ราคาที่ดินมาตรฐานของย่างกุ้งลดลง 10 pc

        ราคาที่ดินต่อตารางฟุตในเมืองย่างกุ้งสำหรับปีงบประมาณ 2019/2020 ได้ลดลง 10pc เมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่ผ่านมาเพื่อรองรับธุรกรรมการขายที่มากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนให้เจ้าของที่ดินจ่ายภาษี กรรมการผู้จัดการ iMyanmarHouse.com กล่าวว่าการลดราคาได้ดำเนินการหลังจากพบว่าราคามาตรฐานของรัฐบาลสูงกว่าราคาตลาดจริง ราคาลดลงอาจกระตุ้นยอดขายรวมทั้งกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากต้องจ่ายภาษีจากการขายที่ดิน อีกทั้งเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อเงินกองทุนของรัฐบาลเนื่องจากการจัดเก็บรายได้ที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน Estate Myanmar Real Estate’s กล่าวว่ารัฐบาลจะต้องทำมากกว่าการลดราคาที่ดิน 10pc เพื่อลดการเลี่ยงภาษี  การลดราคา 10pc จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา การลดราคาที่ดินโดยไม่ลดอัตราภาษีจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาด

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/yangons-standard-land-prices-reduced-10pc.html

รัฐบาลสปป.ลาว ตกลงที่จะลดอัตราค่าไฟฟ้าลงเพื่อส่งเสริมการผลิต

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ กล่าวเกี่ยวกับผลของอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ที่รัฐบาลอนุมัติว่าราคาไฟฟ้าที่อยู่อาศัยจะลดลง 50% ในขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมจะลดลง 7-16 % เมื่อมีการบังคับใช้โครงการค่าไฟฟ้าใหม่ได้เสนอให้ครัวเรือนที่บริโภค 50kwh/เดือน จะถูกเรียกเก็บในราคาพิเศษ เพียง 350kip/kwh แต่ผู้ที่มากกว่า 50kwh จะต้องจ่ายประมาณ 700kip/kwh หลังจากนั้นอัตราการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นทุกปีเพียง 1% จนถึงปี 2025 อย่างไรก็ตามสมาชิกคณะรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดหลายคนแนะนำให้กระทรวงเพิ่มหน่วยพิเศษหรือตัวเลขจาก 50kwh เป็น 150kwh เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถได้รับประโยชน์จากอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ ซึ่งราคาไฟฟ้าสำหรับภาค SMEs จะลดลงจาก 779kip/kwh เป็น 761 kip/kwh ในขณะนี้โรงงานอุตสาหกรรมคิดในอัตรา 714 kip/kwh ในอนาคตอันใกล้ โรงงานที่มีการใช้งาน 1 แสน kwh จะถูกเรียกเก็บเงินที่ 684 kip/kwh แต่สำหรับผู้ที่ใช้ 1 ล้าน kwh จะถูกเรียกเก็บในอัตราเพียง 600 kip/kwh

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_agrees_149.php

กัมพูชาลงนามในข้อตกลงป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อนระหว่างฮ่องกง

ในการประมูลเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงนักลงทุนดีกว่ากัมพูชาและฮ่องกงเมื่อวันพุธ ตกลงที่จะลงนามในเอกสารเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและบริการการเงินของฮ่องกงได้ลงนามในข้อตกลงการหลีกเลี่ยงภาษีซ้ำซ้อน ข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการให้สัตยาบันระหว่างฮ่องกงและกัมพูชา ซึ่งข้อตกลง CDTA มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ โดย บริษัทฯ ของฮ่องกงจะจ่ายภาษีในกัมพูชาตาม CDTA จะได้รับเครดิตต่อภาษีที่ต้องชำระในฮ่องกง บนรายได้เดียวกัน สำหรับ บริษัทฯ กัมพูชาจะได้รับอนุญาตให้หักจากภาษีที่ต้องชำระบนรายได้เดียวกันในกัมพูชา โดยข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้มีการเตรียมการด้านภาษีหลายประการ และได้รวมบทความเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งทำให้ฮ่องกงสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศในการเพิ่มความโปร่งใสในด้านภาษี และต่อสู้กับการหลีกเลี่ยงภาษี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50618864/cambodia-signs-anti-double-tax-agreement-with-hong-kong/

