เมียนมาซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา 20 ล้านจัต ในช่วงมรสุม

จากข้อมูลของกรมกิจการผู้บริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลเมียนมารับซื้อข้าวเปลือกมรสุมมูลค่า 20 ล้านจัตในปีงบประมาณ 2563-2564  โดยข้าวเปลือกจะรับซื้อจาก 10 เมืองในเขตย่างกุ้ง 26 เมืองในอิระวดี 28 เมืองในเขตพะโค 7 เมืองในเขตทานินธารี และ 5 เมืองในรัฐยะไข่ ซึ่งคณะกรรมการจัดการผลิตผลทางการเกษตร (APMC) ที่นำโดยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคา 520,000 จัต สำหรับทุกๆ 100 ตะกร้าเป็นราคาสำหรับเกษตรกรในช่วงมรสุมและฤดูร้อนซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน เช่น มีความชื้น 14% และไม่มีส่วนผสมของแกลบ ฝุ่น ทราย และหิน ปัจจุบันราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 500,000 จัตต่อ 100 ตะกร้าในช่วงมรสุม แม้ว่าราคาข้าวเปลือกแห้งจะสูงกว่า 500,000 จัต แต่ข้าวเปลือกที่เพิ่งเก็บเกี่ยวได้จะมีราคาต่ำกว่า 500,000 จัต

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-buy-k20-million-worth-monsoon-paddy-farmers.html

COVID-19 กระทบอสังหาริมทรัพย์เมียนมาหยุดนิ่ง

นาย U Nay Min Thu กรรมการผู้จัดการของ iMyanmarHouse.com เผย แม้ก่อนหน้านี้ตลาดอสังหาฯ จะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็เริ่มฟื้นตัวก่อนที่จะมีการกลับมาของ COVID-19 แม้จะสามารถควบคุมการระบาดได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานกว่าตลาดจะฟื้นตัว ในช่วงเดือนที่ผ่านมาผู้ซื้อบ้านไม่สามารถขนย้ายหรือเลือกดูอสังหาริมทรัพย์ได้เพราะข้อจำกัดในการเดินทาง ทั้งค่าธรรมเนียมการเช่ายังลดลง ไม่เฉพาะพาร์ทเมนท์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงร้านค้าด้วย ทั้งนี้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 หากอัตราการติดเชื้อสามารถควบคุมได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์มากกว่าร้อยละ 90 ถูกระงับทั้งการขายและการเช่า

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/real-estate-market-standstill.html

เมียนมาส่งออกหยกมากกว่า 2,000 ตัน รายได้ทะลุ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมียนมามีรายได้กว่า 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกเกือบ 2,000 ตันในปีงบประมาณ 2562-2563 มากกว่า 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออก 410 ตันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปีนี้เส่งออก 1,964.488 ตันมูลค่า 420.036 ล้านเดอลลาร์สหรัฐฯ ปีที่แล้วมีรายได้ 356.876 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกหยก 1,548.452 ตัน ในช่วง 56 เดือนที่ผ่านมามีรายได้มากกว่า 2,496 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกรวมถึงสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 971 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560-2561

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/india-proposes-oil-refinery-expand-presence-myanmar-energy.html

เงินจัตแข็งค่ากระทบส่งออก ถือเป็นโอกาสการนำเข้าของเมียนมา

สมาชิกคณะกรรมการของสมาพันธ์ข้าวเมียนมาเผย การส่งออกของเมียนมาได้รับแรงกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงซึ่งส่งผลให้การส่งออกที่สำคัญเช่นข้าวมีราคาแพงขึ้นในตลาดต่างประเทศ เงินจัตแข็งค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 61โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงของธนาคารกลางเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมลดลงแหลือ 1,300 จัตต่อดอลลาร์ แม้ว่าธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) จะซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามรักษาเสถียรภาพ ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้จำกัดการส่งออกข้าวเพื่อให้มีปริมาณสำรองเพียงพอสำหรับในประเทศในกรณีฉุกเฉินในช่วง COVID-19 แต่ถูกยกเลิกเนื่องจากฤดูเก็บเกี่ยวใหม่ใกล้เข้ามา จากข้อมูลจนถึงวันที่ 11 กันยายนระหว่างปีงบประมาณ 62-63 มีการส่งออกข้าวและปลายข้าวกว่า 2.5 ล้านตันไปยังกว่า 60 ประเทศ สร้างรายได้มากกว่า 774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกันเงินจัตที่แข็งค่าสามารถเพิ่มการนำเข้าสินค้าสำคัญ เช่น ข้าวโพด เมียนมาส่งออกข้าวโพดไปยังจีนและไทยเป็นจำนวนมากและขณะนี้ยังขาดแคลนสินค้าภายในประเทศซึ่งใช้เป็นอาหารสัตว์ เมื่อเดือนที่ผ่านมาผู้ค้าและผู้เพาะพันธุ์ปศุสัตว์ได้ขอใบอนุญาตนำเข้าข้าวโพด แต่ได้รับการคัดค้านจากเกษตรกรในพื้นที่ซึ่งกลัวว่าจะมีผลผลิตมากเกินไปหากไม่มีการควบคุม โดยทั่วไปแล้วจะมีข้าวโพดส่วนเกินในตลาดในประเทศแต่หลังจากส่งออกมากกว่า 2 ล้านตันในปีงบประมาณ 61-63  จึงมีความเป็นไปได้ที่จะต้องหันมานำเข้าแทน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/stronger-kyat-threatens-exports-presents-import-opportunities.html

ราคาแตงโมเมียนมาพุ่งขึ้น 3 เท่า จากความต้องการของจีน

ราคาส่งออกแตงโมไปจีนเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าผลจากต้นทุนการขนส่งที่สูงและการผลิตในประเทศที่ลดลงจากพิษ COVID-19 ปัจจุบันมีรถบรรทุกแตงโมเพียง 15 คันที่ข้ามพรมแดนไปยังจีนในแต่ละวันเมื่อเทียบกับ 300 คันต่อวันก่อนการระบาด นอกจากนี้ผลผลิตแตงโมในท้องถิ่นลดลงถึง 1 ใน 3 ของการเก็บเกี่ยวในปีที่แล้วส่งผลให้ราคาสูงขึ้น ปัจจุบันแตงโมของเมียนมาราคาสูงถึง 4,000 หยวนต่อตันเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 1,200 หยวนต่อตัน ส่วนค่าใช้จ่ายในการจ้างรถบรรทุกในการขนส่งอยู่ที่ 1 ล้านจัตจากเดิมอยู่ที่ 600,000 จัต สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาค่าจ้างคนขับสูงขึ้นเพราะต้องมีใบรับรองสุขภาพที่ระบุว่าปลอดจากเชื้อไวรัส COVID-19 อีกทั้งผู้ยังต้องออกค่าใช้จ่ายเองจึงทำให้ขาดแคลนคนขับและราคาค่าจ้างสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะนี้มีเกษตรกรปลูกแตงโมมากเพราะราคาที่สูงขึ้นตามความต้องการของตลาด ในปี 2562-2563 สามารถเก็บเกี่ยวแตงโมไดประมาณ 800,000 ตัน ซึ่งร้อยละ 75 ถูกส่งออกไปยังจีน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-watermelon-prices-triple-high-chinese-demand.html