Archives

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เผยผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างผู้ทำงานให้บริษัทญี่ปุ่นในประเทศฝั่งเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และออสเตรเลีย พบว่าเวียดนามเหมาะแก่การลงทุนมากที่สุด ตามด้วยอินเดีย จีน และไทยในอันดับ 4 จากอันดับ 7 ในปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการผลิตและส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์ การดำเนินการของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และความชัดเจนในการเลือกตั้ง ทั้งนี้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเผยว่า ญี่ปุ่นจะขยายการลงทุนในไทยเพราะมั่นใจ ส่วน SME ใหม่ๆ จะเลือกเวียดนามก่อนเพราะสิทธิประโยชน์ในการลงทุน

ที่มา : http://www.thansettakij.com/content/386348?fbclid=IwAR2Ns6LMY5cTO9nFDH5-pQIRnfgHXra9dV-TqbRG6RUb8ehCzHzLha4KBjg

12/02/62

จากรายงานเปิดเผยว่า เวียดนามอยู่อันดับที่ 15 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าการเกษตรของโลก แต่ความสามารถในการแข่งขันยังไม่สูงมากนัก ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตสินค้าการเกษตรของเวียดนามสามารถบรรลุมาตรฐานคุณภาพที่เข็มงวดของตลาดสำคัญต่างๆ เช่น สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น เป็นต้น บริษัท Huy Long An เป็นหนึ่งในบริษัทเวียดนามที่ส่งออกสินค้าเกษตรโดยตรงไปยังญี่ปุ่น โดยมูลค่าการส่งออกกล้วยไปยังญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีกว่า 3.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผู้เชียวชาญหลายท่านระบุว่า เวียดนามควรจะเจาะตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งสินค้าการเกษตรของเวียดนามต้องได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว HCAAP และ Global GAP เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ทำให้เวียดนามสามารถเข้าสู่การกระจายสินค้าและเครือข่ายค้าปลีกได้

ที่มา : http://vovworld.vn/th-TH/เศรษฐกจ/นำผลตภณฑการเกษตรเวยดนามเจาะตลาดทมมาตรฐานทเขมงวด-723071.vov

12/02/62

เมียนมาได้เร่งกระบวนการการออกใบอนุญาตเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะมาเยือนเมืองโมก็อก (Mokok) ดินแดนแห่งทับทิม ในเขตมัณฑะเลย์ ทางตอนเหนือของประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ จากที่เคยเป็นเมืองปิด แต่เมื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปเมื่อ ก.ย.61 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง 500 คน โดยจะดำเนินการภายในระยะเวลา 5 วัน จากเดิมใช้เวลา 1 เดือน โมก็อกเป็นที่รู้จักจากอัญมณีอย่างทับทิมและแซฟไฟล์ โดยร้อยละ 90 ของทับทิมในประเทศมาจากเมืองโมก็อกและในปัจจุบันเมียนมาพยายามที่จะนำอัญมณีของประเทศออกสู่ตลาดโลก

ที่มา : https://mgronline.com/indochina/detail/9620000015189

12/02/62

แบ่งเป็นตัวเลขการส่งออก 723.5 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า 552.2 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญ คือ น้ำดื่ม แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์จากไม้และสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา กาแฟ ข้าวโพดมันสำปะหลัง ข้าว และปศุสัตว์ การนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็น ปิโตรเลียม ปุ๋ย เหล็ก เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และชิ้นส่วนอะไหล่ โดยเป็นคู่ค้าใหญ่สุดอันดับสาม ตามด้วยไทยและจีน ด้านการลงทุน เวียดนามลงทุนไปมากกว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ใน 409 โครงการ เช่น เหมืองแร่ พลังงานน้ำ ขนส่ง และบริการ ปีนี้คาดว่าจะขาดดุล 259 ล้านดอลลาร์ มีการส่งออก 5,516 ล้านดอลลาร์ส่วนการนำเข้า 5,775 ตลาดส่งออกสำคัญ คือ ไทย เวียดนาม อินเดียและสหรัฐฯ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50577511/laos-vietnam-trade-over-1-bln-in-2018/

13/02/62

รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวกล่าวว่าการตัดสินใจของรัฐบาลสปป.ลาวที่จะทำให้ ปี 61 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวของสปป.ลาวได้สร้างผลในเชิงบวกโดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น 8.2%  โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาในประเทศ 4.1 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 755 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับงบประมาณของรัฐได้จัดสรรในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ออกนโยบายเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวรวมถึงการยกเว้นวีซ่าในช่วงปีการท่องเที่ยวสำหรับผู้มาเยือนจาก 4 ประเทศ ได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และคูเวต นอกจากนี้ยังจัดสรรเงินจากงบประมาณเพื่อซ่อมแซมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งท่องเที่ยว ปฏิรูปกระบวนการบริหารต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าและออกเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาเยือนและแนะนำให้ลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากตลาดเป้าหมาย

ที่มา : http://sggpnews.org.vn/international/laos-strives-to-develop-tourism-80231.html

12/02/62

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยยอดขายและเช่าที่ดินไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.-ธ.ค.2561) รวม 720.74 ไร่ แบ่งเป็นขายและเช่าในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี ) 664.06 ไร่ นอกอีอีซี 56.69 ไร่ รวมมูลค่าการลงทุน 5,561 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในพื้นที่อีอีซี 2,839 ล้านบาท และการลงทุนพื้นที่นอก 2,721 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 3,500 ไร่ นอกจากนี้ ตั้งแต่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในอีอีซี ปัจจุบันมีพื้นที่ 137,723 ไร่ มีพื้นที่รองรับการลงทุนใหม่ 10,840 ไร่ และคาดว่าจะมีมูลค่าด้านการลงทุน 1.31 ล้านล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลเปิดประมูลโครงการก่อสร้างพื้นฐานหลักอีก 5 โครงการ ส่งผลให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/826809

12/02/62