CLMVT Forum 2019 ศูนย์กลางห่วงโซ่ยุคใหม่สู่ฮับแห่งเอเซีย

ตัวแทนภาครัฐและเอกชนจาก CLMVT และพันธมิตร 14 ประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุม CLMVT Forum 2019 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งมูลค่าการค้าของประเทศ CLMV กับนอก CLMV มีมูลค่าสูงถึง 900,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และการสร้างความร่วมมือในกลุ่ม CLMV จะช่วยยกระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากปัจจุบัน ขยายตัว 5.1% ส่วนการค้าระหว่าง CLMV กับนอกประเทศขยายตัว 7.1% โดยมีธุรกิจที่น่าสนใจและมีโอกาสจะดึงดูดการลงทุนคือการให้บริการโลจิสติกส์ ภาคเกษตร และกลุ่มดิจิทัล ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจคือกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การพิจารณาอัตราภาษี และความเป็นห่วงโซ่การผลิตในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งกลุ่มประเทศเวียดนามเติบโตอย่างมาก อย่างไรก็ดี ในอนาคตประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ โดยมีศักยภาพในการรองรับการลงทุนและเงินทุน แต่สิ่งที่น่ากังวล เมื่อมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในกลุ่ม CLMVT จะพบว่าประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ยังมีปัญหาเรื่องการจัดการเงินทุนที่ไหลเข้า หรือในอดีตมีการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในเวียดนาม ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อและมูลค่าของอสังหาฯ สูงขึ้น

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 – 30 มิ.ย. 2562

ข้อตกลงค้าเสรี EVFTA รับรองผลประโยชน์สำหรับเวียดนามและสหภาพยุโรป

        จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MIT) เปิดเผยว่าในวันที่ 30 มิถุนายน เวียดนามจะทำการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีของสหภ่พยุโรปกับเวียดนาม (EVFTA) เป็นกรอบข้อตกลงที่ครอบคลุมระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย หากข้อตกลงบรรลุแล้ว เวียดนามจะสามารถส่งออกสินค้ามากขึ้น และช่วยกระจายสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความได้เปรียบของสินค้าเกษตรและสินค้าประเภทสัตว์น้ำ โดยจากสถิติการค้า ระบุว่ามูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปอยู่ที่ 42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการเติบโตขยายตัวร้อยละ 17 ดังนั้น เวียดนามจะปรับลดอัตราภาษีเป็นร้อยละ 0 ในระยะเวลา 7 ปี หลังจากข้อตกลงมีผลบังคับใช้ ซึ่งหากมีผลบังคับใช้ในปี 2563 ตามที่คาดไว้ เวียดนามจะสามารถขยายตัวของการส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และคาดการณ์ว่าจะสูงถึงร้อยละ 70-80 ภายในปี 2568-2573

 ที่มา: https://vietnamnews.vn/economy/521857/evfta-ensures-benefits-for-both-viet-nam-and-eu.html#8Wpipzzu98aqHuDV.97

กรมสรรพากรเมียนมาเตรียมปรับร้านขายมือถือที่ไม่ระบุอากรแสตมป์

กรมสรรพากร (IRD) ระบุตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป ผู้จำหน่ายมือถือที่ไม่ระบุอากรแสตมป์จะถูกปรับทันที บทลงโทษในครั้งแรกคือจ่ายค่าปรับจำนวน 200,000 จ้าด ครั้งที่ 2 เพิ่มเป็น 500,000 จ้าด ครั้งที่ 3 ปรับสูงสุดคือหนึ่งล้านจ้าด โดยรายละเอียดต้องระบุไว้ในกล่องป้ายราคาของโทรศัพท์มือถือเลยและไม่ปรากฏอยู่ในใบเสร็จรับเงิน ส่วนอุปกรณ์เสริมไม่อยู่ในส่วนที่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/mobile-phone-sales-without-revenue-stamps-face-fines.html

สปป.ลาวเปิดตัว ระบบ National single window

สปป.ลาวได้เปิดระบบ National single window อย่างเป็นทางการที่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและอำนวยความสะดวกทางการค้า เพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนย้ายสินค้า การพัฒนาระบบ LNSW เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ศุลกากรทันสมัยและดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการค้าและการลงทุน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการบริหารจัดการสินค้านำเข้าและส่งออกการจัดเก็บรายได้รวมถึงการบริหารจัดการการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านระบบธนาคารที่เชื่อมโยงระบบการแจ้งภาษีศุลกากรประตูเดียว ระบบ LNSW ไม่เพียงแต่ให้บริการแก่ภาคศุลกากร แต่ยังอนุญาตให้ภาครัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถใช้งานระบบได้ เป็นแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบการแจ้งภาษีศุลกากรประตูเดียว ช่วยขจัดกระบวนการที่ไม่จำเป็น ลดงานกระดาษประหยัด เวลาและค่าใช้จ่ายอื่น ระบบ LNSW ไม่ได้แทนที่ระบบการจัดการศุลกากรของสปป.ลาว ASYCUDA แต่ทั้ง 2 ระบบเชื่อมต่อกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อจัดการการนำเข้าและส่งออกอย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

