ทรยศอย่างน่าละอาย! แอมเนสตี้ ถอด อองซาน ซูจี พ้นทูตแห่งมโนธรรมสำนึก

องค์การนิรโทษกรรมสากล ยึดรางวัล  ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก  ซึ่งเป็นรางวัลด้านมนุษยชนสูงสุดของแอมเนสตี้ จาก นางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลเมียนมา โดยอ้างว่า “เธอไม่ได้ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของกองทัพ ในการกวาดล้างชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจา ในรัฐยะไข่” และเรียกพฤติกรรมนี้ว่า เป็นการทรยศอย่างน่าละอาย อีกทั้งเธอยังเห็นด้วยกับการจำคุก 2 นักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งขุดคุ้ยเรื่องนี้ด้วย นางซูจี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการเชิดชูว่าเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แอมเนสตี้เสนอชื่อ รับรางวัล “ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก” ในปี 52 ขณะที่เธอยังคงถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักกรุงย่างกุ้ง

ที่มา: https://www.naewna.com/inter/376493

เปิดกลยุทธ์มัดใจเพื่อนบ้าน ลาว-เมียนมา

สมาคมไทย-พม่า เพื่อมิตรภาพและสมาคมไทย-ลาว เพื่อมิตรภาพ ได้ทำกิจกรรมเพื่อมอบโอกาสด้านการศึกษาและช่วยเหลือด้านต่างๆ ทั้งในเมียนมาและลาว เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ได้ส่งมอบอาคารเรียน 2 ชั้น 16 ห้องเรียนให้กับ สปป.ลาว โดยรับการสนับสนุนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ช.การช่าง จำกัด ฯลฯ และยังประสานกับภาคส่วนต่าง ๆ ของไทยเพื่อช่วยเหลือ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ. เวียงจันทน์ ร่วมกับบริษัทและคนไทยที่อย่ใน สปป. ลาว ได้รวมเงินบริจาค จำนวน 1,300,000 บาท และ 26,000,000 กีบ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. และครั้งที่ 2 จำนวน 2,228,000 บาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/818264

เดินหน้าแผนแม่บทเชื่อมอาเซียน จ่อเปิดเสรีการบิน-คุมเรือสำราญ

พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ระบุว่า ด้านขนส่งมีส่วนทำให้อาเซียนเติบโต ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก มีประชากร 640 ล้านคน และ GDP รวมกันมีมูลค่าสูงถึง 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมา ได้ลงนามความร่วมมือผลักดันการขนส่งแบบไร้รอยต่อ พร้อมทั้งจัดทำแผนแม่บทเชื่อมอาเซียน 2025 เพื่อเน้นการเชื่อมโยง ซึ่งการคมนาคมขนส่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ และด้านการขนส่ง

ที่มา: https://www.thairath.co.th/content/1416436

ลิ้นจี่ไทยเจอคู่แข่งเวียดนาม

สำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ เวียดนาม ได้รายงานสถานการณ์การผลิตและการค้าลิ้นจี่ของเวียดนาม โดยพบว่าในปัจจุบันผลผลิตลิ้นจี่ได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปี61 จะผลิตได้สูงถึง 2.07 แสนตัน ส่งออกไปขายใน 30 ประเทศกว่า 1,000 ตัน โดยมีตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐ สหภาพยุโรป แคนาดา จีน ฯลฯ และยังมีแผนขยายตลาดส่งออกไปตลาดใหม่ในยุโรปตะวันออก รัสเซียเพิ่ม และมาเลเซียที่มีแนวโน้มซื้ออย่างต่อเนื่อง และยังร่วมมือกับมาเลเซียเพื่ออำนวยความสะดวกนำเข้าสินอื่นๆ เช่น ผัก ผลไม้ อาหารทะเล ฯลฯ ดังนั้นไทยควรรักษาคุณภาพ ความสดใหม่และมาตรฐานของสินค้าเอาไว้ให้ได้ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทย

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/news/570191

อียูอาจคว่ำบาตรเมียนมา

อียูอาจคว่ำบาตรเมียนมา

EU กำลังเตรียมมาตรการคว่ำบาตรต่อเมียนมา กรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ หากถูกตัดสิทธิจริง แรงงานมากกว่า 4.5 แสนคนว่างงานทันที รายได้ส่งออกหายไป 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รัฐบาลของนางซูจีเผชิญปัญหาอย่างมากทั้งเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวและการปฏิบัติต่อศาสนาและชาติพันธุ์ที่ต่างกัน UN เผยว่ามากว่า 6.8 หมื่นคนกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศจากการสู้รบในรัฐกะฉิ่นและรัฐชาน ตั้งแต่ต้นปี60 เกิดพรรคการเมืองจากชนกลุ่มน้อยจากหลายฝ่าย บางพรรครวมตัวกันเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปในปี63 เชื่อว่าอนาคตของนางซูจีและพรรคเริ่มจะไม่น่าจะดีขึ้นในอนาคต

ที่มา: https://www.thairath.co.th/content/1413281

 

มาตรการภาษี EU กระทบส่งออกข้าวกัมพูชา

มาตรการภาษี EU กระทบส่งออกข้าวกัมพูชา

กัมพูชากำลังมองหาตลาดใหม่ในการส่งออกข้าวทดแทน EU เนื่องจากการกำหนดภาษีเพื่อป้องกันอุตสาหกรรมผลิตข้าวของ EU ตามข้อร้องเรียนของสเปนและอิตาลี รองประธานสภาค้าข้าวแห่งกัมพูชา เผยแม้กัมพูชาจะได้รับประโยชน์จากสิทธิ EBA แต่มาตรการดังกล่าวที่ป้องกันการขาดดุลของ EU จะส่งผลให้กัมพูชาไม่สามารถแข่งขันได้ ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรรายงานว่าตัวส่งออกข้าว 9 เดือนแรก 389,264 ตัน ลดลง 8.4% และจีนยังเป็นตลาดสำคัญอีกทั้งยังเซ็น MOU ในการส่งเสริมการปลูกและตั้งเป้านำเข้าโควตาข้าวจากกัมพูชามากกว่า 300,000 ตัน

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50548309/rice-exports-to-eu-to-be-hit-by-tariffs/