การขาดดุลการค้าสปป.ลาว . เวียดนามคาดว่าจะลดลงเหลือ 227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปีนี้รัฐบาลสปป.ลาวได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดการขาดดุลการค้ากับเวียดนามให้เหลือ 227 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการนำเข้าจากเวียดนาม คาดว่าจะแตะ 985.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแผนที่จะส่งออก 757.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปีที่ผ่านมา สปป.ลาวประสบปัญหาขาดดุลการค้า 496.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเวียดนาม โดยมีมูลค่าการนำเข้า 1,381.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการส่งออก 885.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าสำคัญที่ส่งออกไปยังเวียดนาม ได้แก่ น้ำดื่ม แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์ไม้ สินค้าเกษตร เช่น ยางพารา กาแฟ ข้าวโพด มันสำปะหลัง และข้าว รวมถึงปศุสัตว์ การนำเข้าเน้นกลุ่มที่สำคัญเช่นปิโตรเลียม ปุ๋ย เหล็ก เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้างและอะไหล่

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-vietnam-trade-deficit-set-drop-us227-million-97144

ดัชนีเอสเอ็มอี ไตรมาสแรกดิ่งทุกด้าน

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) แถลงดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ SMEs และดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ประจำไตร มาสที่ 1/2562 โดยสำรวจ 3 ดัชนี ได้แก่1.ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ SMEs 2.ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจ และ 3.ดัชนี ความยั่งยืนของธุรกิจ SMEs จาก 3 ดัชนีข้างต้น ภาพรวมพบว่าไตรมาสที่ 1/2562 อยู่ที่ระดับ 48.7 ปรับตัวลดลง 0.3 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาและคาดว่าในไตรมาสที่ 2/2562 จะอยู่ที่ระดับ 48.5 ด้านความต้องการความช่วยเหลือ สนับสนุนหรือพัฒนากิจการจากภาครัฐนั้น เช่น การลดอัตราภาษี ปรับปรุงโครงสร้างภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้านการตลาด เช่น ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงออนไลน์ ด้านสินเชื่อ เช่น ลดข้อจำกัดในการอนุมัติสินเชื่อ และการเข้าถึงให้ง่ายขึ้น และด้านพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เช่น กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน เป็นต้น สำหรับเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้า ธพว. ยังมีค่าเฉลี่ยดัชนีสูงกว่าเกณฑ์ และสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้าธพว ดังดั้น ธพว. จึงสร้างภูมิคุ้มกันทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เกิดความเข้มแข็งด้วยแนวทาง “3เติม” คือ 1.เติมทักษะ 2.เติมทุน และ 3.เติมคุณภาพชีวิต

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/835904

เวียดนามคาดว่าจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันดิบ

จากข้อมูลของหน่วยงานวิจัยฟิทซ์ โซลูชั่น แมคโคร รีเสริซ (Fitch Solution Macro Research) มองว่าเวียดนามมีการผลิตน้ำมันดิบลดลงอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะเฉลี่ยลดลงร้อยละ 4-5 ในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องมาจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศลดลง และการลงทุนในโครงการใหม่ที่ลดลงตามไปด้วย จากข้อมูลสถิติของสำนักงานสถิติทั่วไปเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าในปีที่แล้ว การผลิตน้ำมันดิบในประเทศมีอยู่ 247,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งน้อยกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ ในขณะเดียวกัน การส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามกลับลดลงร้อยละ 41 เมื่อเทียบเป็นรายปี สะท้อนการผลิตในประเทศมีแนวโน้มลดลง จากผลกระทบดังกล่าว ทำให้เวียดนามมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากกว่า 3 เท่า ในปี 61 ซึ่งมีมูลค่ากว่า 5.3 ล้านตัน และด้วยผลประโยชน์จากการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ทำให้กระชับความสัมพันธ์ทางด้านพลังงานและการค้ากับสหรัฐอเมริกา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/520376/viet-nam-forecast-to-face-net-imports-of-crude-oil.html#tEsQxuTABfBKzH81.97

การค้าต่างประเทศเมียนมาสูงถึง 21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของปีงบ 61-62

กระทรวงพาณิชย์ของเกาหลีใต้เผยการค้าระหว่างประเทศกับเมียนมามีมูลค่าสูงถึง 21 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 10 พฤษภาคม ของปีงบประมาณปัจจุบัน 61-62 โดยการส่งออกอยู่ที่ 10.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการนำเข้าสูงถึง 11.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค 61-10 พค. 62 มีการค้าขายทางทะเลสูงถึง 14.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการค้าชายแดนมีมูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 221 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อน ที่มีมูลค่ามากกว่า 20.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร ปศุสัตว์ การประมง แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์ป่าไม้ ขณะที่การนำเข้าจะประกอบด้วยทุน สินค้าขั้นกลาง และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-05/23/c_138082766.htm

7 เดือนแรกของปีงบ 61-62 เมียนมาดึงดูดเงินลงทุนต่างประเทศ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

รายงานของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการบริหาร (DICA) เมียนมาสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศกว่า 2.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน 61-62 โดยมีโครงการที่ได้รับอนุญาตจำนวน 150 โครงการ จากมูลค่าการลงทุนพบว่าภาคการขนส่งและการสื่อสารมีการลงทุน 1.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือภาคการผลิตมูลค่ากว่า 668.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิงคโปร์เป็นนักลงทุนรายใหญ่สุด โดยมีทั้งหมด 20 โครงการ มูลค่ากว่า 1.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งตามการลงทุนรายภูมิภาคพบว่า ย่างกุ้ง 60% มัณฑะเลย์ 30% และอื่นๆ อีก 10% จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่ามูลค่าการค้ากับจีนมีมูลค่าถึง 21.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณปัจจุบัน

