UnionPay เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งในกัมพูชา

 

การเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนบัตรที่ออกในประเทศและจำนวนการทำธุรกรรม UnionPay ได้เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ากัมพูชาเป็นตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตเร็วที่สุด ตามรายงานล่าสุดของ บริษัท ที่ตั้งขึ้นในจีนจำนวนการทำธุรกรรมที่ชาวกัมพูชาใช้บัตรยูเนี่ยนเพย์เกือบสองเท่าระหว่างปี59-61 อันเนื่องมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่กำลังมาพักผ่อนหย่อนใจในต่างประเทศมากขึ้น จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำสำหรับผู้ใช้บัตร UnionPay ของกัมพูชาคือจีน ไทยและสิงคโปร์ เขากล่าวเสริมว่าส่วนใหญ่พวกเขาใช้บัตรเพื่อซื้อสินค้าขายส่งรวมทั้งจ่ายค่าเครื่องประดับ อาหารและที่พัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50552860/unionpay-sees-robust-growth-in-cambodia/

 

จะเข้าไปลงทุนและจ้างงานในกัมพูชา ก็ต้องรู้จักคนของประเทศเขา

ปัจจุบันกัมพูชามีวัยแรงงาน 9 ล้านคน จากประชากร 19 ล้านคน อัตราว่างอยู่ที่ 0.4 % ต่ำเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ก่อสร้าง การท่องเที่ยว และการเกษตร มีกฎหมายแรงงานที่เข้มแข็ง ค่าแรงต่อเดือนอยู่ที่ 170 ดอลล่าร์สหรัฐและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จบขั้นประถมศึกษาและขาดแคลนแรงงานด้านเทคนิคและวิศวกร จากข้อมูลบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนธุรกิจอาหารและวัสดุก่อสร้างจะนำสินค้ามาขายก่อนแล้วจึงตั้งโรงานเพื่อผลิตและส่งออก และให้คนท้องถิ่นบริหารเอง ทั้งนี้จะส่งบุคลากรไทยเพื่อมาสอนงานและวางระบบองค์กรก่อน ปัญหาที่พบ ขาดทักษะในด้านการปฏิบัติและการทำงานเป็นทีม คิดวิเคราะห์ไม่ได้ ให้ความสำคัญกับวันหยุดและเทศกาลต่างๆ ซึ่งจะไม่นิยมทำงานในวันหยุด และปัญหาคอร์รัปชันสูง ดังนั้นการลงทุนต้องศึกษาและเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีและข้อควรปฏิบัติต่างๆ ก่อนการลงทุน

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/644218

22 มีนาคม 2561

ไขกุญแจความสำเร็จโครงการมิกซ์ยูสในสิงคโปร์ สู่โอกาสการลงทุนในเวียดนาม

โครงการมิกซ์ยูสกำลังเป็นที่น่าสนใจของเวียดนามในตอนนี้ โดยมี 3 ส่วนที่ร่วมกันผลักดันคือ ภาครัฐ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตแบบ (live – work – play) ในสถานที่เดียว สำหรับปัจจัยความสำเร็จคือ การผสมผสานกันของประเภทอสังหาฯ ทำเล และระบบขนส่งสาธารณะ ยกตัวอย่างของ Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ โดยรัฐบาลเวียดนามเล็งการพัฒนาโครงการที่แขวงถูเทียม นครโฮจิมินห์ เพื่อรองรับการขยายพื้นที่ CBD (Central Business District) มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมและลดระยะเวลาของเมืองถูเทียมกับ CBD เช่น สร้างอุโมงค์และสะพาน ส่งผลให้ราคาที่ดินพุ่ง 40% แต่สิ่งที่พึงระวังคือ การลงทุนเป็นโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าการลงทุนสูงและมีความซับซ้อน ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญในการจัดการเงินทุน เลือกผู้ร่วมลงทุนที่สอดคล้องกับประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน ส่วนการลงทุนในต่างประเทศควรดูเงื่อนไขการลงทุน กฎหมาย การจัดการที่ดิน และมาตรการการส่งเสริมภาครัฐเป็นสำคัญ

