เมียนมาเปิดโอกาสการลงทุน พร้อมส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ

นับเป็นเวลาหลายปีหลังจากที่เมียนมาได้ปฏิรูปการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ซึ่งในช่วง 2 ปีให้หลังที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือมีการลดผ่อนมาตรการต่างๆ โดยออกนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น รวมไปถึงกฎหมายสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ เช่น ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในเรื่องของภาษีอากร หรือนักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นบริษัทท้องถิ่นได้ร้อยละ 35 และอำนวยความสะดวกการจัดตั้งบริษัทโดยจัดทำระบบจดทะเบียนบริษัทออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Myanmar Companies Online (MyCo) เพื่อส่งเสริมให้บริษัทต่างชาติมีบทบาทในการพัฒนาบริษัทท้องถิ่น การพัฒนาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ให้ความสำคัญกับ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 2. การลงทุน ส่งเสริมการลงทุนในสาขาโครงสร้างพื้นฐาน ภาคเกษตร ปศุสัตว์ การประมง การศึกษา สาธารณสุข การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ การผลิตสินค้าเพื่อทดแทนการนำเข้า การส่งออก และการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมใหม่ 3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงคุณภาพของทางหลวงเพื่อเชื่อมโยงระหว่างเมืองและชนบท และส่งเสริมให้ประชากรเข้าถึงไฟฟ้าภายในปี 2573 4. ส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้เพิ่มจำนวนโรงแรม และพัฒนาการคมนาคมระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวในอนาคต ในเวลานี้การพัฒนาไปในเชิงบวกทำให้เอื้อต่อการลงทุน และเพิ่มโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน และถึงแม้ในการลงทุนจะต้องพบกับความท้าทายต่างๆ มีอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในบางเรื่อง แต่เมียนมาในมุมมองของวิเคราะห์ คือเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 6-7 ภายในสองปี ทำให้เป็นโอกาสการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการไทย

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/27110

ภาคเกษตรกรรมเวียดนามขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562

จากรายงานของกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD) ในวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ผลผลิตของภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7-2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และทางด้านการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้ และประมง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 19.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากจำแนกรายสินค้าเกษตรกรรมทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า มูลค่าของสินค้าเกษตรสำคัญของเวียดนามลดลงร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นต้น สำหรับโครงสร้างการส่งออกสินค้าเวียดนามได้มีการปรับเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของสินค้า เช่น อาหารทะเล ผัก ดอกไม้ ผลไม้ เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์จากป่า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ภาคเกษตรกรรมต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่ามาจากสภาพอากาศ ภัยแห้งแล้งในภูมิภาคตอนกลางและชายฝั่งตอนใต้ รวมไปถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา ทำให้ราคาสินค้าเกษตร ป่าไม้ และผลผลิตเนื้อหมู ล้วนลดลง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521504/agricultural-sector-sees-production-and-business-growth-in-h1.html#bgRIE60JHXqDxVVV.97

สายการบิน MNA ขาดทุนครั้งแรกในรอบ 5 ปี

สายการบินห่งชาติเมียนมา(MNA) ซึ่งเป็นสายการบินรัฐวิสาหกิจของประเทศขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดสายการบินในต่างประเทศ คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 21 พันล้านจั๊ต (13.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่ปี 59 แม้ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและพนักงานที่สูงขึ้น แต่ยังสนใจในการขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อเครื่องบินรุ่นเก่าของฟอกเกอร์ (Fokker) และเอทีอาร์ (ATR) ดังนั้นเพื่อสร้างผลกำไร MNA ต้องปรับโครงสร้างและลดต้นทุน แต่ยังลงทุนเพิ่มในส่วนพนักงาน ซึ่งการก่อตั้งขึ้นสายการบินในครั้งแรกนั้นไม่หวังผลกำไรเพราะเป็นเส้นทางให้บริการสาธารณะภายในประเทศ

ที่มา : http://mizzima.com/article/mna-5th-year-losses

รัฐบาลสปป.ลาว จะเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นเกี่ยวกับสินค้าไม่จำเป็น

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิต เน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อสะท้อนความเป็นจริงของประเทศและเพื่อให้สอดคล้องกับการรวมกลุ่มระหว่างประเทศ หากกฎหมายใหม่เกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค. 63 ภายใต้ร่างกฎหมายภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงจากอัตราปัจจุบันตั้งแต่ 9 ถึง 39 % เป็น 5 ถึง 35 % ภาษีที่เรียกเก็บจากรถจักรยานยนต์ 110 ซีซีจะลดลงจาก 20 %เป็น 5 % ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตลดลงจาก 10 % เป็น 3% รัฐบาลจะเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นสำหรับการดำเนินธุรกิจกอล์ฟเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 25% การจัดเก็บภาษีที่เรียกเก็บจากคาสิโนและเกมคาสิโนจะเพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 50 % เนื่องจากรัฐบาลไม่ส่งเสริมการพนันและต้องการควบคุมธุรกิจประเภทนี้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt142.php

รายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 28 %

กรมสรรพากร (GDT) เก็บรายได้จากภาษีมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ในเดือนพ.ค ที่ผ่านมารัฐบาลเก็บภาษีได้ 185.8 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 38% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว กงวิโบลผู้อำนวยการทั่วไปของ GDT กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บรายได้เป็นผลมาจากความทันสมัยของระบบการจัดเก็บภาษีผ่านการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีและเพิ่มรายได้  เมื่อปีที่แล้ว GDT รวบรวมเกือบ 2.2 พันล้านคน เพิ่มขึ้น 13.3 %เมื่อเทียบกับปี 60 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการเติบโตของรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 20 ย้ายจาก 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 57 เป็น 1.9 พันล้านในปี 60

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50615716/tax-revenue-up-28-percent/

เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่ในอันดับที่ 9 ของเมียนมา

จากรายงานของรองนายกรัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการเงินเวียดนาม ในวันอังคารที่ผ่านมา เปิดเผยว่าการค้าระหว่างเมียนมากับเวียดนาม มีมูลค่าระหว่างประเทศกว่า 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 และทางสถิติด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) พบว่าเวียดนามเป็นนักลงทุนรายใหญ่อยู่ในอันดับที่ 7 ของประเทศทั่วโลกที่มีการลงทุนโดยตรงไปยังเมียนมา โดยมีจำนวนโครงการ 18 โครงการขนาดใหญ่ ด้วยมูลค่าทุนจดทะเบียน 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับทางหน่วยงานรัฐบาลของเมียนมาที่เกี่ยวข้อง ระบุว่าเวียดนามต้องการให้เมียนมาอนุมัติการเปิดสินเชื่อของสถาบันการเงินเวียดนามที่ลงทุนในเมียนมา ทางการเมียนมาต้องดำเนินลดมาตรการ/อุปสรรคทางการเงินสำหรับบริษัทเวียดนามที่ลงทุนในเมียนมา ได้แก่ บริษัท  Hoàng Anh Gia Lai (HAGL) และธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนา (BIDV) เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/521506/viet-nam-becomes-ninth-largest-trade-partner-of-myanmar.html#HZgwcpxWV6oTogBm.97

ซูจีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ณ ประเทศไทย

นางอองซานซูจี ประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยแห่งเมียนมา มีกำหนดการเดินทางไปประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งที่ 34 ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ณ กรุงเทพมหานคร ตามคำเชิญของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย โดยจะหารือเกี่ยวกับกิจกรรมของทั้ง 10 ประเทศสมาชิกปัจจุบันในการจัดตั้งประชาคมอาเซียนและอนาคต คาดว่างานนี้นางซูจีจะหารือทวิภาคีกับผู้นำอาเซียนคนอื่น ๆ ในระหว่างการประชุมสุดยอด โดยการประชุมสุดยอดอาเซียนนั้นจะจัดขึ้นปีละสองครั้งและหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพของประเทศสมาชิก

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2019-06/18/c_138152505.htm

รัฐบาลสปป.ลาว พยายามแก้ไขปัญหา การขาดดุลงบประมาณ

รัฐบาลคาดการณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณของประเทศในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.16 ล้านล้านกีบ ทำให้ความตึงเครียดด้านงบประมาณทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนรายได้อย่างต่อเนื่อง หากรวมเงินที่ต้องชำระจำนวนเงินที่เป็นหนี้ให้กับเจ้าหนี้ในประเทศและต่างประเทศ จะต้องมีจำนวน 5.87 ล้านล้านกีบเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการด้านค่าใช้จ่าย นายกรัฐมนตรีประกาศแผนการของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาการขาดดุลโดยระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากแหล่งภายในประเทศและต่างประเทศรัฐบาลได้เน้นถึงมาตรการในการเพิ่มการจัดเก็บรายได้และบรรลุเป้าหมายที่ได้รับอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อลดปัญหาทางการเงินของฝ่ายบริหาร จะให้ความสำคัญกับการระดมทุนจากแหล่งภายในประเทศรวมถึงพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งสปป.ลาวและการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแม้จะมีปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้นของประเทศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govts.php