ปีงบประมาณ 61-62 เมียนมา ขาดดุลการค้า 1.05 พันล้านเหรียญ

ตั้งแต่ ต.ค. ปี 62 ถึง 14 มิ.ย.ปีนี้ มีมูลค่าการส่งออก 11.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่ารวม 12.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าการค้าต่างประเทศรวมอยู่ที่ 24.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การขาดดุลการค้าของปีนี้แสดงให้เห็นว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 60-61 ที่มีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์สัตว์ การประมง แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์ป่าไม้ สินค้าอุตสาหกรรมขณะที่การนำเข้าสินค้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันเมียนมากำลังพยายามเพิ่มการส่งออกและลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อลดการขาดดุลการค้า

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-06/22/c_138164290.htm

กระทรวงการเงิน สปป.ลาว ตั้งเป้าหมายการปฏิรูปผ่านโครงการการเงินแห่งรัฐ

กระทรวงการเงินสปป.ลาว เชื่อว่าการจัดการระบบการเงินแห่งรัฐจะมีประสิทธิภาพโปร่งใสและตรวจสอบได้มากขึ้น ผ่านโครงการปรับปรุงการบริหารระบบการเงินแห่งรัฐให้เป็นระบบทันสมัย (E-FITS) และโครงการปฏิรูปการบริหารการเงินแห่งรัฐ (EU-WB TF) ทั้ง 2 โครงการมุ่งเน้นการปฏิรูปเพื่อให้มั่นใจการบริหารการการเงินแห่งรัฐ ซึ่งการดำเนินโครงการจะช่วยปรับปรุงการบริหารจัดการของระบบภาษีและดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สิ่งนี้จะปรับปรุงแผนงบประมาณและสาขา อื่น ๆ ของระบบการจัดการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อบูรณาการการจัดการการเงินแห่งรัฐเข้ากับระบบการชำระเงินของประเทศ โครงการสำคัญหลายโครงการได้ริเริ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการจัดการด้านการเงินที่ทันสมัย เมื่อต้นปีที่ผ่านมากระทรวงประกาศใช้ระบบข้อมูลการจัดการสรรพากร (TAXRIS) เป็นการลงทุนของรัฐ ในการจัดการรายได้ให้ทันสมัยตามแผนกลยุทธ์และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติระดับสากลในด้านความรับผิดชอบและความโปร่งใส ด้วยแผนการที่แม่นยำในการจัดการระบบการเงินแห่งรัฐ

ที่มา :http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry_targets_145.php

ไม่มีการหลีกเลี่ยงภาษีใน SSEZ

ท่ามกลางการโต้เถียงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการหลีกเลี่ยงทางภาษีที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาแถลงระบุว่าไม่พบ บริษัท จีนที่ใช้ “SSEZ” ในการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรในการขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ปรับ บริษัท หลายแห่งที่ส่งออกสินค้าผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนที่ตั้งอยู่ในกัมพูชาเพื่อเลี่ยงผลกระทบที่เกิดจากการกีดกันทางการค้า หรือการตั้งกำแพงทางภาษีระหว่าง สหรัฐ และจีน โดย “SSEZ” ก่อตั้งขึ้นในปี 51 บนพื้นที่กว่า 1,113 เฮกตาร์ ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือสีหนุวิลล์ประมาณ 13 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา ซึ่งโรงงานที่อยู่เขตเศรษฐกิจนี้ทำการผลิต สิ่งทอ ,รองเท้า ,สินค้าท้องเที่ยว ,ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ,อุปกรณ์ไฟฟ้า ,ยาง ,ชิ้นส่วนรถยนต์ ,เฟอร์นิเจอร์ และ อื่นๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50616995/no-tax-avoidance-in-ssez-commerce-ministry/

เวียดนามต่อต้านการทุ่มตลาดเหล็กแผ่น เคลือบสีที่มาจากจีนและเกาหลีใต้

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าทางกระทรวงฯ ได้ประกาศออกมาว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีประมาณร้อยละ 35 ของสินค้าเหล็กแผ่นเคลือบสี (Color Coating Steel) ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนและเกาหลีใต้ เพื่อเป็นมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) อยู่ในลักษณะชั่วคราวก่อน โดยผู้ส่งออกชาวจีนจำนวน 20 รายจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราร้อยลละ 3.45-34.27 ในขณะที่ผู้ส่งออกชาวเกาหลีใต้จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 4.48-19.25 และทางกระทรวงฯ จะดำเนินการตรวจสอบสินค้าเหล็กแผ่นเคลือบสีจากการนำเข้าทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว เนื่องมาจากอุตสาหกรรมเหล็กในเวียดนามเผชิญกับอุปสรรคทางธุรกิจอย่างรุนแรง จากการทุ่มตลาดของสินค้าชนิดนี้ รวมไปถึงการสอบสวนในครั้งนี้จะหาข้อสรุปผลในไตรมาสที่ 4 ปี 2562

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521598/viet-nam-imposes-anti-dumping-duties-on-steel-from-china-and-south-korea.html#EDxSY3UDMtZ45xFO.97

