อนุสัญญาว่าด้วยความร่วมมือว่าด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ (CCM) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิต

สปป.ลาวจะยังคงได้รับประโยชน์จากการเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ (CCM) เพื่อลดผลกระทบของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ระเบิด (UXO) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนที่ได้รับผลกระทบความเสี่ยงของระเบิดที่ยังไม่ถูกเก็บกู้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมและประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการแห่งชาติของคณะทำงาน UXO กล่าวว่า “สปป.ลาวมีความคืบหน้าสำคัญในข้อผูกพันเหล่านี้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา วิธีการสำรวจได้รับการแก้ไขและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง” นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่าการลงนามในอนุสัญญา CCM ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสปป.ลาวเพราะเป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนเพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตปลอดภัยจาก UXO และความมั่นคงของประเทศที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Convention_148.php

การวางรางรถไฟสปป.ลาว – จีน คืบหน้าไปกว่า 20%

บริษัท Laos-China Railway จำกัด ได้แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการระยะทาง 414.3 กม. ว่าการดำเนินงานของรากฐานจากนครเวียงจันทน์ไปยังชายแดนสปป.ลาว-​​จีนในแขวงหลวงน้ำทาเสร็จสมบูรณ์100% และการวางรางเหล็กคืบหน้าไปกว่า 21.4% ซึ่งปัจจุบันมีการเจาะอุโมงค์ 71 แห่งใน 75 อุโมงค์และการก่อสร้างสะพานรถไฟคืบหน้าไปกว่า 88% การติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงดำเนินการไปแล้ว 57.4 % อย่างไรก็ตามบางสถานียังไม่ได้เริ่มก่อสร้างเนื่องจากผลกระทบรุนแรงจาก COVID-19 และหลายพื้นที่ยังอยู่ในระหว่างการไกล่เกลี่ยกับผู้ถือครองที่ดิน ตามที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ 8 ของรัฐสภา (NA) ยังมีกระแสความคิดเห็นสาธารณะที่มั่นคงเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่ไม่แน่นอนในแขวงอุดมไซและนครเวียงจันทน์ ดังนั้น NA จึงแนะนำให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องของทั้งสองแขวงยังคงทำงานร่วมกับผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้ได้ข้อยุติที่น่าพอใจ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_china_148.php

มาตรการป้องกัน COVID-19 ในสปป.ลาวยังคงอยู่

รองประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุม COVID-19 กล่าวว่าการระงับเที่ยวบิน และและการบังคับใช้มาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่องจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1-31ส.ค ทั้งนี้การแก้ไขของมาตรการจะได้รับการพิจารณาหลังจากเดือนสิงหาคม ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการควบคุมจำนวนมากที่กำหนดภายใต้คำสั่งของนายกรัฐมนตรีหมายเลข 06 หลังจากที่ไม่มีการบันทึกผู้ป่วย COVID-19 ใหม่เป็นเวลาหลายเดือน การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ได้รับการยืนยันทั่วโลกทำให้เกิดความท้าทาย มาตรการที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค.คือ ปิดสถานบันเทิงคาราโอเกะและร้านเกม  ปิดด่านชายแดนแบบดั้งเดิมและท้องถิ่นยกเว้นที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลในการขนส่งสินค้า ด่านระหว่างประเทศยังคงปิดให้บริการสำหรับนักเดินทางทั่วไปยกเว้นการข้ามที่จำเป็นสำหรับชาวสปป.ลาวและชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการเฉพาะกิจ อนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าผ่านด่านระหว่างประเทศตามปกติ ระงับการออกวีซ่าท่องเที่ยวหรือเยี่ยมชมสำหรับผู้ที่เดินทางมาหรือเดินทางผ่านประเทศที่มีการระบาดของ COVID-19 นักการทูตต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ขององค์กรระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน นักธุรกิจบุคลากรด้านเทคนิคและคนงานที่มีความสำคัญต่อการปฏิบัติภารกิจสามารถเข้าประเทศได้เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะทำงานเฉพาะกิจ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_COVID147.php

