การปฏิรูปการธนาคาร การกระตุ้นการลงทุน มีส่วนผลักดันการเติบโตมากขึ้น

จากรายงานของธนาคารโลก (World bank) จีดีพีของเมียนมาคาดว่าจะเพิ่มเป็น 6.5% ในปี 2562-2563 โดยได้รับแรงส่งจากการลงทุนภาครัฐและการเลือกตั้งในปี 2563 หลังจากนั้นจะขยายตัว 6.6% แต่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 6.2% จาก 6.8% ในปี 2018 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอ อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน ต้นทุนสูงขึ้น การนำเข้าสินค้าทุนวและการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง ล่าสุดเมียนมาได้กระตุ้นนักลงทุนต่างชาติ โดยอนุญาตให้ธนาคารต่างประเทศขยายและปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจท้องถิ่นและประกอบธุรกิจประกันภัยได้ ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะโต 6.4% ซึ่งต่ำกว่า 6.8% ในปี 2561 และมองว่าศักยภาพอยู่ในระดับต่ำเพราะการก่อสร้างที่ลดลงและปัญหาสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่นอกจากนี้ยังพบความเสี่ยงจากการถอนสิทธิ GSP ของสหภาพยุโรปซึ่งเป็นคู่ค้ารายสำคัญ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/banking-reforms-higher-investments-will-drive-better-growth-world-bank.html

ภายในห้าเดือนราคาเชื้อเพลิงเมียนมาจาก 17% เป็น 29%

ราคาเชื้อเพลิงในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 140 จ้าด เป็น 205 จ้าด ต่อลิตรในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา ผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งถึง 66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เช่น ราคาสูงสุดคือ 995 จ้าดต่อลิตสำหรับน้ำมันดีเซล 1,005 จ้าดต่อลิตรสำหรับดีเซลพรีเมียม ฯลฯ หลังจากราคาสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2561 พบว่าราคาน้ำมันสำหรับดีเซลพรีเมียมเพียง 850 จ้าดต่อลิตร และน้ำมันดีเซลราคาอยู่ที่ 855 จ้าดต่อลิตร ถึงแม้ว่าน้ำมันราคาดอลลาร์เมื่อเทียบกับจ๊าดของเมียนมาลดลงในช่วงมกราคม 2019 แต่ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นราคาน้ำมันจึงเพิ่มจาก 25 จ้าด เป็น 60 จ้าดต่อลิตร เดือนกุมภาพันธ์ราคา 40 ต่อลิตร และในเดือนมีนาคมจาก 55 จ้าดเป็น 80 จ้าดต่อลิตร

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/local-fuel-prices-increase-by-17-to-29-in-nearly-five-months

ธุรกิจสามแห่งในสปป.ลาว ได้รับการยอมรับในโครงการเร่งรัดการเริ่มต้นการท่องเที่ยวในลุ่มแม่น้ำโขง (MIST)

MIST เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างนวัตกรรมในการเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวในภูมิภาคที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งโครงการริเริ่มธุรกิจแม่น้ำโขง (MBI) และสำนักงานประสานงานการท่องเที่ยวแม่น้ำโขง (MTCO) ได้ประกาศว่าการเริ่มต้นการท่องเที่ยวเชิงนวัตกรรมสามธุรกิจจากสปป.ลาวได้รับการยอมรับสำหรับโครงการเริ่มต้นการเริ่มต้นการท่องเที่ยวในลุ่มแม่น้ำโขง

ที่มา : https://laotiantimes.com/2017/04/24/three-lao-startups-accepted-mekong-innovative-startup-tourism-mist-startup-accelerator-program/

ธนาคารสปป.ลาว จับมือกันเพื่อเพิ่มระบบการชำระเงิน

ธนาคารใหญ่ 7 แห่งในสปป.ลาวได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อวันที่ 22 เมษายนเพื่อจัดตั้งบริษัท the Lao National Payment Network (LAPNet) เพื่อการชำระเงินที่รวดเร็วเชื่อถือได้และสะดวกสบายมากขึ้น โดย LAPNet ถูกตั้งค่าให้ใช้ระบบประมวลผลสินเชื่อ ที่จัดทำโดยธนาคารแห่งสปป.ลาว ดังนั้นลูกค้าสามารถใช้บัตรเครดิตและเงินฝากในการทำธุรกรรมผ่านระบบ ATM และ CDM รวมถึงการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีถอนเงินสดหรือโอนเงิน ในระยะยาวบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินสำหรับธุรกรรมระหว่างธนาคารผ่านช่องทางต่างๆ เช่น QR Code และ Internet-Mobile Bankingจากข้อมูลของ BOL พบว่าการใช้เงินสดใน ท้องถิ่นประสบปัญหาในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์เพิ่มขึ้น การใช้เงินสดถือเป็นสาเหตุของปัญหาสังคม เช่นการโจรกรรมและการทุจริต การจัดตั้ง LAPNet คาดว่าจะช่วยลดปัญหาดังกล่าว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/lao-banks-join-hands-to-boost-payment-system/151566.vnp

กัมพูชา – ฟิลิปปินส์เปิดตัวเที่ยวบินตรงจากมะนิลา – เสียมราฐ

กัมพูชาและฟิลิปปินส์วางแผนที่จะเปิดตัวเที่ยวบินตรงของมะนิลา – เสียมราฐ หลังจากที่ทั้งสองดำเนินการเที่ยวบินตรงของมะนิลา – พนมเปญโดยตรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง Kao Kim Hourn ฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่วังแห่งสันติภาพ เอกอัครราชทูตชื่นชมความก้าวหน้าของกัมพูชาโดยเฉพาะการเติบโตของอาคารสูงในกรุงพนมเปญ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนรับทราบถึงความก้าวหน้าที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและฟิลิปปินส์ นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศส่งเสริมการค้าโดยกล่าวว่าเขาต้องการเห็นข้าวกัมพูชาเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์

ที่มา : http://en.freshnewsasia.com/index.php/en/localnews/13773-2019-04-24-08-29-19.html

โรงกลั่นน้ำมัน Dung Quat มีรายได้มากกว่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปีนี้

โรงกลั่นน้ำมัน Duang Quat มีกำลังการผลิตเกินกว่าที่กำหนดไว้ร้อยละ 7 ในไตรมาสแรกของปีนี้ และมีกำไรหลังหักภาษีมากกว่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ โรงงานสามารถผลิตได้มากกว่า 1.7 ล้านตัน นอกจากนี้ ทางบริษัท BSR ของเวียดนาม กล่าวว่าราคาน้ำมันดิบโลกมีความผันผวนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ ทำให้ทางบริษัทต้องเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับกับความผันผวนของโลก ทั้งด้านการส่งเสริมการตลาด และการหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านเทคโนโลยี เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/519000/dung-quat-refinery-earns-26m-in-q1-post-tax-profit.html#uyQbSozU1pVKcpHc.97