เศรษฐกิจเมียนมาโต 6.5% ในปีงบปัจจุบัน

รายงานของธนาคารโลก คาดเศรษฐกิจโตที่ 6.5% ในปีงบประมาณ 61 – 62 (ตุลาคม – กันยายน) โดยได้แรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมและบริการที่เริ่มฟื้นโตและความแข็งแกร่งในภาคเครื่องนุ่งห่มและอุตสาหกรรมก่อสร้าง ปี 63 -64 ธนาคารโลกคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจจะโต 6.7% แม้สภาพแวดล้อมทั่วโลกจะถดถอยลงเนื่อง การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคม การใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในภาคต่างๆ เช่น ค้าส่งและค้าปลีก และการเปิดเสรีของธนาคาร หรืออาจมีผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าและการยกเลิกการเข้าถึงตลาดของอียู ด้านเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 6.6% และแรงผลักดันเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นจากราคาพลังงานโลกที่ผันผวนอีกทั้งรัฐมีแผนจะขึ้นค่าไฟตามต้นทุนที่สูงขึ้น

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2019-06/20/c_138158138.htm

รัฐวางแผนเพิ่มรางวัลพิเศษสลากกินแบ่ง

ปลายเดือนมิถุนายน รัฐบาลมีแผนออกรางวัลพิเศษสลากอองบาเลย์โดยใช้เงินงบประมาณ 250 ล้านจ้าด เพื่อเพิ่มยอดขาย รางวัลพิเศษ คือ ไวไวสา Sar Sar Padathar รางวัลจะหลายระดับ เช่น 100,000 จ้าด 200,000 จ้าด 300,000 จ้าด 1,000,000 จ้าด วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มยอดขาย ซึ่งก่อนหน้านี้ยอดขายลดลงเป็นอย่างมาก

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/state-lottery-plans-special-prize-increase-sales.html

รัฐบาล สปป.ลาวตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้สูงสุดจากแคมเปญการท่องเที่ยว

รัฐบาลสปป.ลาว ได้แนะนำกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวให้ทำงานร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับงบประมาณของรัฐ เมื่อต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลได้เปิดตัว Visit Visit China-China 2019 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนและนักท่องเที่ยวจากส่วนอื่น ๆ ของโลก หวังที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 4.5 ล้านคนและสร้างรายได้กว่า 6,001 ล้านกีบ จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศตลอดปี 62 และคาดว่าจะประสบความสำเร็จผ่านการขับเคลื่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้ามา สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาล ให้ความสำคัญกับการจัดการกับปัญหาและอุปสรรคในภาคการท่องเที่ยวและจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนและอำเภอวังเวียงได้รับเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนำร่องในการจัดการปัญหา

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-govt-aims-maximise-revenues-tourism-campaign-98795

SSEZ ประกาศระดมทุน

บริษัท สีหนุวิลล์สเปเชียลอโคโนมิคโซน จำกัด (SSEZ) ของจีน ประกาศว่ากำลังจะเข้าระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) โดยตอนนี้ บริษัทได้พัฒนางานในการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ 2.0 และ มุ่งมั่นที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาโดยวัตถุประสงค์ของของ SSEZ คือการระดมทุนผ่านตลาดทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพในระดับสูงของโซน และมีส่วนร่วมมากขึ้นในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของกัมพูชา ซึ่ง SSEZ เปิดตัวการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในฮ่องกง แต่ตัดสินใจที่จะเข้าจดทะเบียนใน Cambodia Security Exchange (CSX) ที่ดำเนินธุรกิจกว่า 153 บริษัท ที่มีมูลค่าการลงทุนรวมเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีคนงานถึง 23,000 คนได้รับการว่าจ้างตั้งแต่เริ่มงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2551

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50616314/ssez-eyes-listing-on-csx/

ภาคเกษตรกรรมเวียดนามขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562

จากรายงานของกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD) ในวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ผลผลิตของภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7-2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และทางด้านการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้ และประมง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 19.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากจำแนกรายสินค้าเกษตรกรรมทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า มูลค่าของสินค้าเกษตรสำคัญของเวียดนามลดลงร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นต้น สำหรับโครงสร้างการส่งออกสินค้าเวียดนามได้มีการปรับเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของสินค้า เช่น อาหารทะเล ผัก ดอกไม้ ผลไม้ เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์จากป่า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ภาคเกษตรกรรมต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่ามาจากสภาพอากาศ ภัยแห้งแล้งในภูมิภาคตอนกลางและชายฝั่งตอนใต้ รวมไปถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา ทำให้ราคาสินค้าเกษตร ป่าไม้ และผลผลิตเนื้อหมู ล้วนลดลง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521504/agricultural-sector-sees-production-and-business-growth-in-h1.html#bgRIE60JHXqDxVVV.97

สายการบิน MNA ขาดทุนครั้งแรกในรอบ 5 ปี

สายการบินห่งชาติเมียนมา(MNA) ซึ่งเป็นสายการบินรัฐวิสาหกิจของประเทศขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดสายการบินในต่างประเทศ คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 21 พันล้านจั๊ต (13.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่ปี 59 แม้ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและพนักงานที่สูงขึ้น แต่ยังสนใจในการขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อเครื่องบินรุ่นเก่าของฟอกเกอร์ (Fokker) และเอทีอาร์ (ATR) ดังนั้นเพื่อสร้างผลกำไร MNA ต้องปรับโครงสร้างและลดต้นทุน แต่ยังลงทุนเพิ่มในส่วนพนักงาน ซึ่งการก่อตั้งขึ้นสายการบินในครั้งแรกนั้นไม่หวังผลกำไรเพราะเป็นเส้นทางให้บริการสาธารณะภายในประเทศ

ที่มา : http://mizzima.com/article/mna-5th-year-losses