ก.พาณิชย์ จัดมหกรรมการลดราคาสูงสุด 70% ส่งท้ายปีเป็นของขวัญประชาชน

ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กระทรวงฯ ประสานงานผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการทั่วประเทศ จัดลดราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน เป็นการลดตั้งแต่ 10-70% ตามนโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ทั้งนี้ มอบนโยบายว่าในวันที่ 13 ธ.ค. 2562 เวลา 09.00 ณ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะมีภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการลดราคาจำหน่ายสินค้าช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าร่วมด้วย สำหรับภาคเอกชนที่เข้าร่วมงานลดราคาจำหน่ายสินค้า ได้แก่ ห้างค้าปลีก ค้าส่งสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่ง ค้าปลีกท้องถิ่น รวมกว่า 20,000 แห่ง จำนวนที่ลดสูงสุดถึง 70% อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย วัสดุก่อสร้าง เครื่องนอน เครื่องสำอาง เครื่องเขียน เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการยางรถยนตร์อีก 8 ราย เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์ โดยลดราคาจำหน่ายสินค้าประเภทยางรถยนต์-อุปกรณ์อื่นๆ และลดค่าบริการลงถึง 10-30% โดยมหกรรมการลดราคา จะเริ่มระหว่างวันที่ 14 ธ.ค. 2562 ถึง 12 ม.ค. 2563 รวม 30 วัน

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/1721791

สาเหตุที่ผู้หญิงผลักดันการเติบโตของภาคไอทีเมียนมา

พบว่าในบรรดานักพัฒนาซอฟต์แวร์ 10 คนที่สำนักงานในย่างกุ้งของบริษัทซอฟแวร์อย่าง Axon Active เก้าคนเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของบริษัทที่จะจัดตั้งสาขาในต่างประเทศ .ในเมียนมา 70% ของบัณฑิต 3,000 คนจาก 25 มหาวิทยาลัยด้านคอมพิวเตอร์ของเมียนมาเป็นผู้หญิง ความเท่าเทียมกันทางเพศนี้ในบริบทระหว่างประเทศ เกือบทุกแห่งในโลกผู้หญิงเป็นชนกลุ่มน้อยในสาขาเทคโนโลยี ยกตัวอย่างการเลือกสมัครงานของผู้ชายในอเมริกาสามในสี่เป็นงานเทคโนโลยีทั้งหมด Axon Active ในเมียนมาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นที่ต้องการของผู้หญิงเพราะมีทักษะการสื่อสารที่ดี แม้ผู้ชายจะดีกว่าในด้านทักษะ เช่น การเขียนโปรแกรม แต่ผู้หญิงมีความเข้มแข็งเมื่อพูดถึงทักษะในการสื่อสารระหว่างนักพัฒนาโปรแกรมและลูกค้า เปิดเสรีโทรคมนาคมของเมียนมาทำให้เกิดกระแสความนิยมอินเทอร์เน็ต ราคา ความเร็วและความพร้อมของทั้งมือถือได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่แรงงานค่อนข้างถูกทำให้ผู้จบระดับมหาวิทยาลัยด้านไอทีคาดหวังรายได้ประมาณ 200 เหรียญสหรัฐ และเมื่อผ่านไป 2 – 3 ปี จะมีรายได้อยู่ระหว่าง 1,000 – 2,000 เหรียญสหรัฐเลยทีเดียว เป็นผลให้ภาคไอทีดึงดูดบริษัทต่าง ๆ มากกว่า 50 บริษัท เข้ามาลงทุนในเมียนตั้งแต่ปี 57 ส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่นหรือสิงคโปร์ซึ่งค่าแรงสูงและการเข้าเมืองที่เข้มงวดทำให้เน้นแรงงานจากภายนอกมากกว่าในท้องถิ่น ซึ่ง Axon มองว่าการแข่งขันในเมียนมาจะยังไม่มากเท่ากับในเวียดนาม อาจถือได้ว่าอุตสาหกรรมไอทีได้ก้าวข้ามเรื่องเพศไปแล้ว แต่ใช่ว่าจะเป็นด้านบวกเสมอไป เพราะบางมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาหญิงถึง 90% ของสาขาคอมพิวเตอร์เพราะบางสาขาวิชาที่จำกัดไว้ให้กับเพศชายอย่างแพทย์และวิศวกรรมที่เป็นอุปสรรคสำหรับเพศหญิง บางครั้งเลือกเรียนคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ว่าต้องการทำงานในภาคไอทีหรือไม่ แต่ปัญหาสำคัญของเมียนมาอีกอย่างคือ เนื้อหาในหลักสูตรการศึกษาที่เน้นทางทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติจึงขาดทักษะในการปฏิบัติงาน ซึ่ง Axon กำลังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการหาทางออกให้กับเนื้อหาหลักสูตร ปัจจุบันเมียนมาเริ่มให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติมากขึ้นเมื่อรวมกับทักษะภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างดี แรงงานมีราคาถูก อุตสาหกรรมไอทีจึงมีอนาคตค่อนข้างสดใส

ที่มา: https://frontiermyanmar.net/en/why-women-are-driving-myanmars-it-sector-growth

