ธนาคารแห่งประเทศไทยลงนาม MOU ธนาคารแห่งสปป.ลาวกำกับดูแลสถาบันการเงิน

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป. ลาว ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจทำหน้าที่เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความร่วมมือด้านการกำกับดูแลสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจอยู่ในทั้ง 2 ประเทศให้มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลสถาบันการเงินสากล โดยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะปฏิบัติตามเพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การตรวจสอบสถาบันการเงิน การจัดตั้ง supervisory colleges และการบริหารจัดการสถาบันการเงินในภาวะวิกฤติร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์ไทย 7 แห่งดำเนินงานในสปป.ลาว จัดตั้งเป็นบริษัทลูก ของธนาคารต่างประเทศ และอีก 6 แห่งจัดตั้งเป็นสาขาธนาคารพาณิชย์ (รวมจำนวน 8 สาขา) และมีสำนักงานผู้แทนของธนาคารพาณิชย์สปป.ลาวเปิดดำเนินการในประเทศไทยจำนวน 1 แห่ง

ที่มา : http://www.nationmultimedia.com/detail/breakingnews/30371651

สินเชื่อเพื่อช่วยในการจัดหาแหล่งน้ำในภาคเหนือของพนมเปญ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้สัมปทานกับธนาคารเพื่อการลงทุนยุโรป เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินแก่ระบบบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของกรุงพนมเปญ โดยจะได้รับเงินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ โรงงานบำบัดน้ำซึ่งตั้งอยู่ในเขตชุมชน Bak Khaeng ของเขต Russey Keo จะเสียค่าใช้จ่ายรวมที่ 247 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรวมวงเงินกู้ 85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากสำนักงานพัฒนาฝรั่งเศส อีกทั้งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้รับจากศูนย์การลงทุนของสหภาพยุโรป และอีกจำนวน 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการประปาของพนมเปญ โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ และคาดว่าจะเสร็จในปี 2565 โรงงานบำบัดน้ำจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 195,000 ลูกบาศก์เมตรของน้ำสะอาดต่อวันซึ่งสูงกว่าตัวเลขการผลิตในปัจจุบัน 560,000 ลูกบาศก์เมตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50617341/loan-to-help-finance-water-plant-in-northern-phnom-penh/

นักลงทุนไทยแสวงหา ความผูกพันในกัมพูชา

นักธุรกิจและนักลงทุนจากไทยจะแสวงหาโอกาสการลงทุนในกัมพูชา ในระหว่างการประชุมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับนักธุรกิจชาวกัมพูชาในพนมเปญ นายงิ่งเม้งเทค ผู้อำนวยการใหญ่หอการค้ากัมพูชากล่าวเมื่อวานนี้ว่า มีบริษัทจากไทยประมาณ 40 บริษัทจะสำรวจความร่วมมือกับพันธมิตรในกัมพูชาระหว่างการประชุมในสัปดาห์นี้ รัฐบาลกัมพูชาและไทยเห็นพ้องที่จะผลักดันการค้าทวิภาคีสู่ระดับ 15 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 63 ตัวเลขจากสถานทูตไทยในกัมพูชาแสดงให้เห็นว่าการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีมูลค่าถึง 8.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 61 เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปี 60 การส่งออกของไทยไปยังกัมพูชามีมูลค่า 7.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 61

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50617337/thai-investors-seek-ties-in-kingdom/

เวียดนามมองว่าตลาดภูมิภาคแอฟริกามีศักยภาพในการค้าระหว่างประเทศ

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าตลาดในภูมิภาคแอฟริกามีความต้องการสินค้าของเวียดนามสูง ซึ่งทางกระทรวงฯแนะนำให้ทางผู้ประกอบการเวียดนามควรหันมาทำการค้ากับตลาดใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาคแอฟริกามากยิ่งขึ้น และเวียดนามยังสามารถจัดหาวัตถุดิบสำคัญจากแอฟริกา ได้แก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ฝ้าย และไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ เวียดนามส่งออกสินค้าสำคัญไปยังแอฟริกา ได้แก่ ข้าว สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เป็นต้น แม้ว่าภูมิภาคนี้น่าสนใจในการค้าการลงทุนก็ตาม แต่เวียดนามต้องเผชิญกับต้นทุนขนส่งค่อนข้างสูง และโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องพัฒนามากยิ่งขั้น จากตังเลขสถิติ ในปี 61 การค้าระหว่างเวียดนาม-แอฟริกามีมูลค่ารวมประมาณ 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521708/africa-has-high-trade-potential-with-vn.html#UvsxbXVMfOI3EWwO.97

