ผู้ว่านครพนมจับมือหอการค้าจังหวัด เยือนฮ่าห์ติ๋งห์-กว่างบิงห์วางแนวปฏิบัติร่วม
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และคณะหัวหน้าส่วนราชการ หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรม สมาคมเวียดนามแห่งประเทศไทย ภาคเอกชนจังหวัดนครพนม ได้เข้าเยี่ยมเยือนจังหวัดฮ่าติ๋งห์และกว่างบิ่งห์ เมื่อวันที่25-26 กันยายน ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสนอให้รัฐบาลกลางสนับสนุนการปรับปรุงเส้นทางหลวง R8 เพื่ออำนวยความสะดวกความเชื่อมโยง การขนส่งสินค้าและประชาชนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้แวะเยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษของท่าเรือน้ำลึกหวุ๋นอ๋าง ที่สามารถเชื่อมโยงได้ทั่วโลก โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงถนนทางหลวง R12 และเสนอให้รัฐบาลนำเส้นทางดังกล่าวเข้าบรรจุในข้อตกลงการอำนวยความสะดวกการขนส่งภายใต้กรอบลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross Border Trade Agreement) เพื่อส่งเสริมการไปมาหาสู่กันและร่นระยะเวลาการขนส่งระหว่างกัน ฝ่ายเวียดนามขอพิจารณาการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรแก่สินค้าศักยภาพ เช่น อาหารทะเล และเอกอัครราชทูตฯ ขอให้จังหวัดพิจารณาเชิญผู้แทนภาคเอกชนไทย สปป.ลาวและเวียดนาม ร่วมเดินทางกับคณะผู้แทนภาครัฐ เพื่อหารือถึงการร่วมทุนเพื่อเปิดเส้นทางเดินรถโดยสาร ไทย-ลาว-เวียดนาม ผ่านเส้นทาง R12 ทั้งนี้เอกอัครราชทูตฯ และรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หอการค้าได้เข้าร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ครั้งที่ 22ประกอบด้วย จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม และสกลนคร แขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน จังหวัดเหงะอาน ฮาติ๋งห์ และกวางบิ่งห์ ซึ่งที่ประชุมได้รายงานผลการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกมิติ โดยที่ประชุมเอกอัครราชทูตฯ เสนอวาระสำตัญให้มีแนวทางปฏิบัติดังนี้ 1.การพัฒนาให้เส้นทาง R12 เป็นระเบียงเศรษฐกิจโดยผลักดันให้เกิดการลงทุนบนเส้นทาง อาทิ ธุรกิจท่องเที่ยวและสถานีบริการยานพาหนะและผู้เดินทาง เพื่อให้ทั้งสามประเทศได้ประโยชน์ร่วมกัน 2.ให้ภาคเอกชนพิจารณาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนการรถโดยสารสามฝ่ายระหว่างไทย สปป. ลาวและเวียดนาม 3.จัดตั้งการหารือกลุ่มย่อยในเรื่องที่ต้องมีการพิจารณารายละเอียดและคัดเลือกประเด็นสำคัญขึ้นหารือระหว่างผู้บริหารจังหวัดในที่ประชุมใหญ่ เพื่อต่อยอดและกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป 4.เพิ่มจังหวัดของไทยที่มีความสัมพันธ์กับเวียดนามและ สปป.ลาวเข้าร่วมประชุมเพิ่มเติม อาทิ จ.อุดรธานีและ จ.อุบลราชธานี และ 5. เชิญให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทเดินรถ เข้าร่วมการประชุมเพิ่มเติมและอาจะแยกหารือกันโดยตรงแบบกลุ่มย่อยเป็นเรื่อง ๆ ไป