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-05/23/c_138082935.htm

ผู้ประกอบการคาสิโนประกาศ แผนการขยาย SEA

ผู้ประกอบการคาสิโน Macau Legend Development Ltd ประกาศแผนการขยายพอร์ตธุรกิจในกัมพูชา สปป.ลาวและเวียดนาม   ผู้อำนวยการบริหารของมาเก๊า กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการประชุม G2E Asia ว่า บริษัท ของเขากำลังขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะสปป.ลาว กัมพูชาและเวียดนาม บริษัท ได้ซื้อ บริษัท Howing Enterprises Co Ltd ของกัมพูชาซึ่งมีมูลค่าประมาณ 90 ล้านดอลลาร์ และมีแผนที่จะพัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจรในจังหวัดเสียมเรียบ รัฐบาลกัมพูชากำลังร่างกฎหมายเพื่อควบคุมธุรกิจคาสิโนและการพนันและหวังว่าจะเสร็จเร็ว ๆ นี้ จะช่วยเพิ่มรายได้จากภาษี เมื่อปีที่แล้วมีใบอนุญาตการพนัน 150 ใบให้กับคาสิโนในกัมพูชาเพิ่มขึ้นจากปี 60

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50607295/casino-operator-announces-sea-expansion-plans/

ผู้ผลิตเหล็กจีนพิจารณาย้ายที่ตั้งไปยังกัมพูชา

กลุ่ม Baowu ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของจีน กำลังพิจารณาที่จะย้ายเตาถลุงระเบิดไปยังกัมพูชาในปีนี้ บริษัท กำลังศึกษาแผนการย้ายเตาหลอมระเบิดจากซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของจีนไปยังกัมพูชา Reuters อธิบายว่าแผนดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมหนักของจีนที่เพิ่มกำลังการผลิตส่วนเกินในต่างประเทศ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วรัฐบาลกัมพูชาอนุมัติโครงการสร้างโรงงานเหล็กมูลค่า 31 ล้านดอลลาร์ในจังหวัดกัมปงเหาะ หนึ่งเดือนต่อมา Hoa Phat ผู้ผลิตเหล็กของเวียดนามประกาศแผนการสร้างโรงงานมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ใน Preah Sihanouk ที่จะสามารถผลิตเหล็กได้ 2 ล้านตันต่อปี จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ที่แข็งแกร่งของภาคการก่อสร้างที่เฟื่องฟูในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50607297/chinese-steelmaker-considers-relocating-to-cambodia/

ทีมจีนศึกษาแผนแม่บทสำหรับสีหนุวิลล์

ทีมจากเมืองเซินเจิ้นของจีนอยู่ในกัมพูชา เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดทำแผนแม่บทเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาสีหนุวิลล์รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนจังหวัดพระสีหนุให้เป็น“ เมืองเซินเจิ้นที่สอง” กระทรวงกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกล่าวว่าแผนแม่บทที่มีศักยภาพจะช่วยพัฒนาสีหนุวิลล์ให้กลายเป็นเมืองสีเขียวที่ทันสมัยรวมถึงปลายทางการลงทุนที่น่าสนใจและศูนย์กลางอุตสาหกรรม Preah Sihanouk ตั้งอยู่ในชายฝั่งของประเทศมีท่าเรือน้ำลึกเพียงแห่งเดียวของกัมพูชาและสนามบินนานาชาติและเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อกับเมืองหลวง จังหวัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ (SSEZ) ซึ่งเป็นโครงการของนักลงทุนจากมณฑลเจียงซูของจีน ฮุนเซนกล่าวในปี 59 ว่าเขาถือว่า SSEZ เป็นความสำเร็จที่ใกล้เคียงกับเมืองเซินเจิ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50606751/chinese-team-to-study-master-plan-for-sihanoukville/

โอกาสสำคัญของเวียดนามในการส่งออกสินค้าไปมาเลเซียมากขึ้น

มาเลเซียถือเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ด้วยเหตุนี้ เวียดนามจึงดำเนินงานในการพัฒนาสินค้าให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นและตอบสนองความต้องการของตลาดฮาลาลได้ ทั้งด้านสินค้าเกษตร อาหารทะเล และเครื่องดื่ม เป็นต้น โดยรายงานของศูนย์ส่งเสริมการลงทุนและการค้า (ITPC) ระบุว่า การค้าระหว่างเวียดนามและ มาเลเซียเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าตลาดฮาลาลในปี 2573 มีมูลค่ากว่า 30.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเวียดนามแนะนำให้ผู้ประกอบการศึกษาตลาดมาเลเซียให้รอบด้าน และพัฒนาทักษะทางด้านการตลาดระหว่างประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/numerous-export-opportunities-with-malaysia/153004.vnp

รัฐบาลเมียนมาเลื่อนการขุดเหมืองหยกในเมืองพ่ากั่นออกไปสามเดือน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเผย รัฐบาลประกาศเลื่อนการขุดเหมืองหยกเป็นเวลาสามเดือนในเมืองพ่ากั่น รัฐคะฉิ่นตลอดช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ โดยเรื่องจะถูกส่งไปยัง (สภาสูง) เพื่อพิจารณา การระงับเป็นสิ่งที่ต้องทำเนื่องจากสัมปทานเหมืองแร่ในปัจจุบันกำลังจะหมดอายุและจำเป็นต้องมีการประเมินใหม่อีกครั้ง

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/govt-plans-three-month-mining-moratorium-disaster-prone-hpakant.html