เมียนมานำเข้าสินค้าทุนเฉียด 3.2 พันล้านดอลลาร์

จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ที่ช่วงเจ็ดที่ผ่านมามีการนำเข้าสินค้าทุนสูงถึง 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 31% ของการนำเข้าสินค้าทุกประเภททุกประเภท แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วลดลงเกือบ  380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ 1 ตุลาคมถึง 26 เมษายน ของปีงบประมาณ 2018-2019 มีการนำเข้าสินค้าทุนมูลค่า 3.265 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้รัฐบาลยังอนุมัติการลงทุนจากต่างประเทศ 150 ครั้ง ด้วยมูลค่า 1,682.707 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงการเพิ่มการลงทุน มูลค่าทั้งสิ้น 2,412.835 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/import-value-of-capital-goods-in-nearly-seven-months-reaches-over-us32-bn

โทรคมนาคมของสปป.ลาว การวิเคราะห์การเติบโตของตลาดโทรศัพท์มือถือ และบรอดแบนด์ได้รับแรงผลักดันในที่สุด

ภาคโทรคมนาคมในลาวยังคงมีปัญหามากมาย เป็นเวลาหลายปีที่อัตราการปฏิรูปกฎข้อบังคับได้รับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามสปป.ลาวเริ่มมีความก้าวหน้าที่สำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เป็นผลให้มันดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา การให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบคงที่มีความล่าช้าซึ่งเป็นข้อกังวลหลักในแง่ของการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ถึงอย่างไรในการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในระดับต่ำถึงปานกลางนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้าถึงปี 2566 และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์บนมือถือจากการเปิดตัวบริการ 4G ขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงคาดว่าอีกห้าปีข้างหน้าการเติบโตจะดำเนินต่อไป แต่ส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมจะยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก

ที่มา : https://amarketresearchgazette.com/laos-telecoms-mobile-and-broadband-market-growth-analysis-challenges-and-industry-key-players-lao-telecom-thaicom-etl-unitel-lao-asia-telecom-star-telecom-viettel-2019-2023/

กล้วยเป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับต้น ๆ ของสปป.ลาว

กล้วยถูกคาดว่าจะส่งออกสินค้าเกษตรชั้นนำของสปป.ลาวในปี 2562 แม้ว่ารัฐบาลลาวจะห้ามไม่ให้มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศ ในปี 2560 สปป.ลาวมีรายรับ 167.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกกล้วยซึ่งลดลงเป็น 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 แต่ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 168 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 ส่วนใหญ่จะขายให้ประเทศจีน และประเทศไทย ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่อื่น ๆ ในสปป.ลาวคาดว่าจะรวมมันสำปะหลังซึ่งมียอดขายสูงถึง 129 ล้านดอลลาร์สหรัฐกาแฟดิบ 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐยางพารา 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐข้าวโพดที่ 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐและข้าว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนโยบายเชิงพาณิชย์ในการผลิตกล้วยเป็นประโยชน์ต่อคนในชนบท ผลที่โดดเด่นที่สุดของนโยบายนี้คือเข้ามาของนักลงทุนเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยในแขวงทางภาคเหนือของแขวงบ่อแก้ว หลวงน้ำทาและแขวงอุดมไซ ซึ่งนำไปสู่การส่งออกกล้วยที่เพิ่มขึ้นจาก 46.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 เป็น 197.8 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐในปี 2559

ที่มา : https://www.freshplaza.com/article/9101029/laos-bananas-are-top-agricultural-export/

DKSH เปิดศูนย์ B’bang

ดีเคเอสเอช (SKS) ผู้ให้บริการขยายตลาดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สวิส 6 คนได้เปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่ 1,600 ตารางเมตร ในจังหวัดพระตะบองเพื่อขยายฐานการผลิตในกัมพูชา บริษัท กล่าวว่าโรงงานที่ทันสมัยจะมีบทบาทสำคัญในการให้การสนับสนุนด้านการกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ที่ทันสมัยแก่ลูกค้า ตลอดจนให้บริการในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ศูนย์กระจายสินค้าของ DKSH ในพนมเปญเปิดในปี 58 และเสียมราฐซึ่งเปิดในปี 60

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/dksh-opens-bbang-centre

ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลง จากความกังวลสงครามการค้า สหรัฐ จีน

ตลาดหุ้นเอเชียเกิดการเทขายอย่างหนัก เนื่องมาจากความกังวลท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีน ด้วยเหตุนี้มีการส่งสัญญาจากจีนถึงการปรับตัวของของการขึ้นภาษีศุลากากรกว่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์นี้ และคิดร้อยละของภาษีสินค้าจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 และถ้าเกิดการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่ประสบผลความสำเร็จ ทำให้เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ความต้องการพลังงงานลดลงและราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยสถานการณ์ของตลาดหุ้นเวียดนาม พบว่าดัชนี VN-Index และ HNX-Index ร่วงลงราวร้อยละ 0.56 และ 0.55 ตามลำดับ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หากสภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงติดลบ จะส่งผลให้ระยะสั้นของดัชนีทั้งสองจะดิ่งลงอย่างมาก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/519516/vn-stocks-head-down-with-global-markets-on-worries-about-trade-war.html#SgJ20D9r3dfqfhAm.97

การเมืองกดความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต่ำสุดรอบ16เดือน

โพลหอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.อยู่ระดับ 79.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน กังวลเสถียรภาพทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ภาวะเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ว่า อยู่ที่ระดับ 79.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ต่ำสุดในรอบ 58 เดือน อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่สำคัญของเดือนเม.ย.คือการปรับลดคาดการณฺ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ของ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เหลือโต 3.8% จากเดิมที่คาดโต 4.0% หลังคาดว่าการส่งออกปีนี้จะเหลือโตแค่ 3.4% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.5% ซึ่งเป็นผลจากทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมทั้งนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/707085

ดัชนี CPI เวียดนามในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.71 นับว่าเป็นการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.31 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 2.93 ต่อปี ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจเวียดนาม แม้ว่าจะเผชิญกับความผันผวนของราคาสินค้าและการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเบนซิน โดยในบรรดากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ 9 ใน 11 ประเภทมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งประกอบด้วยกลุ่ม การขนส่ง (4.29%) ที่อยู่อาศัย และวัสดุก่อสร้าง (0.6%) อุปกรณ์ของใช้ในครัวเรือน (0.11%) กลุ่มวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว (0.1%) เครื่องดื่มและบุหรี่ (0.08%) เครื่องแต่งกาย (0.06%) การศึกษา (0.05%) การแพทย์และบริการสุขภาพ (0.01%)  สินค้าและบริการอื่นๆ (0.15%) นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ดัชนี CPI ไม่นับรวมกลุ่มอาหารสด พลังงาน การดูแลสุขภาพ และการบริการด้านการศึกษา) ในเดือนเมษายนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.09 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม และร้อยละ 1.88 เมื่อเทียบต่อปี

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/519391/four-month-cpi-growth-lowest-in-three-years-gso.html#STCCdHRAfS3fedFg.97

ตัวเลขผู้ป่วยเมียนมา พุ่งเป็นล้านในปี 61

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาแห่งรัฐบาลเมียนมา พบว่าผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลของรัฐในปี 2561 มีจำนวนถึง 3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 1.8 ล้านคนในปี 2556 โดยรัฐบาลจัดสรรงบฯ เพียงร้อยละ 3.65 ของงบประมาณประจำปีในการดูและด้านสุขภาพของประชากรซึ่งต่ำมากตามมาตรฐานระดับโลก ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ยชาวเมียนมาอยู่ที่ 64.7 ปี ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียน แต่อัตราการตายของมารดาสูงเป็นอันดับสองในอาเซียนที่ 282 ราย และต่อการตั้งครรภ์ทุกๆ 100,000 ราย จะมีผู้หญิงประมาณ 2,800 คนที่เสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์หรือคลอด ภาวะทุพโภชนาการเป็นที่แพร่หลายในประเทศโดยมีเด็กอายุต่ำกว่าห้าขวบหนึ่งในสามจะมีปัญหาการขาดสารอาหารในช่วงเจริญเติบโตตามที่ได้ระบุไว้ในแผนด้านสุขภาพของปี 2017 – 2027

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/number-inpatients-govt-hospitals-grows-million.html

สปป.ลาว, อาเซียนกลับมาใช้ยาแผนโบราณ

ในการประชุมอย่างต่อเนื่องของคณะทำงานที่ปรึกษาอาเซียนเรื่องมาตรฐานและคุณภาพด้านยาและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพที่ 31 โดยผู้เข้าร่วมประชุมจะรายงานความคืบหน้าของกิจกรรมของพวกเขาและแบ่งปันแผนการในอนาคตในสนามเช่นเดียวกับการหารือการใช้งานที่ถูกต้องของข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาแผนโบราณในอาเซียน ทั้งนี้ในปี 2012 ยุทธศาสตร์การแพทย์แผนลาวแห่งชาติได้รับการอนุมัติแล้ว เป้าหมายของกลยุทธ์นี้คือการส่งเสริมการใช้พืชสมุนไพรทั้งเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพและเพื่อเพิ่มมูลค่าที่มีศักยภาพสำหรับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_Asean_101.php

กัมพูชากับผลประโยชน์มหาศาล จากโครงการ BRI ของจีน

Moody’s Investors Service มองกัมพูชาว่าได้รับการจัดอันดับคงที่ในระดับ B2 เนื่องจากเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากโครงการ Belt and Road ของประเทศจีน องค์กรบริการทางการเงินกล่าวว่า BRI เป็นการลงทุนในโครงการขนส่งและพลังงานขนาดใหญ่ที่ช่วยขยายกำลังการผลิตโดยการเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ แต่ขนาดและเงื่อนไขการลงทุนของ BRI สามารถขยายความเสี่ยงในระดับมหภาคให้กับประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและนโยบายที่อ่อนแอ สำหรับประเทศที่การเงินและไม่ได้จัดสรรแหล่งเงินทุนจากโครงการ BRI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มหนี้สินในระยะยาวและดุลของการชำระเงินของประเทศนั้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50600312/cambodia-to-benefit-substantially-from-chinas-bri-moodys/