ผลักดันข้าวกัมพูชาให้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

ข้าวกัมพูชาจะได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในด้านคุณภาพและความยั่งยืน กล่าวโดยประธานสหพันธ์ข้าวคนใหม่ของกัมพูชา ซึ่งสหพันธ์จะดำเนินการในฐานะหุ้นส่วนภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ผลิตและจะทำให้อุตสาหกรรมมีความทันสมัย มีตลาดที่หลากหลายและเพิ่มการเข้าถึงของแหล่งเงินทุน โดยสหพันธ์ข้าวกัมพูชาก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีสมาชิกซึ่งเป็นผู้ส่งออกจำนวน 213 ราย โดยตั้งเป้าหมายที่จะทำการส่งออกข้าวถึง 1 ล้านตันต่อปี จากการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพในการผลิตข้าวในกัมพูชา ซึ่งการส่งออกข้าวสารของกัมพูชาเพิ่มขึ้น 3.7% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีแตะระดับ 308,013 ตัน โดยจีนยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดโดยทำการซื้อไปกว่า 123,361 ตัน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 40%

ที่มา:https://www.khmertimeskh.com/50632528/cambodian-rice-to-achieve-worldwide-fame-new-crf-president-promises/

สปป.ลาวจะต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

2562 คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจของสปป.ลาว จะกลับมาฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ในปี 2561 เป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคการก่อสร้าง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และภาคบริการ แต่ว่าสปป.ลาวต้องเผชิญกับความท้าทายในประเทศและต่างประเทศ ในด้านมาตรการรัดเข็มขัดทางการคลัง (Fiscal consolidation) คาดว่าจะส่งผลให้ลดการขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ของ GDP ในปี 2562 (ลดรายจ่ายภาครัฐในปริมาณที่สูง) เนื่องมาจากต้องควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐ และการใช้จ่ายเงินทุน เป็นต้น นอกจากนี้ สปป.ลาวจะต้องพัฒนาในด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้มาตรการดังกล่าว ช่วยรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค และส่งเสริมการทำงานของภาคเอกชน รายได้สูงขึ้น และความกินดีอยู่ดีของประชาชนชาวสปป.ลาว

ที่มา : http://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=47498

บริการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศนอกระบบใน สปป.ลาวทำให้ราคาสูงขึ้น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสปป.ลาวออกโรงเตือนว่าจะต้องมีการลงโทษเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หน่วยแลกเปลี่ยนที่ดำเนินการโดยธนาคารนั้นมีการควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ไม่มีมาตรการใดที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราที่อยู่นอกระบบ มีความเป็นไปได้ที่อาจทำให้เกิดความผันผวนของสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ขณะนี้กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูงขึ้นท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทไทย กระทรวงการวางแผนและการลงทุนระบุว่ามูลค่ากีบเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 0.9% และ 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ถูกนำเข้า ดังนั้นเมื่อมูลค่าเงินกีบลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ การใช้เงินตราต่างประเทศอย่างกว้างขวางอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินกีบอ่อนแอ และการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียงจันทน์แม้จะมีความพยายามของธนาคารแห่งสปป.ลาวในการปราบปราม

ที่มา: https://laotiantimes.com/2019/08/12/illegal-currency-exchange-services-causing-price-hikes/

อียูสนับสนุนทุน 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หนุนการค้าเมียนมา

สหภาพยุโรป (EU) ให้ความช่วยเหลือ 8 ล้านยูโรให้แก่เมียนมาในระยะเวลาสี่ปีสำหรับการดำเนินการของ ARISE Plus Myanmar ซึ่งจะช่วยให้ประเทศบูรณาการได้ดียิ่งขึ้นกับเศรษฐกิจอาเซียนตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2568 ข้อตกได้ลงนามเมื่อเร็ว ๆ ระหว่างเจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรป กระทรวงพาณิชย์ และ International Trade Center (ITC) ซึ่งตั้งอยู่ในเจนีวาซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการตามความคิดริเริ่มร่วมกับองค์การการค้าโลก (WTO) มีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมการค้าโลกและมีส่วนร่วมโดยตรงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 10 ประการ การจัดหาทุนนี้จะช่วยสนับสนุน SMEs ในโอกาสทางธุรกิจในอาเซียน สหภาพยุโรป และตลาดโลก Arise Plus Myanmar มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างเป็นธรรมและครอบคลุมรวมถึงการสร้างงานในอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการส่งออกให้สอดคล้องกับแผนของรัฐบาลที่จะกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและมีกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/eu8-million-funding-trade-initiatives.html

