บริษัท ญี่ปุ่นจะเริ่มสกัดแร่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

บริษัท Japan Oil, Gas and Metals National Corporation (JOGMEC) ประกาศแผนการที่จะใช้ประโยชน์จากทองแดง และสังกะสีในจังหวัด สตึงแตรง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา โดย JOGMEC ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารงานของกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น จะทำการสกัดแร่ธาตุโดยได้มีความร่วมมือกับ บริษัท ญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งคือ Nittetsu Mining Co. โดยรัฐบาลกัมพูชาให้สิทธิ์การสำรวจในเดือน เมษายน กับ Nittetsu Mining (Cambodia) Ltd. ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของ บริษัท ญี่ปุ่น กระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน และ JOGMEC ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจในการสำรวจทางธรณีวิทยา องค์กรดังกล่าวได้ทำการศึกษาเพื่อ จำกัด พื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับการสำรวจแร่ ทั้ง JOGMEC และ Angkor Gold Corp เพิ่งประกาศว่าพวกเขาได้ทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อสำรวจทรัพยากรของเมืองอังกอร์ร่วมกัน โดย JOGMEC จะลงทุนอีก 3 ล้านเหรียญ ในระยะเวลาสามปีเพื่อสำรวจไซต์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50612921/japanese-companies-to-begin-mineral-extraction-in-northeast/

เวียดนามส่งออกลิ้นจี่อยู่ในอันดับ 2 ของโลก

ตามรายงานของสมาคมพืชสวนนานาชาติ (ISHS) เปิดเผยว่าเวียดนามเป็นผู้ส่งออกลิ้นจี่รายใหญ่อยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19 ของส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลก โดยผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก คือ ประเทศมาดากัสการ์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ของมูลค่าการส่งออกทั่วโลก ถึงแม้ว่าจะมีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ในระดับต่ำก็ตาม รองลงมาได้แก่ จีน (18%) ไทย (10%) และแอฟริกาใต้ (9%) ตามลำดับ ซึ่งในมุมมองของผู้บริโภคและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมองว่าคุณภาพลิ้นจี่เวียดนาม มีคุณภาพที่ดีกว่าหลายๆประเทศ ไม่ว่าจะมาจากจีนและอินเดีย นอกจากนี้ ทางด้านการส่งออกผลไม้สดเวียดนามต้องเผชิญกับการตรวจคุณภาพย้อนกลับและการติดฉลาก ทำให้เวียดนามต้องปรับ/อัพเดตข้อกำหนดต่างๆ จากตลาดผู้นำเข้าให้ทันตลอดวลา รวมไปถึงยังขาดเทคโนโลยีบางอย่าง เช่น เทคโนโลยีด้านการเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521137/viet-nam-becomes-second-largest-exporter-of-lychees.html#crxxdPf13rxj2ZbC.97

KBZ ร่วมมือกับ PTTOR พัฒนาคลังน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกในเมียนมา

บริษัท Brighter Energy และ บริษัท Brighter Energy Retail ภายใต้กลุ่ม บริษัท คันบาวซา จำกัด (KBZ) บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมา จับมือกับ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) จากประเทศไทย เพื่อพัฒนาคลังน้ำมันประกอบด้วย การจัดหาเชื้อเพลิง การจัดการท่าเทียบเรือ การสร้างคลังน้ำมัน คลังบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และการขายปลีกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยคลังเก็บน้ำมันจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมียนมา ด้านธุรกิจค้าปลีกสถานีปตท.และคาเฟ่อเมซอนยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องภายใต้แบรนด์ PTTOR ที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว และมีแผนจะยกระดับปั้มน้ำมัน Nilar Yoma และเปิดใหม่ 10 แห่งในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ คาดว่าจะเปิด 70 สถานี ในปี 2566 และปรับปรุง คาเฟ่อเมซอน มินิมาร์ท ศูนย์บริการอัตโนมัติ เคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และห้องน้ำ ซึ่งสามารถสร้างงานได้มากกว่า 2,000 ตำแหน่ง โดยใช้ทุนทั้งสิ้น 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/kbz-join-hands-with-pttor-in-retail-business-development

ผู้ผลิตถ่านสีขาวสปป.ลาว ปลูกต้นไม้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นการส่งออก

