัย แต่การดำเนินการยังคงล่าช้า และหยุดชะงัก เนื่องด้วยผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ไม่ต้องการเดินทางกลับ หากยังไร้ซึ่งการรับประกันการคุ้มครอง สถานะพลเมือง หรือสิทธิต่างๆ จากรัฐบาลและทหาร รัฐยะไข่ เป็นหนึ่งในรัฐที่ยากจนที่สุดของประเทศ และถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจตามแผนพัฒนา ซึ่งรัฐบาลกำลังทำงานเพื่อจัดหาพลังงานไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงให้แก่เมืองต่างๆ

ที่มา : https://www.news1005.fm/view/5c15b8efe3f8e4e9090e6c32

17.12.61

เมียนมารุกตลาดเปิดตัว เมียนมาเอ็กซ์โป ครั้งแรกในไทย พร้อมสินค้าชั้นนำนานาชนิด

ในวันนี้ 14 ธ.ค. เปิดงานแสดงสินค้าเมียนมา เอ็กซ์โป ครั้งแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มีกำหนดระหว่างวันที่ 14-16 ธ.ค.นี้ ณ ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางกะปิ โดยมีผู้ประกอบการเมียนมามากกว่า 100 ราย นำเสนอสินค้าคุณภาพระดับท็อปๆ ของประเทศ ถือได้ว่าเป็นการเปิดประตูการค้าระหว่างกันมากขึ้น โดยมีการจับคู่ธุรกิจให้ผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ ในการจัดงานครั้งนี้เป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าเมียนมาต้องการเชื่อมโยงประตูการค้ากับไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในอาเซียนในอนาคตด้วย ขณะที่บทบาทของเมียนไม่ใช่รอนักลงทุนเข้ามาเท่านั้น แต่นับจากนี้ยังพร้อมที่จะรุกตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน

ที่มา : https://www.prachachat.net/aseanaec/news-265113

17.12.61