‘บิ๊กซี’บุกตลาดซีแอลเอ็มวี ประกาศทุ่มทุน1.5พันล้านขยายสาขา

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการฝ่ายต่างประเทศ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์เปิดเผยว่า ในปี 63 บิ๊กซีจะลงทุนในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีอย่างต่ำ 1,500 ล้านบาท เริ่มจากประเทศเวียดนาม โดยจะเปิดศูนย์ค้าส่ง MM (Mega Market) อีก 3 สาขา จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 18 สาขา และ 25 ธ.ค.นี้ จะเปิดสาขาใหม่ที่เมืองฮานอย รวมทั้งจะเปิดศูนย์การค้าสำหรับธุรกิจอาหารและโรงแรมในเมืองฮาลองและและดานัง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ B’s Mart ซึ่งมี 107 สาขาในเมืองโฮจิมินท์มีแผนขยายออกไปอย่างต่ำอีก 10 สาขา สำหรับในสปป.ปัจจุบันบิ๊กซีเป็นผู้นำ โดยมีมินิบิ๊กซีในเวียงจันทน์ 44 สาขา ในปีหน้ามีแผนเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 1 แห่ง และ มินิ บิ๊กซีอีก 20 สาขา ส่วนประเทศกัมพูชา ได้เปิดให้บริการไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เมืองปอยเปตเป็นสาขาแรก และอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในเมืองอื่นๆ เช่น พนมเปญ และเสียมเรียบ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท BJC เปิดเผยว่า บริษัทคาดหวังว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/62 จะเติบโตได้ต่อเนื่อง ถึงแม้แนวโน้มการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศไม่ได้เป็นตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าจะเป็นช่วงจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ จากผลกระทบทางด้านภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอลงตัว โดยภาพรวมรายได้ทั้งปีบริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโตราว 5% จากปีก่อนที่ทำได้ 172,196.38 ล้านบาท

ที่มา : https://www.naewna.com/business/458433

‘จังหวัดด่งนาย’ มียอดเม็ดเงินการลงทุนจริง FDI ขยายตัวพุ่งสูงขึ้น

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนามในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 มีมูลค่าเงินทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรม โดยกรมการวางแผนและการลงทุนของจังหวัด ระบุว่าในปัจจุบันมีโครงการ FDI กว่า 1,447 โครงการ ด้วยมูลค่าเงินทุนจดทะเบียน 29.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าเงินลงทุนที่เข้ามาดำเนินการจริงมีทั้งหมดประมาณ 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ยอดการลงทุนจริง (FDI disbursement) เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจังหวัดด่งนาย มีดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 8 ต่อปี และมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ประกอบกับงบประมาณภาครัฐ FDI ขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยเกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ล้วนเป็นประเทศที่มีการลงทุนสะสมสูงสุด เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/dong-nai-records-fast-fdi-disbursement-407126.vov

เวียดนามส่งออกน้ำมันดิบ 3.72 ล้านตัน ในช่วง 11 เดือนของปีนี้

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม (GDVC) เปิดเผยว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามอยู่ที่ 3.72 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าราว 1.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในขณะที่มูลค่าลดลงร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน มีปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามอยู่ที่ 330,000 ด้วยมูลค่า 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงทั้งด้านปริมาณและมูลค่า เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ในขณะเดียวกัน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบของเวียดนาม ได้กลับเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามนำเข้าน้ำมันเบนซินประมาณ 9 ล้านตัน ด้วยมูลค่าราว 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 16.1 และ 24.4 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-exports-372-million-tonnes-of-crude-oil-in-11-months-407174.vov

MAI เปิดตัวเที่ยวบินตรงย่างกุ้ง – โซล

Myanmar Airways International (MAI) เปิดตัวเที่ยวบินตรงย่างกุ้ง – โซลในวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยจะทำการบินสี่ไฟท์ต่อสัปดาห์ โดย MAI จับมือกับ Meebang Air Agencies เพื่อเข้าสู่ตลาดการบินของเกาหลีใต้ และมีแผนจะเพิ่มเที่ยวบินเพิ่มเติมในภายหลัง ปัจจุบัน MAI มีเที่ยวบินไปกรุงเทพฯ, สิงคโปร์, กวางโจว, กายา และกัลกัตตา อีกทั้งมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังประเทศจีนอยู่ในสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ และจะมีเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศลำดับที่ 5 จากมัณฑะเลย์ไปยังฝูโจว ปัจจุบันได้รับการจัดอันดับความปลอดภัยระดับ 7 ดาวโดย AirlineRatings.com

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/mai-introduce-yangon-seoul-direct-flights

ฮ่องกงลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐสร้างโรงไฟฟ้า LNG 2 แห่งในเมียนมา

รายงานของคณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา (MIC) บริษัทพลังงาน CNTIC VPower YGI Limited จากฮ่องกงมีแผนลงทุนกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน LNG ขนาด 400 เมกะวัตต์ในเมืองธาเกตา และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนขนาด 150 เมกะวัตต์ในเมืองเจ้าผิว เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า การลงทุนทั้งหมด 50 ประเทศมีการลงทุนรวม 82 พันล้านเหรียญสหรัฐถึงสิ้นปีงบประมาณ 61-62 โดยฮ่องกงอยู่อันดับที่ 11 จากผู้ลงทุนต่างชาติทั้งหมด มีตัวเลขลงทุน 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฮ่องกงได้ลงทุน 276.988 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 30 ต.ค.ปีนี้ทำให้เป็นผู้ลงทุนอันดับต้นๆ จีน ญี่ปุ่น และไทยลงทุน 8.667 ล้านเหรียญสหรัฐ 6.073 ล้านเหรียญสหรัฐและ 0.400 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ ส่วนใหญ่ลงทุนใน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ พลังงาน การผลิต การขนส่งและการสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและการท่องเที่ยว เหมืองแร่ ปศุสัตว์และการประมง การเกษตร การก่อสร้าง และภาคบริการอื่น ๆ โดยภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีรายได้จากการลงทุนจากต่างประเทศ 27% รองลงมา ได้แก่ ภาคพลังงาน การผลิต การขนส่งและการสื่อสาร

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/hong-kong-to-invest-500-million-dollars-in-two-lng-power-stations