การลงทุนที่จำเป็นสำหรับสปป.ลาวเพื่อเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการเกษตร

อุปสงค์ในระดับภูมิภาคสำหรับพืชผลและปศุสัตว์ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่สปป.ลาวไม่สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่จะสนองความต้องการของตลาดในภูมิภาคได้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้เน้นย้ำความจำเป็นที่  สปป.ลาวจะต้องดึงดูดการลงทุนด้านการเกษตรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดส่งออก หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญคือเกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติการเกษตรแบบยังชีพด้วยวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมซึ่งไม่สามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ปัญหาอีกประการหนึ่งคือผลผลิตในฟาร์มคุณภาพต่ำและการกระจายตัวของห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งการรวมตัวกันของแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการทำฟาร์มเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และลดต้นทุน และเชื่อมโยงเกษตรกรและผู้ผลิตเข้ากับธุรกิจการเกษตรและโรงงานแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าส่งออก อีกทั้งสปป.ลาวยังมีศักยภาพสูงในการปลูกพืชอินทรีย์เพื่อการค้าเนื่องจากความต้องการอาหารที่สะอาดเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคมีความห่วงใยสุขภาพมากขึ้น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/more-investment-needed-laos-reap-profits-agriculture-102737

ธุรกิจพุ่งหลังกำหนดชำระคืนเงินกู้ใกล้เข้ามา

นักธุรกิจของเมียนมากำลังเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติให้ชำระคืนเงินกู้เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ทางการเงิน มีการคาดเดากันว่าธนาคารจะฟ้องธุรกิจที่ไม่ได้ชำระหนี้เงินกู้เป็นประจำหรือผิดนัดชำระภายในสิ้นเดือนกันยายนหรือทรัพย์สินที่ถูกวางเป็นหลักประกันจะถูกยึด โดยกำหนดเส้นตายสำหรับการผิดนัดชำระหนี้เในปลายเดือน ก.ย.62 นี้ โดยจะมีการดำเนินคดีและการยึดทรัพย์สินต่อไป .ธนาคารทุกแห่งจะดำเนิการฟ้องเว้นแต่จะได้รับการชำระคืนภายในสิ้นเดือน ก.ย.62 โดยมีรายชื่อลูกหนี้กว่า 10,000 คนโดยบางคนเป็นนักธุรกิจอันดับต้น ๆ ที่อาจถูกขึ้นบัญชีดำ เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการก่อสร้างของเมียมากล่าวว่าอาจมีวิกฤติด้านการธนาคารที่รุนแรงหากธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ชำระคืนเงินกู้ ซึ่งสินเชื่อส่วนใหญ่มาจากธนาคารเอกชน อีกทั้งเมื่อดำเนการยึดทรัพย์อย่างอสังหาริมทรัพย์อาจไม่เป็นผลดีกับธนาคารนักเพราะราคาอยู่ในช่วงตกต่ำ ทั้งนี้ผู้ให้กู้และลูกหนี้จะต้องทำตามเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นในการชำระคืนเพื่อปัญหาจะได้รับการแก้ไข

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/businesses-jumpy-over-impending-loan-repayment-deadline.html

มัณฑะเลย์คาด GDP ต่อหัวจะเพิ่มขึ้น

จีดีพีต่อหัวของภูมิภาคมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดจะยิ่งเพิ่มด้วยกระแสเงินลงทุนจำนวน 841,600 ล้านจัตในปีงบประมาณปัจจุบันจนถึงเดือนมิ.ย.62 มีนักลงทุนจาก 7 ประเทศที่ลงทุน 445 ล้านเหรียญสหรัฐ (669.59 พันล้านจัต) ในภูมิภาคขณะที่การลงทุนในท้องถิ่นมีมูลค่าทั้งสิ้น 172 พันล้านจัต รัฐบาลของภูมิภาคได้ดำเนินมาตรการเพื่อประกันว่ามัฑะเลย์ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคยังคงเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจที่สุด เขาเสริมว่าภูมิภาคนี้มีโครงการที่นำโดยรัฐบาล 5 โครงการและอีก 5 โครงการดำเนินการร่วมกันโดยรัฐบาลระดับภูมิภาคและภาคเอกชน รัฐบาลระดับภูมิภาคมีแผนที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับทั้งภูมิภาคภายในปี พ.ศ. 64 แต่ปัจจุบันมีเพียง 38% ของภูมิภาคเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงกระแสไฟฟ้าได้ในปีงบประมาณ 58-59 และเพิ่มขึ้นเป็น 74% ในปีงบประมาณปัจจุบัน นอกจากนี้ถนนบางสายได้ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ชนบทราว 748 กม. ในปีงบประมาณ 60-62 ในขณะที่สะพานอีก 3,023 เมตรถูกสร้างขึ้นในราคา 25,600 ล้านจัต

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/mandalay-region-expects-capita-gdp-rise.html