ทำไม สินค้าไทยมาแรงตลาดเวียดนาม

เวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีประชากรราว 90 ล้านคนที่อยู่ในวัยทำงาน พร้อมกำลังซื้อสูงในชนชั้นกลาง ทั้งนี้ กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม รายงานว่าในปี 2560 ตลาดค้าปลีกเวียดนามมีมูลค่าสูงถึง 1.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) และยอดขายของร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าคาดว่าจะเติบโตเร็วมากที่สุด โดยเวียดนามถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีศักยภาพในตลาดค้าปลีกลำดับที่ 6 ของโลกจาก 30 ประเทศ โดยเฉพาะนครโฮจิมินห์ ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเวียดนาม พบว่าสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม และเสื้อผ้า เป็นต้น เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และคาดว่าในปี 2563 ภาคการค้าปลีกจะขยายตัวสัดส่วนร้อยละ 45 ของภาคการค้าปลีกทั้งหมดในเวียดนาม หากสังเกตตามเมืองหรือชนบท พบว่าจะเห็นสินค้าไทยวางขายในร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อ มีอยู่จำนวนมาก เนื่องมาจากคนเวียดนามมองสินค้าไทยมีคุณภาพที่ดีกว่าสินค้าจีน แม้ว่าราคาจะแพงกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้สินค้าไทยเป็นที่นิยม เนื่องจากผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ของไทยเข้าไปลงทุนห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น จึงเปิดโอกาสให้สินค้าไทยเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของตลาดเวียดนาม สรุปได้ว่า เศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตต่อเนื่องทุกปี กลุ่มชนชั้นกลางมีกำลังซื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระแสความนิยมสินค้าไทยมาแรง จึงเป็นโอกาสทางของผู้ผลิตสินค้าไทยที่จะเข้าไปในตลาดเวียดนาม

ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/vietnam-product

ไทยเป็นผู้จำหน่ายสุกรเพียงเจ้าเดียวในกัมพูชา

การห้ามนำเข้าสุกรเนื่องจากการระบาดของไข้หวัดหมูในแอฟริกาทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกแต่เพียงผู้เดียว จากข้อมูลสมาคมผู้เลี้ยงปศุสัตว์กัมพูชาระบุว่าปริมาณสุกรในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉลี่ยแล้วชาวกัมพูชาบริโภคสุกรประมาณ 5,000 ถึง 6,000 ตัวต่อวันคิดเป็น 20% ของนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ในเดือนนี้ได้สั่งห้ามการนำเข้ามากกว่า 500,000 ตัวจากเวียดนามเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดหมูแอฟริกันที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

ที่มา: https://www.phnompenhpost.com/business/thailand-sole-supplier-pigs

ญี่ปุ่นหนุน สปป.ลาวในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

รัฐบาลญี่ปุ่นตกลงที่จะช่วยสปป.ลาวในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพสูง โดยการเสริมสร้างความสามารถในการบริหารและการจัดตั้งสถาบันรวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่รัฐ ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศคือนายทองหลวง ศรีสุลิและนายชินโซ อาเบะ ในโตเกียวเมื่อวานนี้ โดยการประชุมประจำปีจัดขึ้นโดยสำนักข่าวนิกเกอิทุกปี ตั้งแต่ปี พ. ศ. 2538 ซึ่งเป็นการรวบรวมผู้นำทางการเมืองเศรษฐกิจและวิชาการจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสนอความคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมาและเป็นอิสระในประเด็นภูมิภาคและบทบาทของเอเชียในระดับโลก

