เวียดนามเผยยอดส่งออกถ่านหินเพิ่มขึ้นช่วง 8 เดือนแรก
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามเผยเวียดนามส่งออกถ่านหินเกือบ 1.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 224 ล้านดอลลาร์ในช่วง 8 เดือนแรกของปี61 โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 27.4%มูลค่าเพิ่มขึ้น 24.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดียเป็นตลาดส่งออกหลัก ข้อมูลจาก Vinacominเป็นบริษัทอุตสาหกรรมถ่านหินแห่งชาติของเวียดนาม เผยเวียดนามวางแผนผลิตถ่านหินมากกว่า 41.5 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าผลิตถ่านหิน 86.4 ล้านตันในปี63 และ 256 ล้านตันในปี73 ในปี60 เวียดนามส่งออกถ่านหินประมาณ 2.3 ล้านตัน มูลค่า 295 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี59 ถึง 84.7% ในเชิงปริมาณ และ 112.8% ในเชิงมูลค่า โดยเวียดนามส่งออกถ่านหินไปยังญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไทย และอินโดนีเซียเป็นส่วนใหญ่
ที่มา
กัมพูชา-ฝรั่งเศสร่วมมือสนับสนุนการท่องเที่ยว
กัมพูชาและฝรั่งเศสตกลงที่จะกระชับความร่วมมือเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชาและแสดงเจตนารมณ์ในการร่างและลงนามในบันทึกความเข้าใจในเรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา แต่ประเทศกำลังต้องการการสนับสนุนจากคู่ค้าด้านการพัฒนาเพื่อรับมือกับความท้าทายหลัก ๆ ในภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและข้อเสนอด้านการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเล็ก ผลิตภัณฑ์ และฝรั่งเศสสนับสนุนการพัฒนาของกัมพูชาอย่างต่อเนื่องโดยสนับสนุนภาคเศรษฐกิจที่แตกต่างกันรวมไปถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้วย
ที่มา : https://www.b2b-cambodia.com
07/09/61
เหงียน ฝู จ่อง ควบ 2 ตำแหน่งเวียดนาม
เมื่อ 3 ต.ค. คณะกรรมการกลางพรรครัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนาม ลงมติอย่างท่วมท้นเสนอชื่อ “สหาย เหงียน ฝู จ่อง” เลขาธิการพรรคฯ เพียงคนเดียวที่จะดำรงตำแหน่งต่อจากนายเจิ๋น ดั่ย กวาง อดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งอสัญกรรมเมื่อเดือน ก.ย. หากสมัชชาแห่งชาติเวียดนาม สภาตรายางของพรรคฯยืนยันรับรอง ซึ่งคาดว่าภายในเดือนนี้ นายจ่อง วัย 74 ปี ก็จะเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่ควบ 2 ตำแหน่งนับแต่อดีตประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ ช่วงปี ค.ศ. 1960.
จัดทัพลงทุนธุรกิจสปาใน CLMV
โดย ปุลวัชร ปิติไกรศร
ธุรกิจสปาเป็นหนุ่งในธุรกิจดาวรุ่งของไทยที่ขยายตัวควบคู่กับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่นิยมใช้บริการสปาของไทย ทั้งนี้ Global Wellness Institute ประเมินว่าตลาดสปาของไทยมีมูลค่าราว 4.3 หมื่นล้านบาทในปี 2017 และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตัวด้านรายได้และจำนวนชนชั้นกลางในจีน รวมถึงยังคว้าโอกาสจากจุดแข็งด้านคุณภาพการบริการ รูปแบบการทำสปาที่มีเอกลักษณ์ และองค์ความรู้ด้านสมุนไพร
อีไอซี (EIC) มองว่ากัมพูชาและเวียดนามเหมาะกับการเข้าไปลงทุนธุรกิจสปา โดย IMF คาดว่ารายได้ต่อหัวของประชากรกัมพูชาจะขยายตัวเฉลี่ย 7.5% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ขยายตัวเฉลี่ย 29% ต่อปีในช่วงปี 2013-2017 ทั้งนี้ เมืองที่น่าลงทุน คือ ‘พนมเปญและเสียมฐาน’ ซึ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของกัมพูชา
นอกจากนี้ ปัจจุบัน ธุรกิจสปาของกัมพูชาส่วนใหญ่เป็น hotel spa ที่บริหารโดยโรงแรมระดับสากล เช่น Le Méridien Spa หรือ So SPA by Sofitel แต่ยังไม่มี day spa ที่มีมาตรฐานสากลเปิดให้บริการมากนัก