ญี่ปุ่นสนับสนุนเงินในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จำนวน 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินทุนสนับสนุนโครงการการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (JDS)  2.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่สปป.ลาววัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้คือการยกระดับความรู้ของเจ้าหน้าที่รัฐ ผ่านทุนการศึกษามูลค่ากว่า 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยโครงการจะดำเนินการตั้งแต่เดือนนี้จนถึงเมษายน 2567 มีทุนการศึกษากว่า 20 ทุนต่อปีในการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่สถาบันและมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น โครงการจะดำเนินการโดย สถาบันJICA และกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา โดยโครงการ JDS เปิดดำเนินการในสปป.ลาวตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ได้ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 420 คนไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ตามวัตถุประสงค์โครงการที่ต้องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสปป.ลาว โครงการ JDS ยังได้ตั้งเป้าหมายเยาวชนที่มีความสามารถสูง (ส่วนใหญ่ทำงานส่วนภาครัฐ) ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในฐานะผู้นำในอนาคตจะเป็นส่วนสนับสนุนให้การเติบโตของเศรษฐกิจสปป.ลาวขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา:http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Investment141.php

การเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งเสริมการตลาดสู่ความสำเร็จของงานฝีมือสปป.ลาว

ผู้บริหารใหม่ของสมาคมหัตถกรรมสปป.ลาวและสมาชิกทั่วประเทศจำเป็นต้องทำงานหนักขึ้นในการสร้างเครือข่ายการตลาดที่ยืดหยุ่นเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นให้กับลูกค้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากล่าวคำแนะนำในการประชุมสมาคมหัตถกรรมสปป.ลาวครั้งที่ 9 เพื่อคัดเลือกผู้บริหารใหม่ขององค์กร ซึ่งในปัจจุบันมีความท้าทายที่สำคัญสำหรับช่างฝีมือในท้องถิ่นเพราะขาดเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับผลิตภัณฑ์ การมีสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความมั่นคงในการผลิตงานฝีมือและช่วยให้ช่างฝีมือสามารถเพิ่มยอดขายและรายได้ได้อย่างมาก เครือข่ายที่ได้รับการหนุนเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นในการขยายคุณภาพและปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายไปยังประเทศอาเซียนและตลาดส่งออกต่อไป และนายกสมาคมหัตถกรรมสปป.ลาวยังได้เน้นถึงความสำเร็จของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือช่างฝีมือสปป.ลาวในประเทศ นอกจากนี้ในที่ประชุมมีการกล่าวถึงการส่งเสริมทักษะด้านเทคนิคและการตลาดสำหรับผู้ผลิตที่ใช้ผ้าไหม, ผ้าฝ้าย, ไม้ไผ่, หวาย, เงิน, เครื่องปั้นดินเผาและอาหาร รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Enhanced146.php

อัตราความยากจนสปป.ลาวยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

แนวโน้มความยากจนในสปป.ลาวยังคงลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1992-1993 อัตราอยู่ที่ร้อยละ 46 และลดลงเป็นร้อยละ 39 ในปี 1997-1998 จนในปี 2561-2562 ลดลงเหลือร้อยละ 18.3 โดยมีปัจจัยจากการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟฟ้า ระบบการขนส่ง น้ำสะอาดและการเข้าถึงสุขาภิบาลรวมถึงการบริโภคหรือความมั่นคงด้านอาหาร ตามข้อมูลจากการสำรวจการบริโภคและการใช้จ่ายของสปป.ลาวในปี 2561-2562 การบริโภคและการใช้จ่ายของครัวเรือนในสปป.ลาวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคอาหารที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 เมื่อเทียบกับปี 2555-2556 นอกจากนี้จากการสำรวจของสำนักงานสถิติลาว (LSB) ภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุนพบว่าประชาชนสปป.ลาวสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 93.8 การเข้าถึงไฟฟ้าร้อยละ 76.5 การเข้าถึงโครงการฉีดวัคซีนได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.3    ปัจจัยต่างๆเหล่านี้สนับสนุนให้ความยากจนของสปป.ลาวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นเอง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Poverty145.php