ไทยนิยมยั่งยืน ผุดจ้างงาน 3 ล้านราย หวังเงินสะพัดหมุนเวียน 6.3 หมื่นล้านบาท

ททท.เปิดสำนักงานฟูกูโอกะ ดูแลการทำตลาดในพื้นที่ภูมิภาคคิวชู เกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่นครอบคลุม 12 จังหวัด โดยเตรียมโครงการ “มาย เฟิร์ส ไทยแลนด์” (My First Thailand) เพื่อเชิญชวนคนญี่ปุ่นที่ไม่เคยไปท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยเป็นที่แรก โดยประชากรในแถบนี้มีอัตราการถือพาสปอร์ตเพียง 10% ของประชากร ที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ขณะที่ประชากรทั่วประเทศ 58% ที่มีพาสปอร์ต เป็นโอกาสดีที่จะรุกตลาดนี้โดยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในช่วง 10 เดือนแรก ม.ค.-ต.ค.61 มาท่องเที่ยวไทย 1,353,301 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.89 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี60 คาดว่าเมื่อสิ้นปี61 จะมีจำนวน 1,630,000 คน เพิ่มขึ้น 7.52% ก่อให้เกิดรายได้ 73,370 ล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9.01% และในปี62 ตั้งเป้านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย 1,680,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี60 ในอัตรา 5% และสร้างรายได้เข้าสู่ไทย 77,500 ล้านบาท ก่อนจะเดินทางสู่เป้าหมาย 2 ล้านคน ในปี63 สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท

ที่มา :  https://www.thairath.co.th/content/1438493

06/12/61

สมาร์ทโฟนแบรนด์น้องใหม่ “Vsmart” จากเวียดนาม เตรียมเปิดตัว 14 ธ.ค.นี้

รอยเตอร์ รายงานว่า “Vingroup” กลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของประเทศ เตรียมจะเปิดตัวสมาร์ท โฟนเป็นครั้งแรก ในวันที่ 14 ธ.ค. ภายใต้แบรนด์ “Vsmart” โดย Vsmart  มีโรงงานผลิตอยู่ในเมืองไฮฟอง ตอนเหนือของประเทศ     ในล็อตแรกเตรียมจะผลิตสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 5 ล้านเครื่องต่อปี โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยี “BQ” จากสเปน ซึ่งถือหุ้น 51% รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า อนาคตหาก Vsmart ประสบความสำเร็จ คาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น สมาร์ททีวี เป็นต้น ยังคาดหมายว่า Vingroup จะเติบโตในตลาดเวียดนาม และประเทศอาเซียน ในระยะยาว โดยเตรียมจะผลักดันทั้งสมาร์ทโฟน Vsmart และ รถยนต์แบรนด์ Vinfast ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.prachachat.net/aseanaec/news-260098

06/12/61

ฟ็อกซ์คอนน์เล็งตั้งรง.ผลิตไอโฟนในเวียดนาม

เวียดนาม อินเวสเมนท์ รีวิว สื่อทางการของเวียดนาม รายงานว่า ฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นบริษัทรับช่วงผลิตสินค้าอิเลคทรอนิคส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทซัพพลายเออร์รายใหญ่ของแอ๊ปเปิ้ล กำลังพิจารณาสร้างโรงงานผลิตไอโฟนในเวียดนาม เพื่อลดผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หากตั้งโรงงานในเวียดนามจริง จะถือเป็นการดำเนินการที่สำคัญก้าวแรกของในภาคการผลิตขนาดใหญ่ในการโยกย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ผลการสำรวจผู้บริหารหลายคนของจีนยังระบุว่า ไทยและเวียดนามถือเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจ ก่อนหน้านี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ถือเป็นปัญหาท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่ และผู้บริหารของบริษัทกำลังจัดเตรียมแผนเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว

ที่มา :  http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/820461

06/12/61

ไทย-เวียดนาม หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

จากรายงานของนางสาววันทนีย์ วิพุธวงศ์สกุล อุปทูต ณ กรุงฮานอย เผยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับเวียดนามมีพลวัตและมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม นับจากการยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) ในปี56 โดยในปี61 ไทยได้มีการแลกเปลี่ยนการเข้าร่วมการประชุมทางด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆทุกระดับอย่างต่อเนื่อง สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พบว่าในปี60 ไทยกับเวียดนามมีมูลค่าการค้าทวิภาคีจำนวน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าทั้งสองประเทศจะบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี63 ตามที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนด้านการลงทุน พบว่า ไทยเป็นผู้ลงทุนอันดับที่ 10 ของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการลงทุนจำนวน 9,000 ล้านดอลลาร์ฯสหรัฐในปี60 โดยเป็นโครงการด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ด้านสาธารณูปโภค พลังงาน  อุตสาหกรรมแปรรูป ไปจนถึงภาคการบริการ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว โดยในปี60 มีนักท่องเที่ยวไทยและเวียดนามเยือนซึ่งกันและกันมากกว่า 1 ล้านคน นอกจากนี้  มีการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา เยาวชน และด้านสื่อสารมวลชน

