ธุรกิจรับสร้างบ้านชะลอตัว น้ำท่วมฉุดกำลังซื้อ-ค่าแรง-วัสดุดันต้นทุนพุ่ง

นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า มูลค่าบ้านที่ประชาชนสร้างเองทั่วประเทศ (มิใช่ บ้านจัดสรร) มีมูลค่ารวมประมาณ 2 แสนล้านบาทเศษ สำหรับมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด สมาคมฯ ประเมินว่า กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2.4 – 2.5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 12% แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1.4 – 1.5 หมื่นล้านบาท และต่างจังหวัดประมาณ 1 – 1.1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านแข่งขันอยู่ในธุรกิจจำนวน230 – 250 ราย ประกอบด้วยบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ รายกลาง รายเล็ก และบริษัทในท้องถิ่น(ต่างจังหวัด) โดยจะมีแบบบ้านให้ผู้บริโภคเลือกปลูกสร้างระดับราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท ไปจนถึงราคา 150 ล้านบาทขึ้นไป จากสถานการณ์น้ำท่วมขังหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ทรัพย์สินและบ้านเรือนเกิดความเสียหาย คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ และความต้องการสร้างบ้านใหม่จะชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนก่อสร้างทั้งค่าวัสดุและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกัน ซึ่งถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการทั้งรายเก่ารายใหม่ สมาคมฯ ประเมินว่าตลาดรีโนเวทบ้านจะเติบโตได้ดีในช่วงไตรมาสสุดท้าย และอาจเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวหันมาจับตลาดรีโนเวทบ้าน เพื่อเป็นการสร้างรายได้และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/689364

รายได้โตไม่ทันรายจ่าย ปัจจัยกดดันปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทย ณ ไตรมาส 2 ปี 2022 อยู่ที่ 14.76 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.5%YOY มีทิศทางชะลอลงต่อเนื่องหลายไตรมาส โดยขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดวิกฤตโควิด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 88.2% นอกจากนี้ยังเป็นผลจาก Nominal GDP ที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังผ่อนคลายนโยบายควบคุมโรคและเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงผลด้านราคาที่ปรับสูงขึ้นมากในปีนี้ หากพิจารณาการขยายตัวของสินเชื่อครัวเรือน พบว่าชะลอลงเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลแม้จะชะลอลงบ้าง แต่ถือว่ายังขยายตัวสูง ส่วนหนึ่งสะท้อนแนวโน้มการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายทดแทนการขาดสภาพคล่อง ในภาวะรายได้ฟื้นตัวไม่ทันรายจ่าย จะเป็นปัจจัยกดดันปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยในระยะถัดไป โดยผลสำรวจจาก EIC Consumer survey 2022 พบว่า (1) ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ค่าครองชีพคนไทยสูงขึ้นต่อเนื่องสวนทางกับรายได้ (ผู้บริโภคเกือบ 2 ใน 3 ยังมีรายได้ไม่เท่ากับก่อนเกิดวิกฤตโควิด โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อยที่รายได้ฟื้นช้ากว่ากลุ่มคนรายได้สูง)และ (2) ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าผู้บริโภค 43.8% คาดว่ารายได้จะโตไม่ทันรายจ่าย มีความเสี่ยงที่จะก่อหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต

ที่มา: https://www.naewna.com/business/689126

‘นายกฯไทย-ลาว’ วางศิลาฤกษ์สร้างสะพานมิตรภาพบึงกาฬ-บอลิคำไซ คาดเปิดปี 67

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน พร้อมด้วยนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม คณะผู้บริหาร กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง (ทล.) และกรมขัวทาง กระทรวงโยธาธิการและขนส่งร่วมงาน ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล ที่มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศไทย ทั้ง 4 มิติ ได้แก่ บก ราง น้ำ และอากาศ ให้เชื่อมโยงการเดินทางสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวในภูมิภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงการเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ด้วยระบบการคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สำหรับโครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) วงเงินก่อสร้าง 3.65 พันล้านบาท ที่ร่วมลงทุนโดยรัฐบาลไทย 2.50 พันล้านบาท และรัฐบาล สปป.ลาว 1.15 พันล้านบาท แบ่งความรับผิดชอบการก่อสร้างจากกึ่งกลางสะพาน ปัจจุบันมีความคืบหน้าในภาพรวมทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวอยู่ที่ 57% (ณ เดือนกันยายน 2565)

