เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่ในอันดับที่ 9 ของเมียนมา

จากรายงานของรองนายกรัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการเงินเวียดนาม ในวันอังคารที่ผ่านมา เปิดเผยว่าการค้าระหว่างเมียนมากับเวียดนาม มีมูลค่าระหว่างประเทศกว่า 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 และทางสถิติด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) พบว่าเวียดนามเป็นนักลงทุนรายใหญ่อยู่ในอันดับที่ 7 ของประเทศทั่วโลกที่มีการลงทุนโดยตรงไปยังเมียนมา โดยมีจำนวนโครงการ 18 โครงการขนาดใหญ่ ด้วยมูลค่าทุนจดทะเบียน 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับทางหน่วยงานรัฐบาลของเมียนมาที่เกี่ยวข้อง ระบุว่าเวียดนามต้องการให้เมียนมาอนุมัติการเปิดสินเชื่อของสถาบันการเงินเวียดนามที่ลงทุนในเมียนมา ทางการเมียนมาต้องดำเนินลดมาตรการ/อุปสรรคทางการเงินสำหรับบริษัทเวียดนามที่ลงทุนในเมียนมา ได้แก่ บริษัท  Hoàng Anh Gia Lai (HAGL) และธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนา (BIDV) เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521506/viet-nam-becomes-ninth-largest-trade-partner-of-myanmar.html#HZgwcpxWV6oTogBm.97

ซูจีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ณ ประเทศไทย

นางอองซานซูจี ประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยแห่งเมียนมา มีกำหนดการเดินทางไปประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งที่ 34 ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ณ กรุงเทพมหานคร ตามคำเชิญของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย โดยจะหารือเกี่ยวกับกิจกรรมของทั้ง 10 ประเทศสมาชิกปัจจุบันในการจัดตั้งประชาคมอาเซียนและอนาคต คาดว่างานนี้นางซูจีจะหารือทวิภาคีกับผู้นำอาเซียนคนอื่น ๆ ในระหว่างการประชุมสุดยอด โดยการประชุมสุดยอดอาเซียนนั้นจะจัดขึ้นปีละสองครั้งและหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพของประเทศสมาชิก

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2019-06/18/c_138152505.htm

รัฐบาลสปป.ลาว พยายามแก้ไขปัญหา การขาดดุลงบประมาณ

รัฐบาลคาดการณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณของประเทศในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.16 ล้านล้านกีบ ทำให้ความตึงเครียดด้านงบประมาณทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนรายได้อย่างต่อเนื่อง หากรวมเงินที่ต้องชำระจำนวนเงินที่เป็นหนี้ให้กับเจ้าหนี้ในประเทศและต่างประเทศ จะต้องมีจำนวน 5.87 ล้านล้านกีบเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการด้านค่าใช้จ่าย นายกรัฐมนตรีประกาศแผนการของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาการขาดดุลโดยระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากแหล่งภายในประเทศและต่างประเทศรัฐบาลได้เน้นถึงมาตรการในการเพิ่มการจัดเก็บรายได้และบรรลุเป้าหมายที่ได้รับอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อลดปัญหาทางการเงินของฝ่ายบริหาร จะให้ความสำคัญกับการระดมทุนจากแหล่งภายในประเทศรวมถึงพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งสปป.ลาวและการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแม้จะมีปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้นของประเทศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govts.php

ราคายางที่ตกทำให้เกิดความกังวล

ราคายางได้ปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากความต้องการในตลาดต่างประเทศชะลอตัวลงโดยเฉพาะจีน ขณะนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้น 1,300 เหรียญ ต่อตันในตลาดท้องถิ่น ซึ่งลดลงกว่า 100 เหรียญ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามตัวเลขจากกระทรวงเกษตร ซึ่งเวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกยางของกัมพูชาได้เห็นการส่งออกไปยังจีนที่ลดลงอย่างมากเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของจีน และความกังวลในเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อประเทศกัมพูชาเนื่องจากการผลิตยางของราชอาณาจักรส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังประเทศจีนในการขนส่งทางอ้อมที่ผ่านเวียดนาม โดยภาคเอกชนกำลังเรียกเก็บภาษีที่ลดลงจากการส่งออกยางพารา ตัวเลขจากกระทรวงเกษตรแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาส่งออกยางได้ 63,453 ตันในช่วงสี่เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้น 23%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50615296/falling-rubber-prices-causing-concern/