ที่มา : http://vovworld.vn/th-TH/ขาวเดน/ไทยกบเวยดนาม-หนสวนยทธศาสตรเพอการพฒนาทยงยน-703324.vov

05/12/61

ชงลาวเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยว

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.ร่วมระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว จะเสนอให้ที่ประชุมรับทราบถึงความคืบหน้าของไทยในการผ่อนปรนการจัดทำ รี-เอ็นทรี วีซ่า หรือการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ทำ วีซ่าไทยแบบอนุญาตครั้งเดียว สามารถเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน และกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตใหม่อีกครั้ง รวมถึงวีซ่าทางบกและดับเบิล เอ็นทรี วีซ่า หรือวีซ่าเข้าประเทศไทย 1 ครั้ง สามารถเดินทางเข้าไทยได้ 2 ครั้ง ที่ทำให้เกิดความสะดวกกับนักท่องเที่ยว ที่มีผลต่อการท่องเที่ยวของ สปป.ลาวด้วย ที่จะสามารถร่วมมือกันในการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงระหว่างกัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

06/12/61

นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

รัฐบาลสปป.ลาว ดำเนินการเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ หลังจากที่การจัดอันดับความภาคภูมิใจของ สปป.ลาวลดลง 13 แห่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ามาตรการที่รัฐบาลกำหนดไว้เพื่อปรับปรุงความสะดวกในการทำธุรกิจจำเป็นต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้ได้ผลผลิต จะมุ่งเน้นเรื่องการปรับปรุงอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ การบริหารงานอย่างใกล้ชิดกับธุรกิจเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาที่พวกเขาเผชิญหน้า จะมีแนวทางในการขจัดปัญหาเหล่านี้ในลักษณะที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะตรวจสอบและแก้ไขกฎหมายที่ขัดกันหรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุน และจะดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารของรัฐหน่วยงานกลไกการประสานงานฐานข้อมูลและเครื่องมืออื่น นอกจากนี้จะเพิ่มขีดความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกระดับและปรับปรุงความพร้อมในการให้บริการ และการประพฤติปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมของข้าราชการ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดกฎหมายและมีส่วนร่วมในการทุจริตหรือการประพฤติมิชอบ.

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2018-12/05/c_137652312.htm 

06/12/61

กัมพูชา – สปป.ลาว ลงนามในข้อตกลงและบันทึกข้อตกลงฉบับที่ 4

กัมพูชาและสปป.ลาว ได้ลงนามในข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจฉบับที่ 4 รวมถึงข้อตกลงด้านการศึกษา พ.ศ. 2562-2567 (ค.ศ. 2019-2024) ข้อตกลงความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและศิลปะ 2019-2021; MoU เกี่ยวกับการยืมช้างเพื่อจัดนิทรรศการศิลปะและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สวนสัตว์ซาฟารี Phnom Penh; และ MoU ในข้อตกลงซื้อและขายไฟฟ้าแรงสูง 230 และ 500 กิโลวัตต์จากสถานีบ้านแฮตสถานีน้ำตกสปป.ลาวไปยังสถานี Stung Trengกัมพูชา ในการแถลงข่าวนายกรัฐมนตรีทั้งสองเห็นพ้องกันว่าหลักการดังกล่าวมีสาระสำคัญ 3 ประการคือ (1) ไม่มีกองกำลังติดอาวุธของสองประเทศที่ชายแดน (2) ไม่มีธุรกิจหรือการลงทุนที่ชายแดน และ (3) มีการตรวจสอบร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่ดินน้ำและอากาศ

ที่มา : https://www.news1005.fm/view/5c05d649e3f8e4e9020dc65d

06/12/61

กัมพูชามีรายได้มากกว่า 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบัตรเข้าชมนครวัด

อังกอร์ เอ็นเตอรไพรซ์ เผย ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ กัมพูชามีรายได้ 104,527,531 ดอลลาร์สหรัฐ จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมนครวัด ขณะที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,323,168 คน ที่เดินทางมาเที่ยวนครวัดในช่วงเวลาดังกล่าว โดยรายได้ดังกล่าว เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.news1005.fm/view/5c06265ae3f8e4e9070df8c0

05/12/61