ที่มา : https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_621791

นายกฯ ไทย-สปป.ลาว เตรียมวางศิลาฤกษ์สร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2022 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเดินทางเป็นประธานร่วมกับนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ด้านโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า พิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 นี้ เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันในช่วงที่นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เยือนไทยเมื่อวันที่ 1-2 มิถุนายน 2022 โดยสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 นี้ มีความยาว 1.35 กิโลเมตร แบ่งเป็นฝั่งไทย 0.815 กิโลเมตร และฝั่ง สปป.ลาว 0.535 กิโลเมตร สะพานแห่งนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการคมนาคมขนส่งระหว่างไทยกับ สปป.ลาว และส่งเสริมความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคระหว่าง ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม บนเส้นทางหมายเลข 8 (R8) เชื่อมต่อกับมณฑลกว่างสีของจีนได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งคาดว่าสะพานแห่งนี้จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2024

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40021391

ค้าชายแดนหนองคายคืนสภาพ ส่ง‘ผ่านแดน’ เข้าลาวโตพรวด 3 เท่า

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย โดยน.ส.จิราภรณ์ ศิริประเสริฐ พาณิชย์จังหวัด เผยแพร่สถานการณ์การค้าชายแดนด้านจังหวัดหนองคาย ผ่านศูนย์บริการประชาชนด้านการพาณิชย์ว่า การค้าชายแดนด้านจังหวัดหนองคาย ประจำเดือนส.ค. 2565 นี้ มีมูลค่าการค้าชายแดน รวม 9,007.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า (ก.ค. 2565) จำนวน 1,4331.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.90% เกือบเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้แล้วตัวเลขมูลค่าการค้าผ่านแดนไทย-สปป.ลาว เดือนส.ค.65 ผ่านด่านศุลการกรจังหวัดหนองคาย มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 24,147.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า (ก.ค. 2565) จำนวน 13,118.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 118.95% เป็นสินค้าแดนขาออกจากประเทศที่สามไปประเทศ สปป.ลาว ผ่านแดนจากไทยจำนวน 18,446.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 13,985.65 ล้านบาท หรือโต 300.06% และเป็นสินค้าผ่านแดนขาเข้าจากประเทศ สปป.ลาว ผ่านแดนไทย ไปยังประเทศที่สาม จำนวน 5,501.21 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้า (ก.ค. 2565) จำนวน 866.71 ล้านบาท หรือลดลง 13.61%

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/544868

คนละครึ่งเฟส 6 รับสิทธิ์ของขวัญปีใหม่นายกฯ เริ่มเมื่อไหร่

คนละครึ่งเฟส 6 หลังจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงทุกหน่วยงาน ถึงการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 ให้กับประชาชน โดยโครงการดังกล่าว ต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน คาดว่าโครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อน

