รัฐบาลอินเดียหนุนการฝึกอบรมสำหรับนักเทคโนโลยีท้องถิ่น ในสปป.ลาว

รัฐบาลอินเดียให้การสนับสนุนหลักสูตรสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาและฝึกอบรมซอฟต์แวร์สปป.ลาว (CESDT) ของสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการ CESDT ระหว่างปี พ.ศ. 60-62 เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (IICT) ภายใต้ระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคม และการสื่อสารของสปป.ลาวและศูนย์พัฒนาคอมพิวเตอร์ขั้นสูงแห่งอินเดีย (C-DAC) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์คุณภาพสูงตามนโยบายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลของรัฐบาลและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งสำหรับสปป.ลาวเป็นโครงการแรกที่อยู่ในโครงการความร่วมมืออาเซียน – อินเดีย แต่ละหลักสูตรจะใช้เวลาประมาณ 200 ถึง 320 ชั่วโมง โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับประกาศนียบัตร C-DAC หลักสูตรรวมถึงการทดสอบซอฟต์แวร์,เทคโนโลยีเว็บขั้นสูง,การเขียนโปรแกรม Android,การจัดการโครงการด้านไอที,การแฮ็กข้อมูลอย่างมีจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลและการบริหารระบบลีนุกซ์ที่จะต้องดำเนินการภายใต้โปรแกรม

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Indian_186.php

อสังหาฯ ท้องถิ่นระดมทุนรอบสองพุ่ง 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

 ShweProperty.com บริษัท อสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ของเมียนมาระดมทุน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการระดมทุนรอบ 2 เพื่อกระตุ้นการดำเนินธุรกิจและปรับปรุงระบบการซื้อขายบ้าน การระดมทุนรอบล่าสุดจะถูกนำมาใช้เพื่อเร่งการดำเนินธุรกิจการขาย การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงรูปแบบการทำธุรกรรมขั้นสูงซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการซื้อบ้านสำหรับผู้บริโภค บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 54 ดำเนินการเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อผู้เช่าและผู้ขาย มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 รายชื่อ โดยมีทั้งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์อยู่ทั่วประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/local-property-portal-raises-3m-second-round-funding.html

เวียดนามส่งออกข้าวไปจีนลดฮวบผลจากกฎระเบียบที่เข้มงวด

จากข้อมูลศุลกากรเวียดนาม (Vietnam Customs) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวไปยังจีนอยู่ที่ 318,000 ตัน ลดลงร้อยละ 65.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (yoy) เนื่องมาจากกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าเกษตรที่เข็มงวดของจีน รวมไปถึงคุณภาพของสินค้าเกษตรเวียดนามที่ไม่ได้รับรองตามมาตรฐานจีน ซึ่งคาดว่าในปีหน้า การส่งออกข้าวของเวียดนามยังต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้ การนำเข้าจากจีนจะลดลงร้อยละ 2.94 คิดเป็นปริมาณประมาณ 3.3 ล้านตัน เนื่องมาจากผู้ผลิตในประเทศจีนมีจำนวนมาก นอกจากนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าราว 3.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/steep-plunge-in-rice-exports-to-china-as-import-rules-tighten-3968743.html

ยอดขายรถยนต์พุ่งสูงกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยคนเวียดนามหันมานิยมใช้รถยนต์เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากเศรษฐกิจในประเทศ และรายได้ต่อหัวพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อในปีที่แล้ว รายได้ต่อหัวอยู่ที่ 2,587 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 โดยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30-40 ต่อปี อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของอุตสาหกรรมยานยนต์ localization rate ที่ตั้งไว้ต่ำกว่าร้อยละ 40-55 สำหรับรถบรรทุก และร้อยละ 7-10 สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เป็นผลมาจากชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศส่วนใหญ่เป็นแบบง่ายๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเวียดนามขาดการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศ ด้วยเหตุนี้ หลายปีที่ผ่านมา เวียดนามจำเป็นต้องนำเข้าชิ้นส่วนในปริมาณมาก ด้วยเหตุผลข้างต้น ทางด้านกระทรวงฯ กำลังพิจารณายกเลิกภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 5-10 ปี

ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/annual-car-sales-to-reach-a-million-in-2025-3969001.html

ตั้งวอร์รูมกู้วิกฤตส่งออก เจาะ 5 ตลาดเป้าหมาย-เร่งค้าชายแดน

ภายหลังจากช่วงครึ่งปีแรกส่งออกไทยติดลบ 2.91% จากพิษสงครามการค้า และอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าอย่างหนักในรอบ 6 ปี กลไกการทำงานรัฐ-เอกชน ที่เรียกว่า “คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์” ตามนโยบายของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้เริ่มประชุมครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบในการตั้งคณะกรรมการวอร์รูม (War Room) เพื่อทำหน้าที่ติดตามประเมินสถานการณ์และวางแนวทางเจาะตลาดเป้าหมาย รวมถึงสินค้าเป้าหมายในแต่ละตลาดอย่างเร่งด่วนให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมภายใน 3-6 เดือน สำหรับตลาดมี 5 ตลาดหลัก คือ ตลาดกลุ่มอาเซียน และกลุ่ม CLMV จีน อินเดีย และตลาดตะวันออกกลาง เช่น ตลาดอิรัก ซึ่งที่เป็นตลาดสำคัญในการส่งออกข้าว รวมไปถึงกาตาร์ จอร์แดน คูเวต เป็นต้น ผลักดันและเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน ลดอุปสรรค ด้านสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เสนอให้ผลักดันการส่งออกควบคู่กับการตั้งวอร์รูม ผลักดันการเปิดตลาดและเจรจาการค้า เน้นเปิดตลาดใหม่ และฟื้นตลาดเดิมที่ซบเซา ขณะที่ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ยื่น 6 ข้อเสนอสมุดปกขาว ประกอบด้วย 1.การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน 2.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอกชน ยกระดับเอสเอ็มอี สินค้า บริการ ให้มีคุณภาพและมาตรฐานสากล 3.การพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ 4.สนับสนุนโครงการที่สำคัญของภาครัฐให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 5.เสริมสร้างธรรมาภิบาล และความรับผิดชอบต่อสังคม และ 6.ยกระดับทักษะความรู้และคุณภาพชีวิตทรัพยากรมนุษย์

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-361651