กลุ่มผู้ผลิตถ่านขาวเพื่อการส่งออก (WPEG) สปป.ลาวกำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลและชุมชนท้องถิ่นในโครงการปลูกต้นกล้าไม้ติ้วในภูมิภาคที่พัฒนาน้อยที่สุดของประเทศด้วยความหวังว่าจะช่วยส่งเสริมการค้าและขจัดความยากจน เป้าหมายของกลุ่มในการจัดตั้งสวนไม้ติ้วคือเพื่อขยายกำลังการผลิตถ่านสีขาวและจับตลาดส่งออกของญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งได้แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน โดยกลุ่มผู้ผลิตมองเห็นการผลิตถ่าน 200 ตันต่อเดือนสำหรับลูกค้า

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_White.php

ABA รายงานกำไรสุทธิ 71.8 ล้านดอลลาร์

ABA Bank ซึ่งเป็นสมาชิกของ National Bank of Canada มีกำไรสุทธิ 71.8 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 55% จาก 46.2 ล้านดอลลาร์ในปี 60 รายงานประจำปีของ บริษัท เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รายงานเงินฝากของ ABA อยู่ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์เทียบกับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 60 ขณะที่สินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งขยายตัว 49% เมื่อเทียบเป็นรายปี ABA จะกลายเป็นผู้ออกหุ้นกู้รายที่สามในตลาดทุนกัมพูชาหลังจากได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ธนาคารมีแผนจะระดมเงิน 24.7 ล้านดอลลาร์ผ่านการออกหุ้นกู้ครั้งแรกในตลาดทุนของกัมพูชา รายได้สุทธิจากการออกพันธบัตรจะถูกใช้สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อ ณ สิ้นปีนี้ธนาคารให้บริการผู้ฝาก 426,000 ราย เพิ่มขึ้นจาก 232,000 คน ณ สิ้นปี 60 โดยมีพนักงาน 4,213 คนและสาขา 66 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/aba-reports-718m-net-profit

การค้าระหว่างมณฑลยูนนานและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพิ่มขึ้น 5.6 %ในปี 61

ปริมาณการค้ารวมระหว่างมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกับ 5 ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 61 โดยมณฑลยูนนานจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของทุกประเทศและเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงทุกด้าน และจะทำงานร่วมกับประเทศในกลุ่ม GMS เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจสีเขียวในระดับภูมิภาคและส่งเสริมการก่อสร้าง “เส้นทางสายไหมดิจิตอล” และสวนอุตสาหกรรม อีกทั้งประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่สำคัญในการเชื่อมโยงจีนกับประเทศของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางเดินรถไฟระหว่างจีน – สปป.ลาว – ไทยจะส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างทั้ง3 ประเทศและอำนวยความสะดวกในการลงทุนจากกลุ่มประเทศ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-06/11/c_138131860.htm

นักลงทุนเกาหลีมองหาโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน

ตามรายงานของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ (HSBC) เปิดเผยว่านักลงทุนชาวเกาหลีมองหาโอกาสในการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในเวียดนาม เนื่องมาจากเวียดนามและเกาหลีใต้ร่วมมือในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงเวียดนามจะได้รับองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้จากการลงทุนโดยตรงต่างประเทศ (FDI) และการฝึกอบรมบุคลากรอีกด้วย ซึ่งทางรัฐบาลเวียดนามได้ออกกฎหมายเพื่อเอื้ออำนวยต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ได้แก่ การลดภาษีสำหรับโครงการพลังงานทดแทน เป็นต้น จากสถิติการใช้พลังงานไฟฟ้าเวียดนาม คาดว่าเวียดนามจะมีการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 ในแต่ละปี ทางด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของเกาหลีใต้ แสดงให้เห็นว่าเวียดนามเป็นแหล่งการลงทุนของเกาหลีใต้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51.5 ของการลงทุนทั้งหมดในอาเซียน รองลงมาสิงค์โปรร้อยละ 25.6 ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521081/korean-investors-eye-investment-in-renewable-energy.html#r1lluvQ43TuExXjb.97

สามด่านค้าชายแดนหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน – เมียนมา

คณะกรรมการกลางเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจชายแดน (BECZ) ตัดสินใจเลือกพื้นที่สำหรับโซนหลักสำหรับการค้าชายแดนของระเบียงเศรษฐกิจจีน – เมียนมา ในมูเซและชินฉ่วยฮ่อ (Chin Shwe Haw) ภูมิภาคทางตอนเหนือในรัฐฉาน Kan Pite Tee ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งตอนนี้มีเพียงบริษัทของเมียนมาเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประมูลแม้ว่านักลงทุนต่างชาติยังสามารถเข้าร่วมได้โดยถือหุ้นไม่เกิน 35% เพราะอาจถูกครอบงำจากทุนมหาอำนาจอย่างจีนและการถูกแย่งตำแหน่งงานของคนในพื้นที่

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/three-locations-identified-china-myanmar-economic-corridor.html