ที่มา http://annx.asianews.network/content/laos-launches-national-single-window-99106

กัมพูชา และอินโนนีเซีย ร่วมกันจัดนิทรรศการแสดงสินค้าขึ้นในเดือนหน้า

กัมพูชา และอินโดนีเซียเตรียมจัดงานแสดงสินค้าที่จังหวัดเสียมเรียบในเดือนหน้าเพื่อจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ รวมถึงความพยายามในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนในระดับทวิภาคี โดยงานแสดงสินค้าจะจัดขึ้นที่ด้านหน้าของพระบรมมหาราชวังริมฝั่งเสียมราฐในวันที่ 19-21 กรกฎาคม กิจกรรมจะมีมากกว่า 100 คูหา และมากกว่า 100 บริษัท จากทั้งสองประเทศจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในท้องถิ่นรวมถึงมอบโอกาสในการจับคู่ทางธุรกิจ ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชา และอินโดนีเซียมีมูลค่ารวมที่ 556 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปีที่แล้วมีชาวอินโดนีเซียเดินทางมายังกัมพูชามากกว่า 55,700 คน ในขณะที่มีชาวกัมพูชา 8,800 คน เดินทางมายังประเทศกัมพูชา

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50618109/cambodia-indonesia-trade-exhibition-to-be-held-next-month/

เกาหลีใต้แสวงหาการลงทุนในหกอุตสาหกรรม

กลุ่มผู้ได้รับมอบหมายชาวเกาหลีใต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาประกาศว่าจะหาทางลงทุนในพื้นที่ที่มีความสำคัญในราชอาณาจักรซึ่งเป็นการกระตุ้นการค้าระหว่างสองประเทศ โดยการไปเยือนกัมพูชานั้นมีจุดประสงค์เพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในท้องถิ่น และแสวงหาโอกาสในการลงทุนในราชอาณาจักร ซึ่งแบ่งเป็นหกอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมชีวภาพ ,อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานใหม่, เครื่องสำอางและอุตสาหกรรมความงาม, อุตสาหกรรมอินทรีย์และอาหาร, อุตสาหกรรมการขนส่งและการบินใหม่ และอุตสาหกรรมคอนเวอร์เจนซ์ โดยกัมพูชา และเกาหลีใต้ได้กลายเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญและการค้าทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศมีมูลค่าเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้วทำให้เป็นประเทศที่นักลงทุนรายใหญ่อันดับสองของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50617654/south-korea-seeking-to-invest-in-six-sectors/

สปป.ลาวเปิดให้บริการ eVisa ออนไลน์ในเดือนกรกฎาคม

สปป.ลาวจะเริ่มให้บริการ eVisa ในเดือน ก.ค.ปีนี้ เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถสมัครขอวีซ่าออนไลน์ก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศ เว็บไซต์สำหรับขั้นตอนการสมัครวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์คือ https://laoevisa.gov.la วีซ่านักท่องเที่ยวระยะเวลา 30 วันจะเป็นวีซ่าประเภทแรกที่ทางเว็บไซต์นำเสนอพร้อมกับวีซ่าประเภทอื่น ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาในภายหลัง ขั้นตอนการสมัครเกี่ยวข้องกับ 3 ขั้นตอนง่ายๆ รวมถึงการจัดหาเอกสารและการ ชำระค่าธรรมเนียมออนไลน์ หลังจากนั้นผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดจดหมายอนุมัติ eVisa อย่างเป็นทางการการชำระเงินอาจทำด้วยระบบบัตรเครดิต VISA หรือ Mastercard ตามเว็บไซต์เวลาในการดำเนินการของ eVisa จะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันทำการและการสมัคร eVisa จะรวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 15 USD ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมวีซ่าทั่วไป ระบบ eVisa ได้รับการพัฒนาโดยรัฐบาลสปป.ลาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการขอวีซ่าและเป็นวิธีที่สะดวกกว่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะสมัครวีซ่าท่องเที่ยว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2019/06/25/laos-to-launch-online-evisa-service-in-july/