เวียดนามเผยมูลค่า และปริมาณส่งออกยางลดลง

จากรายงานขององค์กรกลุ่มตัวแทนยางของเวียดนาม (VRG) เปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกยางในเดือนพฤษภาคมลดลง เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าของจีนและความกังวลต่อผลของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมไปถึงการขึ้นอัตราภาษีนำเข้ายางของจีน และจากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ระบุว่าปริมาณการส่งออกยางในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 80,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าว ทั้งด้านปริมาณและมูลค่าต่างลดลงร้อยละ 26.5 ในส่วนของปริมาณ และลดลงร้อยละ 26.2 ในส่วนของมูลค่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521455/rubber-exports-plummet.html#2MLC11FFRgw34uPu.97

เมียนมาส่งออกเม็ดพลาสติกรีไซเคิล

เมียนมาทำข้อตกลงกับจีนในการส่งเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (หรือที่เรียกว่า nurdles) สำหรับผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก เช่น ขวดโซดา หมวก และภาชนะบรรจุอาหาร โดยเริ่มทดลองส่งออกมาเป็นระยะ 2 เดือนแล้วแต่ยังมีปัญหาด้านขนส่งหรือได้รับความเสียหายจากต้นทุนโลจิสติกส์พอสมควร ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกต่างประเทศเพราะขาดอุปสงค์ภายในประเทศ ราคาเม็ดพลาสติกอยู่ที่ 200 จ้าดต่อปอนด์ ปัจจุบันเจ้าของธุรกิจรีไซเคิลในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ประมาณ 400 คนที่ซื้อวัสดุพลาสติกใช้แล้วเพื่อนำกลับผลิตซ้ำ แต่ทั้งนี้ภาษีการค้าในปัจจุบันยังคงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเจ้าของธุรกิจรีไซเคิล

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-export-recycled-plastic-pellets.html

รัฐบาลสปป.ลาวพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ สำหรับนักลงทุน

ผู้ประกอบการนักลงทุนและผู้ที่สนใจในการทำธุรกิจ จะดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น ด้วยการพัฒนาและเปิดตัวเว็บไซต์ www.ned.gov.la เว็บไซต์นี้เป็นความคิดริเริ่มของหน่วยงาน The Enterprise Registration and Management Department ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับกฎหมายด้านการเงินของสปป.ลาว กระบวนการจดทะเบียนธุรกิจและค่าธรรมเนียมการดำเนินงาน นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการค้นหาเส้นทางการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งเว็บไซต์นี้จะช่วยให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับกระบวนการลงทุนของสปป.ลาว มันจะช่วยให้ผู้คนตัดสินใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนทางการเงิน เว็บไซต์มีข้อมูลสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐนักลงทุนรายใหญ่และผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก ข้อมูลมีทั้งภาษาสปป.ลาวและภาษาอังกฤษ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-govt-develops-new-website-investors-98585

กลุ่มรอยัลเริ่มศึกษาเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า ขนาด 700 เมกะวัตต์

กลุ่มรอยัลได้รับอนุญาตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ในโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 700 เมกะวัตต์ในจังหวัด พระสีหนุ โดยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากปัญหากำลังไฟของกัมพูชาในปัจจุบัน บริษัท ขอให้ขยายกำลังการผลิตของโครงการจาก 450 เป็น 700 เมกะวัตต์ เขากล่าวว่าการขยายตัวต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ใหม่ จะใช้เวลา 18 – 20 เดือนในการศึกษา จากนั้นจะถูกส่งไปยังรัฐบาลเพื่อขออนุมัติ รัฐบาลจะต้องพิจารณาว่าค่าไฟฟ้าที่จะขายให้กับกริด นั้นเป็นที่ยอมรับหรือไม่ รวมถึง ปีนี้กัมพูชาน่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรงที่เกิดจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้จึงขออนุญาตให้นักลงทุนเพิ่มขีดความสามารถของโครงการของพวกเขา โดยแนะนำว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นโรงไฟฟ้าที่มีความมั่นคงตลอดทั้งปี ซึ่งแตกต่างจากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50614975/royal-group-to-do-study-on-700-mw-power-plant/