ตลาดจักรยานยนต์เวียดนามติดอันดับ 4 ของโลก แม้ยอดขายลดลงในครึ่งแรกของ ปี 62

จากรายงานของ Motorcycles Data เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามมียอดขายประมาณ 1.5 ล้านคัน ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยฮอนด้ายังคงเป็นยี่ห้อรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่น ต้องรับมือกับยอดขายลดลง นอกจากนี้ ในปี 2561 ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ มียอดขายสูงที่สุดในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นปริมาณรวมอยู่ที่ 3.38 ล้านคัน (รวมผู้ผลิตในท้องถิ่น และนำเข้าจากต่างประเทศ) ถึงแม้ว่าตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามอยู่ในช่วงอิ่มตัวก็ตาม แต่ตลาดยังคงมีศักยภาพอยู่ เนื่องมาจากสินค้าประเภทนี้อยู่ในระดับไฮเอนด์ ซึ่งผู้คนชาวเวียดนามไม่ได้มองแค่เป็นยานพานะในการขนส่ง แต่มองถึงระดับของฐานะสังคม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523903/vns-motorcycle-market-ranks-4th-despite-h1-sales-decline.html#qZoYH8Mb3CpVWaBv.97

สงครามการค้าพ่นพิษพ่อค้าจีนเริ่มเบี้ยวหนี้

หอการค้าไทยเผยได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกผลไม้ไทยถูกพ่อค้าจีนเบี้ยวหนี้หลังจากจีนประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวจากสงครามการค้า นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากสมาชิกหอการค้าไทยและผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไทยว่าถูกนักธุรกิจในประเทศจีนเบี้ยวเงินค่าผลไม้ ต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี นอกจากนี้ต้องการให้ ช่วยเจรจากับสถาบันการเงิน เนื่องจากในระยะหลังการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจค้าขายกับจีนค่อนข้างที่เข้มงวดมาก อยากให้มีการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ภาพรวมยอมรับว่าการส่งออกที่ชะลอตัวของไทยมาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องลดกำลังการผลิต ลดการทำงานล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานซึ่งจะกดดันรายได้แรงงานให้ลดลงตาม กลุ่มธุรกิจเอสเอมอีหลายรายที่ทำธุรกิจกับจีนก็เริ่มได้รับผลกระทบส่งสินค้าไปแล้วมีทั้งเก็บเงินไม่ได้ และบางรายยังถูกเบี้ยวหนี้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/725488

หอการค้าเสนอแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยดูแลบาทเพิ่มอีก ห่วงเกษตรอ่วมสุด

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังจากหารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ ธปท. ว่าทางเอกชนขอบคุณ ธปท. ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 1.50% ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ในระดับหนึ่งแต่อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาต่อเนื่องในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมาคาดหวังว่าจะมีมาตรการอื่นๆออกมาอีก ซึ่งในส่วนข้อเสนอของทางหอการค้าที่ได้เสนอ ธปท.ให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกเพื่อดูแลการไหลเข้าออกของเงินทุน ซึ่งปัญหาของไทยคือเรื่องของโครงสร้างเศรษฐกิจที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูงโดยระยะต่อไปทั้ง ธปท.และภาคเอกชนอาจจะต้องหารือร่วมกันเพื่อให้โครงสร้างเศรษฐกิจเหมาะสมในการดูแลค่าเงินบาท 

ที่มา : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1617558

เวียดนามเผยการส่งออกสินค้าประมงลดลงร้อยละ 1 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562

จากรายงานของกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกสินค้าประมงอยู่ที่ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 1 ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีใต้ ยังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของเวียดนาม หากคิดเป็นสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ร้อยละ 55.9 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทางกระทรวงฯ ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การส่งออกกุ้งไปยังสหภาพยุโรปอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลของข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EU-Vietnam (EVFTA)) ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าลดลงร้อยละ 0

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/sevenmonth-fishery-export-value-drops-1-percent/157503.vnp

เวียดนามส่งออกปูนซีเมนต์ และปูนเม็ด ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม (The General Department of Customs) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ และปูนเม็ด (Clinker) อยู่ที่ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคิดเป็นปริมาณกว่า 17.3 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยสมาคมปูนซีเมนต์เวียดนาม แสดงผลประกอบการธุรกิจในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ในทิศทางที่เป็นบวกจากความต้องการในตลาดต่างประเทศ และราคาส่งออกสำหรับสินค้าซีเมนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15-17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้ผู้ประกอบการเวียดนามสามารถขยายขีดความสามารถการค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ทางกระทรวงฯ คาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยประมาณ 98-99 ล้านตัน ในช่วงสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการบริโภคในประเทศอยู่ที่ 70 ล้านตัน และปริมาณการส่งออกประมาณ 28-29 ล้านตัน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523764/cement-clinker-exports-on-track-to-reach-yearly-target.html#PAVud0OZvPkofU7z.97

