นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วช่วงวันหยุด

กระทรวงการท่องเที่ยวเผย จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดมสีหมุนี โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 3 แห่ง คือ เสียมเรียบ ชายฝั่ง และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลจากการที่กำลังซื้อที่สูงขึ้นและการคมนาคมที่สะดวกขึ้นทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยเฉพาะเสียมเรียบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและวัฒนธรรมที่หลากหลาย จากข้อมูลมีนักท่องเที่ยวประมาณ 104,000 คน ในวันที่ 13-15 พฤษภาคมเพิ่มขึ้น 12.72% มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 4,400 คน .

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50604584/tourist-numbers-rise-sharply-during-holiday/

กัมพูชา – เนปาล ส่งเสริมการค้าการลงทุนพร้อมร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

กัมพูชาและเนปาลร่วมมือทวิภาคีด้านการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว จากการมาเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีเนปาล นายคัดห์กา ปราสาด ชาร์มา โอลิ และเพื่อเข้าพบนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ทั้งนี้นายโอลิยังกล่าวเน้นถึงบทบาทที่สำคัญของภาคเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสนับสนุนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหอการค้าของกัมพูชาและเนปาลในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางเศรษฐกิจและโอกาสทางธุรกิจของทั้งสองประเทศอย่างเต็มที่

http://www.xinhuanet.com/english/2019-05/16/c_138062594.htm

สปป.ลาวและเกาหลีใต้เห็นพ้องกับการพัฒนาชนบทในอนาคต

เกาหลีใต้ตกลงในการสนับสนุน สปป.ลาวต่อในกิจกรรมการพัฒนาชุมชนในชนบทผ่านโครงการ Saemaul Undong ภายใต้การลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งเกาหลี (KOICA) กับกระทรวงเกษตรและป่าไม้แห่ง สปป.ลาว MOU นี้จะร่วมกันริเริ่มโครงการพัฒนาชุมชนชนบทในสามจังหวัดภาคใต้ของ สปป.ลาว โดยสองฝ่ายจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับความคืบหน้าโดยรวมของโครงการ การเงิน รูปแบบและโครงสร้าง เพื่อพยายามปรับปรุงชีวิตของผู้คนในชุมชนหมู่บ้านชนบท พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ เหมาะสมและยั่งยืน ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา KOICA ได้ดำเนินโครงการมาแล้วที่เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์

ที่มา: http://annx.asianews.network/content/laos-south-korea-agree-future-rural-development-96733

พ.ค.62 การลงทุนจากต่างประเทศของเมียนมา มูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์

รายงานของคณะกรรมการการลงทุนและบริหาร บริษัท (DICA มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศของช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีมากกกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของปีงบประมาณ 2561-2562 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 718 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาคการขนส่งและการสื่อสารมียอดการลงทุนจากต่างประเทศสูงถึง 1.155 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันเมียนมากำลังพัฒนาโครงการยกเพื่อระดับการลงทุนเป็นเวลา 20 ปีเพื่อผลักดันให้มีสถานะประเทศรายได้ปานกลางให้ได้ในปี 2573 และสามารถสร้างรายได้จากแผนดังกล่าวนี้มากกว่า 220 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ คณะกรรมาธิการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ได้กำหนดนโยบายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี 2556 โดยความร่วมมือกับสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/more-than-us25-b-worth-of-foreign-investments-had-entered-myanmar-till-may

ยอดส่งออกปลาสวายไปสหรัฐอเมริกา และจีนลดลง

การส่งออกปลาสวายของปากแม่น้ำโขงไปยังสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่ที่สุดลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยยอดนำเข้าจากจีนและฮ่องกงในเดือนมีนาคมมีมูลค่า 39.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลง 12.9% จากปีที่แล้ว ขณะที่สหรัฐลดลง 44% แม้จะยังเป็นตัวเลขที่สูงแต่ความไม่แน่นอนอย่างเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและภาษีอาจเป็นอุปสรรค ผู้เชี่ยวชาญจึงชี้ว่าควรหาตลาดอื่นรองรับ เช่น ยุโรป ที่ช่วงหลังเริ่มนำเข้ามากขึ้น มูลค่าการส่งออกปลาประมาณ 72 ล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมสูงกว่าปีที่แล้ว 42% ส่วนอาเซียนในไตรมาสแรกของปีเพิ่มขึ้น 18% ในขณะที่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเช่นกันทำให้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำเข้า 10 อันดับแรกของปีนี้ ส่วนพื้นที่เพาะเลี้ยงปลามีเนื้อที่ถึง 1,300-1,400 เฮกตาร์โดยมีผลผลิต 380,000-400,000 ตัน โดยปีนี้ตั้งเป้าส่งออกประมาณ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://vietnamnews.vn/economy/520068/shark-catfish-exports-to-us-china-fall.html#dCcJwwPExg6WOTfC.97

ผู้ประกอบการเวียดนามหวั่นผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนกว่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมร้อยละ 10 ขึ้นเป็นร้อยละ 25 ทำให้จีนตอบโต้ประกาศขึ้นอัตราภาษีศุลกากรจากสหรัฐมากกว่าพันรายการ โดยบริษัทใหญ่ของเวียดนามมีมุมมองปัจจัยบวกต่อสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เนื่องมาจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลทั่วโลก ส่งผลต่อธุรกิจส่งออกเวียดนามที่ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินด่อง แต่หลายภาคส่วนของธุรกิจแสดงความกังวลให้ภาครัฐบาลควบคุมค่าเงินไม่ให้ผันผวนจนมากเกินไป และอีกในมุมมองหนึ่ง คือ ผู้ประกอบการเวียดนามต้องเผชิญกับคู่แข่งชาวจีนที่ลงทุนในด้านทรัพยากรมนุษย์และการรับซื้อที่ดิน รวมไปถึงผู้ประกอบการชาวจีนที่ผลิตสินค้าในเวียดนาม สำหรับสินค้ากึ่งสำเร็จรูป เพื่อที่จะส่งออกไปยังสหรัฐฯ ภายใต้ฉลากของเวียดนาม.

ที่มา: https://vietnamnews.vn/economy/520036/vietnamese-businesses-fear-fallout-of-us-china-trade-war.html#hTJ3WHW3tuhibpqp.97