ปีงบประมาณ 61-62 เมียนมา ขาดดุลการค้า 1.05 พันล้านเหรียญ

ตั้งแต่ ต.ค. ปี 62 ถึง 14 มิ.ย.ปีนี้ มีมูลค่าการส่งออก 11.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่ารวม 12.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าการค้าต่างประเทศรวมอยู่ที่ 24.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การขาดดุลการค้าของปีนี้แสดงให้เห็นว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 60-61 ที่มีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์สัตว์ การประมง แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์ป่าไม้ สินค้าอุตสาหกรรมขณะที่การนำเข้าสินค้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันเมียนมากำลังพยายามเพิ่มการส่งออกและลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อลดการขาดดุลการค้า

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-06/22/c_138164290.htm

กระทรวงการเงิน สปป.ลาว ตั้งเป้าหมายการปฏิรูปผ่านโครงการการเงินแห่งรัฐ

กระทรวงการเงินสปป.ลาว เชื่อว่าการจัดการระบบการเงินแห่งรัฐจะมีประสิทธิภาพโปร่งใสและตรวจสอบได้มากขึ้น ผ่านโครงการปรับปรุงการบริหารระบบการเงินแห่งรัฐให้เป็นระบบทันสมัย (E-FITS) และโครงการปฏิรูปการบริหารการเงินแห่งรัฐ (EU-WB TF) ทั้ง 2 โครงการมุ่งเน้นการปฏิรูปเพื่อให้มั่นใจการบริหารการการเงินแห่งรัฐ ซึ่งการดำเนินโครงการจะช่วยปรับปรุงการบริหารจัดการของระบบภาษีและดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สิ่งนี้จะปรับปรุงแผนงบประมาณและสาขา อื่น ๆ ของระบบการจัดการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อบูรณาการการจัดการการเงินแห่งรัฐเข้ากับระบบการชำระเงินของประเทศ โครงการสำคัญหลายโครงการได้ริเริ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการจัดการด้านการเงินที่ทันสมัย เมื่อต้นปีที่ผ่านมากระทรวงประกาศใช้ระบบข้อมูลการจัดการสรรพากร (TAXRIS) เป็นการลงทุนของรัฐ ในการจัดการรายได้ให้ทันสมัยตามแผนกลยุทธ์และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติระดับสากลในด้านความรับผิดชอบและความโปร่งใส ด้วยแผนการที่แม่นยำในการจัดการระบบการเงินแห่งรัฐ

ที่มา :http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry_targets_145.php

ไม่มีการหลีกเลี่ยงภาษีใน SSEZ

ท่ามกลางการโต้เถียงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการหลีกเลี่ยงทางภาษีที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาแถลงระบุว่าไม่พบ บริษัท จีนที่ใช้ “SSEZ” ในการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรในการขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ปรับ บริษัท หลายแห่งที่ส่งออกสินค้าผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนที่ตั้งอยู่ในกัมพูชาเพื่อเลี่ยงผลกระทบที่เกิดจากการกีดกันทางการค้า หรือการตั้งกำแพงทางภาษีระหว่าง สหรัฐ และจีน โดย “SSEZ” ก่อตั้งขึ้นในปี 51 บนพื้นที่กว่า 1,113 เฮกตาร์ ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือสีหนุวิลล์ประมาณ 13 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา ซึ่งโรงงานที่อยู่เขตเศรษฐกิจนี้ทำการผลิต สิ่งทอ ,รองเท้า ,สินค้าท้องเที่ยว ,ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ,อุปกรณ์ไฟฟ้า ,ยาง ,ชิ้นส่วนรถยนต์ ,เฟอร์นิเจอร์ และ อื่นๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50616995/no-tax-avoidance-in-ssez-commerce-ministry/