เดินเกมค้าปลีกสมัยใหม่ในเมียนมา

ร้านค้าปลีกและค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) เป็นที่น่าจับตามองภายหลังอนุญาตให้ทุนต่างชาติครองสัดส่วนการถือหุ้นได้ 100% ใกล้เคียงกับไทยและเวียดนาม เพื่อให้เกิดการแข่งขันในอุตสาหกรรมและราคาที่เป็นธรรมสำหรับผู้บริโภค เพราะการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางจาก 9% เป็น 15% ในปี 63 อัตราการค้าปลีกเติบโตในปี 55 – 60 ปีละกว่า 8% ทำให้ทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนรวมกับบริษัทท้องถิ่นในรูปแบบร้านค้าปลีกอุปโภคบริโภคสมัยใหม่ (modern grocery store) บริษัทค้าปลีกมีแนวโน้มที่แข่งขันรุนแรงขึ้นหลังจากบริษัทต่างชาติสามารถลงทุนได้เต็มรูปแบบ ร้านค้าปลีกที่มีโอกาสเติบโตสูงคือ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เน้นประเภทอาหารพร้อมทานแทน เพราะสอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่เน้นความสะดวกและมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ทั้งนี้ ความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ โดยจากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเมียนมาในย่างกุ้งและมัณฑะ พบว่าผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญด้านรสชาติและคุณภาพมากขึ้นซึ่งสูงกว่าด้านราคา ส่งผลให้สินค้านำเข้าเป็นที่นิยมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการนำเสนอสินค้าตราห้าง (private label) ถึงแม้ว่าสินค้าจากบริษัทชื่อดังของโลกอย่าง Coca Cola, Unilever หรือ Nestle แต่พบว่า 32% ของสินค้าที่วางขายซึ่งมีทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ราว 16% เชื่อได้ว่าสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่น่าจดจำได้ โดยเฉพาะสินค้าจากไทยที่ชาวเมียนมาเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าและราคาที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับสินค้าจากยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่ความเสี่ยงของผู้ประกอบการคือ ความไม่พร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง ไฟฟ้าที่ไม่เสถียรและไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญในการหาพันธมิตรบริษัทขนส่งของเมียนมา รวมถึงพัฒนาระบบจัดการสินค้าคงคลังและมีการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: https://www.scbeic.com/th/detail/product/4746

อิเกีย เตรียมปลดพนักงานทั่วโลกกว่า 7,500 ตำแหน่ง

 

บริษัท อินคากรุ๊ปอิงค์ (Ingka Group) เป็น บริษัท ย่อยที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการลดลงประมาณ 5% หรือประมาณ 7,500 บาท30 เมืองใหญ่ทั่วโลกปัจจุบันมีสาขาทั่วโลก 367 แห่งมีพนักงาน 208,000 คนมียอด ขายปี 2018 อยู่ที่ 38.8 พันล้านยูโร

ที่มา: https://www.posttoday.com/world/571584

พาณิชย์ แนะผู้ส่งออกรถยนต์ ส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ซ่อมบำรุงรถยนต์บุกตลาดเวียดนาม หลังดีมานด์โตมาก

 

การขยายกำลังการผลิตในประเทศเวียดนามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของประชากรในประเทศเวียดนาม ความพึงพอใจในการให้บริการส่วนที่เป็นประโยชน์และการให้บริการ รถยนต์ที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ (แชสซี) และเทคโนโลยีที่ไม่สามารถผลิตได้ในเวียดนามได้เว้นแต่ผู้ผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมการผลิตโดยในช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. 54 61 รถนำเข้ารถยนต์ 11,172 คันเพิ่มขึ้น 5,142 คันหรือ 85.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาของปี 60 รถจักรยานยนต์มีมูลค่ากว่า 2,

ที่มา: https://www.ryt9.com/s/iq03/2918786

ชี้ช่องเจาะตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม และสุขภาพในเวียดนามตอนใต้

ชี้ช่องเจาะตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม และสุขภาพในเวียดนามตอนใต้

มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี59 โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ประชากรเพศหญิงอายุ 20-44 ปี คิดเป็น 40% ของประชากรเพศหญิงทั้งหมด และเป็นกลุ่มอายุและตำแหน่งการงานสูงขึ้น มูลค่าประมาณ 1.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในช่วงปี55-60 อัตราการเติบโต 13.3% ปัจจุบันมีบริษัทประมาณ 400 บริษัท จำนวน 75% เป็นบริษัทเวียดนาม แต่ส่วนแบ่งตลาดเพียง 10% เท่านั้น นอกนั้นเป็นต่างชาติ 90% เพราะมีเงินทุนและการกระจายสินค้าดีกว่า ด้านช่องทางการซื้อ 40% จากร้านตัวแทนจำหน่าย และอีกประมาณ 58% ทางออนไลน์เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว เปรียบเทียบก่อนการซื้อได้ โดยมี 3 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องใช้ส่วนตัวสำหรับผู้ชาย และอาหารเสริม

ที่มา: http://www.thansettakij.com/content/350035

ระบบออนไลน์ช่วยเพิ่มรายได้ Road Tax ของ สปป.ลาว

ระบบออนไลน์ช่วยเพิ่มรายได้ Road Tax ของ สปป.ลาว

กระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา เผย มีชาวต่างชาติมากกว่า 3,000 คน ที่เข้าชมการแข่งเรือการลอยประทีป และชมเรือที่ประดับไฟสวยงาม วานนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของงานเทศกาลน้ำประจำปีนี้ ที่กรุงพนมเปญ โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากฝรั่งเศส อังกฤษ โปแลนด์ รัสเซีย สเปน เยอรมนี สหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม และตะวันออกกลาง

ที่มา:http://jclao.com/online-system-boosts-road-tax-revenue/