SSEZ ประกาศระดมทุน

บริษัท สีหนุวิลล์สเปเชียลอโคโนมิคโซน จำกัด (SSEZ) ของจีน ประกาศว่ากำลังจะเข้าระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) โดยตอนนี้ บริษัทได้พัฒนางานในการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ 2.0 และ มุ่งมั่นที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาโดยวัตถุประสงค์ของของ SSEZ คือการระดมทุนผ่านตลาดทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพในระดับสูงของโซน และมีส่วนร่วมมากขึ้นในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของกัมพูชา ซึ่ง SSEZ เปิดตัวการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในฮ่องกง แต่ตัดสินใจที่จะเข้าจดทะเบียนใน Cambodia Security Exchange (CSX) ที่ดำเนินธุรกิจกว่า 153 บริษัท ที่มีมูลค่าการลงทุนรวมเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีคนงานถึง 23,000 คนได้รับการว่าจ้างตั้งแต่เริ่มงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2551

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50616314/ssez-eyes-listing-on-csx/

เมียนมาเปิดโอกาสการลงทุน พร้อมส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ

นับเป็นเวลาหลายปีหลังจากที่เมียนมาได้ปฏิรูปการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ซึ่งในช่วง 2 ปีให้หลังที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือมีการลดผ่อนมาตรการต่างๆ โดยออกนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น รวมไปถึงกฎหมายสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ เช่น ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในเรื่องของภาษีอากร หรือนักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นบริษัทท้องถิ่นได้ร้อยละ 35 และอำนวยความสะดวกการจัดตั้งบริษัทโดยจัดทำระบบจดทะเบียนบริษัทออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Myanmar Companies Online (MyCo) เพื่อส่งเสริมให้บริษัทต่างชาติมีบทบาทในการพัฒนาบริษัทท้องถิ่น การพัฒนาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ให้ความสำคัญกับ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 2. การลงทุน ส่งเสริมการลงทุนในสาขาโครงสร้างพื้นฐาน ภาคเกษตร ปศุสัตว์ การประมง การศึกษา สาธารณสุข การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ การผลิตสินค้าเพื่อทดแทนการนำเข้า การส่งออก และการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมใหม่ 3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงคุณภาพของทางหลวงเพื่อเชื่อมโยงระหว่างเมืองและชนบท และส่งเสริมให้ประชากรเข้าถึงไฟฟ้าภายในปี 2573 4. ส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้เพิ่มจำนวนโรงแรม และพัฒนาการคมนาคมระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวในอนาคต ในเวลานี้การพัฒนาไปในเชิงบวกทำให้เอื้อต่อการลงทุน และเพิ่มโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน และถึงแม้ในการลงทุนจะต้องพบกับความท้าทายต่างๆ มีอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในบางเรื่อง แต่เมียนมาในมุมมองของวิเคราะห์ คือเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 6-7 ภายในสองปี ทำให้เป็นโอกาสการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการไทย

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/27110

ภาคเกษตรกรรมเวียดนามขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562

จากรายงานของกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD) ในวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ผลผลิตของภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7-2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และทางด้านการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้ และประมง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 19.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากจำแนกรายสินค้าเกษตรกรรมทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า มูลค่าของสินค้าเกษตรสำคัญของเวียดนามลดลงร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นต้น สำหรับโครงสร้างการส่งออกสินค้าเวียดนามได้มีการปรับเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของสินค้า เช่น อาหารทะเล ผัก ดอกไม้ ผลไม้ เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์จากป่า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ภาคเกษตรกรรมต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่ามาจากสภาพอากาศ ภัยแห้งแล้งในภูมิภาคตอนกลางและชายฝั่งตอนใต้ รวมไปถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา ทำให้ราคาสินค้าเกษตร ป่าไม้ และผลผลิตเนื้อหมู ล้วนลดลง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521504/agricultural-sector-sees-production-and-business-growth-in-h1.html#bgRIE60JHXqDxVVV.97

สายการบิน MNA ขาดทุนครั้งแรกในรอบ 5 ปี

สายการบินห่งชาติเมียนมา(MNA) ซึ่งเป็นสายการบินรัฐวิสาหกิจของประเทศขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดสายการบินในต่างประเทศ คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 21 พันล้านจั๊ต (13.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่ปี 59 แม้ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและพนักงานที่สูงขึ้น แต่ยังสนใจในการขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อเครื่องบินรุ่นเก่าของฟอกเกอร์ (Fokker) และเอทีอาร์ (ATR) ดังนั้นเพื่อสร้างผลกำไร MNA ต้องปรับโครงสร้างและลดต้นทุน แต่ยังลงทุนเพิ่มในส่วนพนักงาน ซึ่งการก่อตั้งขึ้นสายการบินในครั้งแรกนั้นไม่หวังผลกำไรเพราะเป็นเส้นทางให้บริการสาธารณะภายในประเทศ

ที่มา : http://mizzima.com/article/mna-5th-year-losses

รัฐบาลสปป.ลาว จะเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นเกี่ยวกับสินค้าไม่จำเป็น

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิต เน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อสะท้อนความเป็นจริงของประเทศและเพื่อให้สอดคล้องกับการรวมกลุ่มระหว่างประเทศ หากกฎหมายใหม่เกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค. 63 ภายใต้ร่างกฎหมายภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงจากอัตราปัจจุบันตั้งแต่ 9 ถึง 39 % เป็น 5 ถึง 35 % ภาษีที่เรียกเก็บจากรถจักรยานยนต์ 110 ซีซีจะลดลงจาก 20 %เป็น 5 % ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตลดลงจาก 10 % เป็น 3% รัฐบาลจะเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นสำหรับการดำเนินธุรกิจกอล์ฟเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 25% การจัดเก็บภาษีที่เรียกเก็บจากคาสิโนและเกมคาสิโนจะเพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 50 % เนื่องจากรัฐบาลไม่ส่งเสริมการพนันและต้องการควบคุมธุรกิจประเภทนี้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt142.php

รายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 28 %

กรมสรรพากร (GDT) เก็บรายได้จากภาษีมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ในเดือนพ.ค ที่ผ่านมารัฐบาลเก็บภาษีได้ 185.8 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 38% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว กงวิโบลผู้อำนวยการทั่วไปของ GDT กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บรายได้เป็นผลมาจากความทันสมัยของระบบการจัดเก็บภาษีผ่านการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีและเพิ่มรายได้  เมื่อปีที่แล้ว GDT รวบรวมเกือบ 2.2 พันล้านคน เพิ่มขึ้น 13.3 %เมื่อเทียบกับปี 60 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการเติบโตของรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 20 ย้ายจาก 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 57 เป็น 1.9 พันล้านในปี 60

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50615716/tax-revenue-up-28-percent/