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan_to_125.phpt

สินเชื่อใหม่สำหรับผู้มีที่ดินเพื่อสร้างอาคารและที่พักอาศัย

iMyanmarHouse.com ได้แนะนำสินเชื่อสำหรับผู้มีที่ดินเป็นของตัวเองแต่ยังขาดเงินทุนในการสร้างที่พักอาศัย โกดังสินค้า อาคารพาณิชย์ และอาคารอื่น ๆ โดยได้จับมือกับธนาคาร KBZ (Kanbawza Bank) และบริษัท เมียนมาร์อาร์ทคอนสตรัคชั่นแอนด์ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เชื่อว่าโครงการก่อสร้างนั้นสามารถสร้างอาคารได้ภายในหนึ่งปี โดยมีระยะเวลาก่อสร้างสองปีสำหรับอาคารสูง ทั้งนี้จำนวนเงินกู้สูงสุดจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของที่ดินและสามารถกู้ได้สูงสุด 70% ของมูลค่าที่ดินและระยะเวลาผ่อนสูงสุด 25 ปี ส่วนเงินกู้ระยะเวลา 3 ปีสำหรับอาคารพาณิชย์ เช่น โรงแรม โมเต็ล ร้านอาหาร หอพัก โรงงานและคลังสินค้า ในอัตราดอกเบี้ย 13% ต่อปี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/businesses-collaborate-launch-new-loan-facility-landowners.html

ธนาคารกลางเวียดนามกังวลความได้เปรียบทางการค้าจะส่งผลในทิศทางที่ลดลง

จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศเวียดนาม (SBV) ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กล่าวว่าความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อการค้าและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนมากขึ้น และทางด้านกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ดำเนินนโยบายของคู่ค้าสำคัญของสหรัฐ 21 ราย ซึ่งพบว่าเวียดนามมีส่วนสำคัญต่อการค้ากับ สหรัฐฯอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกลางเวียดนามจะดำเนินประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยจากข้อมูลสถิติการค้าเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามและกลุ่มแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมียอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น 13.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ นอกจากนี้ ค่าเงินด่องอ่อนค่าลง 0.97% ในปีนี้

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190530/vietnam-central-bank-says-not-pursuing-unhealthy-competitive-advantage-in-trade/50156.html

 

เวียดนามเผยส่งออกกาแฟลดลงในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. 13.1 %

จากรายงานกรมสถิติเวียดนาม (GSO) เผยว่าการส่งออกกาแฟของเวียดนามในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีแนวโน้มลดลงร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นปริมาณ 760,000 ตัน ในขณะที่มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 5.3 ซึ่งผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก “โรบัสต้า” (Robusta) มีแนวโน้มลดลงร้อยละ 23 สู่ระดับ 13.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ ด้วยข้อมูลดังกล่าว ทำให้การส่งออกกาแฟเวียดนามในเดือน พ.ค. 2562 ปริมาณอยู่ที่ 135,000 ตัน และมูลค่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมไปถึงคาดว่าจะลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190529/vietnam-s-janmay-coffee-exports-to-fall-131-y-y-govt-data/50142.html

เวียดนามจะเริ่มนำเข้าไฟฟ้าจากจีน สปป.ลาวเพิ่มขึ้น

เวียดนามวางแผนที่จะนำเข้าไฟฟ้าจากจีนและสปป.ลาวเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การนำเข้าไฟฟ้าประจำปีจากจีนและสปป.ลาวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 และ 5,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 จากปัจจุบันประมาณ 1,000 เมกะวัตต์  ขณะนี้โครงการโรงไฟฟ้าหลายแห่งในเวียดนามล่าช้ากว่ากำหนด มีการใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางเกือบทั้งหมดและยังมีแหล่งพลังงานขนาดเล็กเพียงไม่กี่แห่งที่ถูกแสวงประโยชน์ ดังนั้นโรงไฟฟ้าพลังน้ำจะคิดเป็นเพียงร้อยละ 12.4 ของการจ่ายไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศภายในปี 2573 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยุ่งยากให้กับการขาดแคลน แหล่งพลังงานที่สามารถใช้งานได้ระหว่างปี 2559 ถึง 2573 มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 78,300 เมกะวัตต์ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในแผนพัฒนาไฟฟ้าของประเทศที่มีการแก้ไขแล้วกว่า 17,500 เมกะวัตต์ การขาดแคลนส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปี 2561-2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณสำรองไฟฟ้าจะถูกใช้จนหมดในปี 2561 และ 2562 และการขาดแคลนพลังงานจะเกิดขึ้นระหว่างปี 2564 ถึง 2568

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-vietnam-trade-deficit-set-drop-us227-million-97144