ในขณะที่เวียดนามมีจุดที่น่าสนใจ คือ ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตรุดหน้ากว่าประเทศอื่นในกลุ่ม CLMV จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ขยายตัวเฉลี่ย 23% ต่อปีระหว่างปี 2013-2017 จนแตะระดับ 4 ล้านคน ขณะที่ จำนวนชนชั้นกลางก็คาดว่าจะขยายตัวจนมีจำนวน 33 ล้านคนในปี 2020 ส่งผลให้เวียดนามมีฐานลูกค้าคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจีนที่ใหญ่กว่าประเทศอื่น การลงทุนในเมืองใหญ่อย่างดานัง ฮานอยและโฮจิมินห์จึงมีความน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม เวียดนามมีรูปแบบการทำสปาท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งอาจส่งผลให้รูปแบบการทำสปาจากต่างประเทศไม่ได้รับความนิยมมากนักจากคนท้องถิ่น ผู้ประกอบการอาจต้องปรับรูปแบบการทำสปาแบบสากลให้เหมาะสมกับคนท้องถิ่นเพื่อให้ตัดสินใจใช้บริการได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ในปัจจุบัน เวียดนามพบว่ามีการลงทุนจากกลุ่มธุรกิจสปาขนาดใหญ่อย่าง Six Senses รวมถึง Le SPA ที่บริหารโดย AccorHotels ก็เริ่มเปิดให้บริการในโรงแรมหลายแห่ง
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญของการขยายธุรกิจสปาในกัมพูชาและเวียดนามคือการเปลี่ยนงานของแรงงานท้องถิ่นในตำแหน่งผู้บริหารระดับกลาง ซึ่งมักจะเปลี่ยนงานบ่อยครั้งเมื่อมีโอกาสได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้น เนื่องจากกฎหมายของทั้งสองประเทศกำหนดสัดส่วนการจ้างงานแรงงานท้องถิ่นของบริษัทต่างชาติ ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจสปาที่เติบโตโดยการขยายสาขา ผู้ประกอบการจึงควรหาวิธีแก้ไขปัญหานี้หากต้องการรุกตลาดในทั้งสองประเทศ
กัมพูชาส่งออกกล้วยไปจีนในช่วงต้นปี62
บริษัท ผลิตกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา Longmate Agriculture Co Ltd วางแผนที่ส่งออกกล้วยไปตลาดจีนในช่วงต้นปี62 กรรมการผู้จัดการของ Longmate Hun Lak กล่าวว่า บริษัทของเขามีแผนจะส่งออกกล้วยอย่างน้อย 25,000 ตันไปยังจีน เกาหลีและญี่ปุ่น บริษัทเชื่อว่าหุ้นส่วนชาวจีนของพวกเขามีประสบการณ์มากมายในการวิจัยและผลิตกล้วย นอกจากนี้กัมพูชายังมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมและที่ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกกล้วย บริษัทเชื่อว่าการลงทุนกล้วยครั้งใหญ่ครั้งแรกในกัมพูชามีส่วนช่วยส่งเสริมการเติบโตของประเทศโดยการจ้างแรงงานในท้องถิ่นและลดความยากจนและการย้ายถิ่นฐาน
ที่มา : http://en.freshnewsasia.com
แผนการก่อสร้างเมืองท่องเที่ยวกัมพูชา
ยูเนี่ยนกรุ๊ปพัฒนา (UDG) วางแผนที่จะเริ่มดำเนินโครงการในช่วงต้นปี 2019 โดยประธาน UDG ประกาศว่าได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศว่า การจัดงาน China-ASEAN Expo ครั้งที่ 15 จัดขึ้นที่เมืองหนานหนิงประเทศจีน พาณิชย์ได้กล่าวสนับสนุนโครงการนี้ว่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจการค้าของกัมพูชาเข้าสู่ระบบการค้าโลกและเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
TILOG–LOGISTIX 2018 เวทีบูรณาการภาคธุรกิจโลจิสติกส์ไทย สร้างโอกาสเชื่อมโยงสู่ภูมิภาค
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ รี้ด เทรดเด็กซ์ จัดงาน TILOG–LOGISTIX 2018 ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2561 ณ ไบเทค กรุงเทพ เพื่อเป็นเวทีบูรณากา
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1358974
รายละเอียดข่าว
Fact sheet ประเทศเวียดนาม
อ่าน Fact sheet เวียดนาม ที่นี่