เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหประชาชาติเฝ้าติดตามความคืบหน้าโครงการในสปป.ลาว

เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหประชาชาติเดินทางไปยังสปป.ลาวโดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนของสหประชาชาติ – สปป.ลาวในการรักษาความมั่นคงด้านอาหาร สร้างงานในพื้นที่ชนบทและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ชนบท  หน่วยงานสหประชาชาติกำลังดำเนินการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ที่จัดการโดย IFAD โครงการถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกรรายย่อยในการผลิตพืชที่มีความต้องการของตลาด โครงการนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกรและผู้ค้าเพื่อให้สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้  

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/un-agriculture-chief-monitors-project-progress-laos-100732

การปฏิรูปที่จำเป็นภายในกัมพูชาเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

รัฐบาลคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในปีหน้าจากอัตราการขยายตัว 7.1% ในปี 2562 ถึง 6.5% ในปี 2563 โดยการชะลอตัวส่งผลมาจากแรงกดดันจากภายนอกนำโดยการที่อาจจะถูกเพิกถอน EBA ที่ได้รับจากสหภาพยุโรป และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยปัญหาภายนอกเหล่านี้จะถูกแก้ไขโดยการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถแข่งขันและดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น แม้ว่า EBA จะถูกถอนออกไปกัมพูชาก็ยังสามารถบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ “แข็งแรง” ได้หากสถาบันรัฐบาลทุกแห่งทำงานร่วมกันเพื่อออกกฎหมายปฏิรูปที่เสริมสร้างบรรยากาศทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบของแรงกดดันจากภายนอกโดยการเพิ่มงาน การแก้ปัญหาโครงสร้างที่จำกัด การแข่งขันและการกระจายตลาดการปรับปรุงการจัดการทางการเงินของสถาบันของรัฐและเอกชน และเพิ่มขีดความสามารถของสถาบันสาธารณะ ซึ่งในปี 2561 เศรษฐกิจของกัมพูชาขยายตัวร้อยละ 7.5

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50626637/deep-reforms-needed-to-continue-healthy-growth-ministry/

ส่งออกกัมพูชาเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี

การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 15% มูลค่ากว่า 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐตามรายงานของกรทรวงเศรษฐกิจและการเงินของกัมพูชา ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันมูลค่าการนำเข้าสูงถึง 8.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 21.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการเติบโตของภาคการส่งออกส่วนใหญ่ได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในสหรัฐฯ พร้อมกับการส่งมอบสินค้ากี่ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็น 34% ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจภายในประเทศจะช่วยกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการขยายตลาดกลุ่มเป้าหมายทำให้กัมพูชาสามารถเติบโตและลดแรงกดดันจากความเสี่ยงภายนอกได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อปีที่แล้วการส่งออกของกัมพูชามีมูลค่า 11.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2560 โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เสื้อผ้าและรองเท้า ,รถจักรยาน ,ยางพารา ,ข้าว ,มันสำปะหลัง ,พริกไทย ,น้ำมันปาล์ม และเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50626638/exports-up-by-15-pct-in-first-five-months-of-the-year/

ทอท.จับธุรกิจCargoตั้งศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรดันรายได้1,000ล้าน

ทอท.รุกตลาด Cargo ขยายฐานลูกค้า CLMV ดันรายได้เพิ่มแตะ 1,000 ล้าน คาดเปิดเฟสแรกต้นปีหน้า รอชงคมนาคมเคาะขนส่ง G2G เชื่อมไทย-ยุโรป กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ทอท.อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อมาดูแลโครงการศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออก ภายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ หลังมีการหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยถึงแนวทางการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป โดยคาดว่าการจัดตั้งบริษัทลูกจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนนี้ จากนั้นจะเดินหน้าทำห้องเย็น และเปิดให้บริการได้ภายใน 6 เดือนนับจากนี้ ปัจจุบันมีหลายประเทศให้ความสนใจที่จะมาใช้บริการโดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศ CLMV จากเดิมจะต้องไปใช้บริการที่ประเทศสิงคโปร์ โดยศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออกในเฟสแรก จะให้บริการในรูปแบบของ Premium Len ก่อน ซึ่งจะคล้ายช่องทางพิเศษ VIP ขณะที่เฟสต่อไปในอนาคตนั้น ส่วนศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออกนั้น จะผ่านดูไบ และต่อไปยังเบลเยี่ยม ก่อนที่จะกระจายส่งไปประเทศอื่นๆในยุโรป และล่าสุดในช่วงเดือนส.ค.นี้ ทอท.เตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ ว่าด้วยเรื่องอี-คอมเมิร์ชกับประเทศดูไบ ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีการขนส่งสินค้าจำนวน 1.5 ล้านตันต่อปี หรืออยู่ที่อันดับ 15 ของโลก ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีสินค้าเน่าเสียกว่า 1.5 แสนตันต่อปี

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/595674