หนี้ต่างประเทศเมียนมาแตะหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเมียนมามีหนี้ต่างประเทศ 10.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และหนี้ในประเทศจำนวน 20.725 ล้านล้านจัต ณ สิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน อัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 อยู่ที่ 38.3% ตามกฎหมายงบประมาณของสหภาพปี 60 และกฎหมายงบประมาณเพิ่มเติมของปี 60-61 แม้ว่าสินเชื่อรวมจากแหล่งทั้งในประเทศและต่างประเทศจะต้องไม่เกิน 5.4 ล้านล้านจัต แต่รวมสินเชื่อในประเทศและต่างประเทศคือ 8.9 ล้านล้านจัต การ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 409.07 พันล้านจัต จากปีก่อนและพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลังจะต้องขายโดยระบบประกวดราคาเพื่อรับเงินกู้จากธนาคารกลางเพื่อชดเชยการขาดดุล สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีสหภาพปี 60 และปีงบประมาณ 60 – 61 กฎหมายการวางแผนแห่งชาติและการกำกับดูแลสินเชื่อภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมรายได้และการใช้จ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพโดยหน่วยงานของรัฐ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/auditor-says-countrys-foreign-debt-tops-us10b.html

เวียดนามคาดว่าการส่งออกอาหารทะเลไปยังจีนฟื้นตัว ในช่วงครึ่งปีหลัง 2562

จากรายงานของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2562 เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 572 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องมาจากกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการค้าชายแดนที่เข็มงวด รวมไปถึงองค์ความรู้ของผู้ประกอบการเวียดนามที่ยังต้องพัฒนาในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร และทางด้านการขนส่ง เป็นต้น ทางด้านตลาดสำคัญของเวียดนาม จีนยังคงเป็นตลาดส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยจำนวนผู้ประกอบการเวียดนามกว่า 150 แห่งที่ส่งออกไปยังทั่วโลก

ที่มา:https://e.vnexpress.net/news/business/industries/seafood-exports-to-china-could-recover-in-second-half-3966273.html

ตลาดจักรยานยนต์เวียดนามติดอันดับ 4 ของโลก แม้ยอดขายลดลงในครึ่งแรกของ ปี 62

จากรายงานของ Motorcycles Data เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามมียอดขายประมาณ 1.5 ล้านคัน ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยฮอนด้ายังคงเป็นยี่ห้อรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่น ต้องรับมือกับยอดขายลดลง นอกจากนี้ ในปี 2561 ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ มียอดขายสูงที่สุดในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นปริมาณรวมอยู่ที่ 3.38 ล้านคัน (รวมผู้ผลิตในท้องถิ่น และนำเข้าจากต่างประเทศ) ถึงแม้ว่าตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามอยู่ในช่วงอิ่มตัวก็ตาม แต่ตลาดยังคงมีศักยภาพอยู่ เนื่องมาจากสินค้าประเภทนี้อยู่ในระดับไฮเอนด์ ซึ่งผู้คนชาวเวียดนามไม่ได้มองแค่เป็นยานพานะในการขนส่ง แต่มองถึงระดับของฐานะสังคม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523903/vns-motorcycle-market-ranks-4th-despite-h1-sales-decline.html#qZoYH8Mb3CpVWaBv.97

สงครามการค้าพ่นพิษพ่อค้าจีนเริ่มเบี้ยวหนี้

หอการค้าไทยเผยได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกผลไม้ไทยถูกพ่อค้าจีนเบี้ยวหนี้หลังจากจีนประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวจากสงครามการค้า นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากสมาชิกหอการค้าไทยและผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไทยว่าถูกนักธุรกิจในประเทศจีนเบี้ยวเงินค่าผลไม้ ต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี นอกจากนี้ต้องการให้ ช่วยเจรจากับสถาบันการเงิน เนื่องจากในระยะหลังการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจค้าขายกับจีนค่อนข้างที่เข้มงวดมาก อยากให้มีการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ภาพรวมยอมรับว่าการส่งออกที่ชะลอตัวของไทยมาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องลดกำลังการผลิต ลดการทำงานล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานซึ่งจะกดดันรายได้แรงงานให้ลดลงตาม กลุ่มธุรกิจเอสเอมอีหลายรายที่ทำธุรกิจกับจีนก็เริ่มได้รับผลกระทบส่งสินค้าไปแล้วมีทั้งเก็บเงินไม่ได้ และบางรายยังถูกเบี้ยวหนี้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/725488