ที่มา: https://www.thansettakij.com/business/economy/544850

อุตสาหกรรมฟอกหนังฟื้นตัว ผู้ประกอบการมียอดส่งออกสินค้าเพิ่ม 16 %

นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมฟอกหนังไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องหนัง ของไทยหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยในปี 2564 ผู้ประกอบการไทยมียอดส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 14% และเพิ่มเป็น 16% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ขณะที่สมาคมฯ และผู้ประกอบการหนังฟอกในประเทศไทยได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ โดยผลักดันให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคมผ่านโครงการต่างๆ ให้มีความยั่งยืน เป็นการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมฟอกหนังไทยให้เป็นที่ยอมรับจากผู้ประกอบการและคู่ค้าต่างชาติทั่วโลก ส่งผลให้มีการสั่งซื้อสินค้าและการผลิตสินค้าจากในประเทศไทยสู่ตลาดสากลมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้จัดงานแสดงสินค้าแห่งเอเชีย (APLF ASEAN) ซึ่งเป็นงานอุตสาหกรรมเครื่องหนังระดับโลกที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ในระหว่างวันที่ 19-21 ตุลาคม 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสมาคมฯได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน โดยจะจัดแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องหนัง วัตถุดิบ และสินค้าแฟชั่นอื่นๆ เช่น หนังฟอกกึ่งสำเร็จ เคมีภัณฑ์ วัตถุดิบเพื่อความยั่งยืน รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตกระเป๋า และเครื่องประดับแฟชั่น เป็นต้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/687091

พาณิชย์สั่ง sacit เร่งพัฒนางาน ศิลปหัตถกรรม รับนักท่องเที่ยว

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่าโควิด-19 ที่ดีขึ้น ส่งผลให้การค้าการลงทุนดีขึ้น โดยเฉพาะไตรมาส 4/2565 ที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น จึงถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานศิลปหัตถกรรม ภายใต้การส่งเสริมสนับสนุนของ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit ซึ่งจากตัวเลขของสมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน ก่อนที่ไทยจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในแต่ละปีตลาดของที่ระลึกที่ขายให้กับนักท่องเที่ยวมีมูลค่ามากกว่าปีละ 28,000 ล้านบาท ทั้งนี้จึงได้มอบหมายให้ sacit เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคงานศิลปหัตถกรรมไทยให้สอดรับกับ Gift Economy นอกจากทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนแล้ว สินค้าของที่ระลึกยังเป็นสิ่งเตือนความทรงจำของนักท่องเที่ยวให้ระลึกถึงสถานท่องเที่ยวที่เคยมาเยือน รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นกลับมาเที่ยวซ้ำอีกในโอกาสต่อไป

ที่มา: https://www.naewna.com/business/686860

รถไฟไทยในฝันเชื่อม4ประเทศ ลาว-จีน(คุนหมิง)-มาเลย์-สิงคโปร์

สัปดาห์ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พร้อม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นำคณะผู้แทนไทยเยือนกรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ร่วมหารือกับ นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รมว.โยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว เพื่อขับเคลื่อนโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว-จีน (ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์) รวมทั้งร่วมทดลองนั่งรถไฟลาว-จีน เส้นทางนครหลวงเวียงจันทน์-บ่อเต็น ระยะทาง 414 กม. ทางรถไฟสายนี้เชื่อมต่อจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน โดยเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เริ่มงานก่อสร้างโครงการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.60 แต่เดิมวางเป้าหมายเปิดบริการในปี 66 จนถึงขณะนี้ได้ผลงานก่อสร้าง 15.49% ทั้งนี้ เฟสที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร (กม.) 14 สัญญา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/articles/1562449/

“สปป.ลาว-ไทย” ร่วมประชุมเส้นทางรถไฟสายหนองคาย-เวียงจันทน์

นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รมว.โยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว หารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และคณะผู้แทนที่ได้นำเรื่องมาแจ้งความคืบหน้าของโครงการ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟขนส่งผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้สะพานรถไฟเก่าและการติดตั้งแผงควบคุมเดียวกันที่สถานีท่านาแล้ง กรุงเวียงจันทร์ หนองคายและสถานีรถไฟนาทาในประเทศไทย โดยที่ประชุมยังพิจารณาการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ทางคณะผู้แทนลาวและไทยหารือเกี่ยวกับการออกแบบสะพานและทางรถไฟแห่งใหม่ ตลอดจนขอบเขตของโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อีกด้วย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten197_Laothai.php