รัฐสภาแห่งสหภาพร่วม ต่อต้านการรับสินบน

Pyidaungsu Hluttaw (สมัชชาแห่งสหภาพ) จะลงนามในข้อตกลงจัดตั้งสถาบันต่อต้านการทุจริตระหว่างประเทศ (IACA) ในฐานะองค์กรระหว่างประเทศ ประโยชน์ของการลงนามใน IACA รวมถึงความรู้และการพัฒนาอาชีพในมาตรการต่อต้านการทุจริต โอกาสที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปหลักสูตรระยะสั้นและปริญญาโทที่ได้รับจากสถาบันการศึกษาและความร่วมมือกับประเทศสมาชิกเกี่ยวกับการปฏิบัติระหว่างประเทศ ในเมียนมาการติดสินบนและการทุจริตไม่ได้มองว่าเป็นอาชญากรรมโดยข้าราชการเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของประเทศไปแล้วและความเสียหายจะกระทบต่อคนจนมากที่สุดซึ่งเป็นการขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในปี 60 และได้รับเรื่องร้องเรียนมากกว่า 10,000 เรื่องถึงเดือนมิ.ย.62 มีเพียง 106 คนที่ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายและ 37 คนที่ถูกดำเนินคดี

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/assembly-oks-membership-anti-graft-academy.html

กฎการร่วมทุนประกันภัยของเมียนมา และต่างชาติยังไม่เปลี่ยนแปลง

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการคลัง (MoPF) ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัท ประกันภัยทั้งในและต่างประเทศทั้งในรูปแบบประกันชีวิตและที่ไม่ใช่ประกันชีวิตจนถึงวินาทีสุดท้ายของการหารือ รวมถึงการการที่บริษัทท้องถิ่นดึงเวลาหรือไม่กล้าที่จะเจรจากับบริษัทคู่ค้า เช่น เมืองไทยประกันภัยและเมืองไทยประกันชีวิตของไทย รวมไปถิ่นประกันภัย DB ประเทศเกาหลีใต้ การเปิดเสรีของตลาดประกันภัยจะช่วยให้มีการแข่งขันมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีเบี้ยเหมาะสมสำหรับความคุ้มครอง บริษัทที่รัฐฯ ได้อนุมัติร่วมทุนได้แก่ ทุนประกันชีวิตกับบริษัท Taiyo ประกันชีวิต ประกันภัยธุรกิจประชาชนกับบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด, บริษัท แกรนด์การ์เดียนประกันชีวิตกับบริษัท นิปปอนประกันชีวิต เม.ย.รัฐบาลได้อนุมัติพรูเด็นเชีย Dai-Ichi ชีวิต AIA, ชับบ์ และแมนูไลฟ์ ในการเป็นเจ้าของประกันชีวิตในประเทศ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/no-rules-were-changed-insurance-jvs-mopf.html

หลวงพระบางเตรียมจัดเทศกาล การแข่งเรือยาว

ผู้ว่าราชการหลวงพระบาง เปิดเผยว่าในวันพุธที่ผ่านมา เทศกาลการจัดแข่งขันเรือหางยาว จะใช้ระยะเวลารวมทั้งหมด 4 วัน โดยชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างเข้ามาร่วมงานกันจำนวนมาก รวมไปถึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ถ้ำติ่ง (Tham Ting Cave) ซึ่งเป็นสถานที่แสวงบุญ และมีพระพุทธรูปนับพันองค์ รวมไปถึงในเทศกาลดังกล่าว มีอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง และของที่ระลึกที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ จากข้อมูลสถิติสารสนเทศทางด้านวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวสปป.ลาว ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 750,000 คน ที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดหลวงพระบาง โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 365,000 คน ลดลงร้อยละ 1.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Luang_180.php

ในช่วงครึ่งปีแรกจำนวนนักท่องเที่ยว กว่า 3 ล้านคนมาเยือนยังกัมพูชา

 กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 3.3 ล้านคน ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ซึ่งเพิ่มขึ้น 11.2% ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน เป็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนถึง 1.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 38% เป็นจำนวนกว่า 38.7% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ลดลงกว่า 20.2% รายงานระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวของจังหวัดเสียมเรียบลดลง 8% หรือ 1.2 ล้านคน แต่ในทางตรงกันข้าม พนมเปญและพื้นที่ชายฝั่งทะเลกลับมีจำนวน นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 27% หรือกว่า 2.6 ล้านคน โดยเมื่อปีที่แล้วมีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 6.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.7% และทางกัมพูชาคาดการณ์ว่าภายในปี 2563 จะมีผู้มาเยือน 7 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50631306/over-3m-tourists-visit-cambodia-in-h1/

รายได้ครึ่งปีแรกของคนกัมพูชาที่ทำงานในเกาหลีใต้สูงถึง 21 ล้านเหรียญสหรัฐ

ชาวกัมพูชาที่ทำงานในเกาหลีใต้ส่งเงินกลับมายังประเทศตนอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านทาง Acleda Bank Plc โดยมีการทำธุรกรรมกว่า 10,880 รายการ โดยแต่ละธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000 เหรียญ ซึ่งปีที่แล้วแรงงานกัมพูชาในเกาหลีใต้ส่งเงินกลับมายังกัมพูชาอยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านธนาคาร โดยจากข้อมูลของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC’s) ข้อมูลชาวกัมพูชาที่ทำงานในต่างประเทศได้ส่งเงินกลับมายังถิ่นของตนเป็นจำนวน 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 11% จากปี 2560 คิดเป็นเงินที่ส่งจากประเทศไทยเป็น 68% และเกาหลีใต้ 21.5%  และจากประเทศอื่นๆอีก 10.5%  ซึ่งตัวเลขแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมีทั้งสิ้น 1,235,993 คน อยู่ในประเทศไทย 1,146,685 คน ในเกาหลี 49,099 คน ในมาเลเซีย 30,113 คน และอื่นๆ

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/cambodians-south-korea-send-home-21m-h1