กลินท์ สารสิน เชื่อมโยงอาเซียนสู้สงครามการค้า
กลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ประเมินเศรษฐกิจใน ปี 62 อาจขยายตัว 4% จากปีนี้ 4.4-4.8% จากปัญหาสงครามการค้า ด้านดีคือเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มดี และราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจากปัญหาสหรัฐ – อิหร่านและหลังเลือกตั้งกลางเทอม จะนำเข้าจากไทยทดแทนจีน และจีนก็จะนำเข้าสินค้าจากไทยเช่นกัน อาจจะย้ายฐานการผลิตเข้ามาไทย ควรใช้ประโยชน์จากความร่วมมือการค้า โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ในการเชื่อมโยงสู่จีน ส่วนผล Brexit ใน EU ยังไม่กระทบมากนัก ขณะที่กลุ่มตลาดใหม่ (emerging market) ทั้งยุโรปตะวันออก แอฟริกา อินเดีย ฯลฯ และตะวันออกกลางจะมีแนวโน้มดีขึ้น
ทรยศอย่างน่าละอาย! แอมเนสตี้ ถอด อองซาน ซูจี พ้นทูตแห่งมโนธรรมสำนึก
องค์การนิรโทษกรรมสากล ยึดรางวัล ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก ซึ่งเป็นรางวัลด้านมนุษยชนสูงสุดของแอมเนสตี้ จาก นางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลเมียนมา โดยอ้างว่า “เธอไม่ได้ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของกองทัพ ในการกวาดล้างชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจา ในรัฐยะไข่” และเรียกพฤติกรรมนี้ว่า เป็นการทรยศอย่างน่าละอาย อีกทั้งเธอยังเห็นด้วยกับการจำคุก 2 นักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งขุดคุ้ยเรื่องนี้ด้วย นางซูจี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการเชิดชูว่าเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แอมเนสตี้เสนอชื่อ รับรางวัล “ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก” ในปี 52 ขณะที่เธอยังคงถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักกรุงย่างกุ้ง
เปิดกลยุทธ์มัดใจเพื่อนบ้าน ลาว-เมียนมา
สมาคมไทย-พม่า เพื่อมิตรภาพและสมาคมไทย-ลาว เพื่อมิตรภาพ ได้ทำกิจกรรมเพื่อมอบโอกาสด้านการศึกษาและช่วยเหลือด้านต่างๆ ทั้งในเมียนมาและลาว เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ได้ส่งมอบอาคารเรียน 2 ชั้น 16 ห้องเรียนให้กับ สปป.ลาว โดยรับการสนับสนุนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ช.การช่าง จำกัด ฯลฯ และยังประสานกับภาคส่วนต่าง ๆ ของไทยเพื่อช่วยเหลือ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ. เวียงจันทน์ ร่วมกับบริษัทและคนไทยที่อย่ใน สปป. ลาว ได้รวมเงินบริจาค จำนวน 1,300,000 บาท และ 26,000,000 กีบ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. และครั้งที่ 2 จำนวน 2,228,000 บาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.
เจาะ Insight ผู้บริโภคเมียนมาปี 2018 เปลี่ยนผ่านสู่ยุค “ช้อปเพื่อไลฟ์สไตล์”
บริษัท เอ็นไวโรเซล ประเทศไทย จำกัด บริษัทวิจัยระดับโลกได้วิเคราะห์เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเมียนมาในปี 2018 ได้อย่างน่าสนใจคือ ตลาดโมเดิร์นรีเทล (Modern Retail) เติบโตสูง พื้นที่ retail ของ Aeon, Miniso หรือ Daiso จากญี่ปุ่นเติบโตถึง 28% ต่อปี ส่วนเมืองรองจะมี Grab and Go ร้านสะดวกซื้อที่เปิดตัวในปี 2013 ด้วยจำนวน 10 สาขา มองหาสินค้าที่สนองไลฟ์สไตล์มากกว่าแค่ปัจจัยสี่ หันมาซื้อของที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของยุคสมัยมากขึ้น เครื่องใช้ฟ้าจากจีนและญี่ปุ่นอย่าง เครื่องซักผ้าและตู้เย็นเติบโตขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคจะเป็นของไทย เครื่องสำอางค์จากเกาหลี หันมาเข้าร้านกาแฟที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้นและเติบโตจาก 6% ในปี 2013 เป็น 45% ในปี 2016 โกอินเตอร์ สนใจภาพลักษณ์ใช้ของอิมพอร์ตมากขึ้น เปิดรับสื่ออย่างอินเตอร์เน็ตและนิยมดู VDO Streaming เป็นที่นิยมมากในปี 2017 ซึ่ง 80% ดูผ่านมือถือ ทำให้ Netflix กำลังขยายธุรกิจไปยังเมียนมา นิยมเดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น ในปี 2017 พบว่าเดือนทางไปต่างประเทศถึง 3 ล้านคน สูงสุดในกลุ่มอาเซียน ปัจจุบันคนเมียนมาที่มีการเปิดรับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ผู้ประกอบการควรศึกษาตลาดและผู้บริโภคให้ดี เพื่อเข้าไปขายสินค้าอย่างถูกที่ ถูกเวลา ถูกกลุ่ม และวางกลยุทธ์ได้ถูกทาง
ที่มา: https://www.smethailandclub.com/aec-2840-id.html
27 กุมภาพันธ์ 2561
สปป.ลาว ท็อปค่าใช้จ่าย “แพงสุด” ในลุ่มน้ำโขง ชู 2018 ปีแห่งการท่องเที่ยว
บรรดากลุ่มประเทศ CLMV สปป.ลาวจัดเป็นประเทศที่ยากจนที่สุด แต่กลับเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดด้วยเช่นกัน ด้วยความที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล “Land Locked Country” จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าทุกประเทศไม่เว้นแม้กระทั่งข้าวเหนียว แม้การเป็นแบตเตอรี่แห่งเอเชีย ที่ต้องอาศัยการสร้างเขื่อนพลังงานฟ้า 100 แห่งภายในปี 2020 แต่ถูกต่อต้านจากนักเคลื่อนไหวและกัมพูชา ดังนั้นการท่องเที่ยวจึงเป็นทางออกแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนลดลง 12% ของครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยเฉพาะจากชาติอาเซียนลดลงมากที่สุด เหตุจากค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว การเดินทาง อาหาร ที่พักและค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไปและยังสูงกว่าเวียดนามด้วยซ้ำ แม้ปี 2561 จะเว้นวีซ่าตลอดทั้งปีให้กับประเทศอย่าง เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และสวีเดน ด้านจีนที่พยายามเชื่อม Land Links ต้องจับตาว่าจะสามารถช่วย สปป.ลาวในด้านการท่องเที่ยวและการค้าได้มากน้อยเพียงใด
ที่มา: https://www.matichonweekly.com/intrend/article_77224
24 มกราคม 2561
เดินหน้าแผนแม่บทเชื่อมอาเซียน จ่อเปิดเสรีการบิน-คุมเรือสำราญ
พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ระบุว่า ด้านขนส่งมีส่วนทำให้อาเซียนเติบโต ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก มีประชากร 640 ล้านคน และ GDP รวมกันมีมูลค่าสูงถึง 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมา ได้ลงนามความร่วมมือผลักดันการขนส่งแบบไร้รอยต่อ พร้อมทั้งจัดทำแผนแม่บทเชื่อมอาเซียน 2025 เพื่อเน้นการเชื่อมโยง ซึ่งการคมนาคมขนส่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ และด้านการขนส่ง