ธุรกิจบันเทิงในย่างกุ้งยังคงปิดให้บริการ หวั่น COVID-19 ระบาดรอบสอง

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 63 รัฐบาลภูมิภาคย่างกุ้ง สั่งให้ธุรกิจบันเทิง เช่น KTV Lounge บาร์และไนต์คลับรวมถึงธุรกิจในโรงแรมปิดให้บริการเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของ COVID-19 การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาเตือนว่าอาจเกิดCOVID -19 ระลอกที่สองหลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อ 4 รายในเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ในช่วงสี่วันที่ผ่านมา หากพบว่าละเมิดกฎจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 63 คณะกรรมการป้องกัน COVID-19 ได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับธุรกิจในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์และภูมิภาคอื่น ๆ ที่ละเมิดกฎของทางการ แม้รัฐบาลจะประกาศเคอร์ฟิวในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 00.00 น. ถึงตี 4 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด -19 แต่ KTV Lounge ไนท์คลับและบาร์บางแห่งในย่างกุ้งยังคงเปิดให้บริการในเวลากลางคืน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/entertainment-businesses-yangon-remain-restricted.html

การขาดดุลการคลังเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลสปป.ลาว

การขาดดุลการคลังที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศท่ามกลางวิกฤตโควิด -19 รัฐบาลประเมินว่าการขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มขึ้นจาก 6.69 ล้านล้านกีบ  เป็น 10.3 ล้านล้านกีบ ประธานคณะกรรมการการวางแผนการเงินและการตรวจสอบของสมัชชาแห่งชาติ กล่าวว่ารัฐบาลกำลังหาวิธีแก้ไขหนี้ของประเทศหลังจากที่รายได้ขาดแคลน ซึ่งหนี้มี 2 รูปแบบ คือหนี้ที่มาจากเงินทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความรับผิดที่รัฐบาลกู้ยืมมาเพื่อเป็นหลักประกันสำหรับรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้มีหลายวิธีที่รัฐบาลสามารถจัดการหนี้ได้โดยการแปลงหนี้เป็นการลงทุน เจรจาต่อรองหนี้และขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจหรือทรัพย์สินที่รัฐบาลใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ รัฐบาลออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนมากขึ้น นักวิจารณ์กล่าวว่าการกู้ยืมเงินมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลนั้นเป็นไปได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวการขาดดุลอาจฉุดให้ประเทศกลายเป็นหนี้จากรายงานธนาคารโลกในเดือนมิ.ย. ในปี 63 หนี้สาธารณะคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 65% เป็น 68% ของ GDP  และคาดว่าภาระการชำระหนี้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 842 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 62 นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวกับรัฐสภาว่ารัฐบาลจะออกพันธบัตรในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อชำระหนี้ รัฐบาลจะเปลี่ยนหนี้ที่เป็นหนี้บริษัทเอกชนซึ่งดำเนินโครงการลงทุนของรัฐไปยังธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้และตัดการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่จำเป็น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Fiscal162.php

ความต้องการด้านพลังงานของกัมพูชาลดลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020

ความต้องการด้านพลังงานลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2020 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้โรงงาน สิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงโรงแรมต้องปิดตัวลงส่งผลให้การใช้พลังงานภายในประเทศลดลง โดยการใช้พลังงานตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนเฉลี่ยอยู่ที่ 33 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันแหล่งจ่ายไฟทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1,700 เมกะวัตต์ ลดลงจาก 1,900 เมกะวัตต์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถึงอย่างไรดังรายงานของกระทรวงฯพบว่าการจ่ายไฟเพิ่มขึ้นจาก 2,635 เมกะวัตต์ ในปี 2018 สู่ 3,382 เมกะวัตต์ ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50755733/cambodias-energy-demand-drops-in-h1-of-2020/

ในช่วงปีใหม่กัมพูชา 2 วันแรก ผู้คนออกมาท่องเที่ยวกว่า 5 แสนคน

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชารายงานว่ามีนักท่องเที่ยวกว่า 500,000 คน เข้าพักรีสอร์ททั่วประเทศในช่วงสองวันแรกของวันหยุดปีใหม่ประจำปี 2020 ของกัมพูชา โดยในวันอังคารเพียงวันเดียวมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 277,000 คน ซึ่งมีการเช็คอินในฮอตสปอตที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18.75 เมื่อเทียบกับวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวทองคอนกล่าว โดยสถานที่ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด ได้แก่ เสียมราฐ 44,364 คน กัมปอต 39,983 คน พระตะบอง 26,987 คน แก๊ป 23,149 คน พระสีหนุ 23,149 คน รัตนคีรี 14,294 คน พระวิหาร 12,430 คน และจังหวัดมนดุลคีรีจำนวน 10,254 คน ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50755734/khmer-new-year-brings-out-more-than-500000-tourists-in-first-two-days-across-kingdom/

ญี่ปุ่นครองแชมป์ปักหลักลงทุนในนครโฮจิมินห์

ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน พบว่ามูลค่าเงินทุนของบริษัทญี่ปุ่นไปยังเมืองโฮจิมินห์ อยู่ที่ราว 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 82.39 ของเงินลงทุนรวมจากต่างชาติในเมืองดังกล่าว ซึ่งสาขาธุรกิจที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด คือ วิศวกรรมเครื่องกล ด้วยมูลค่า 3.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาอิเล็กทรอนิกส์, บริการ, เคมีภัณฑ์, ยาง, พลาสติก, เครื่องนุ่งห่มและอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กล่าวว่าในเดือน มิ.ย. จำนวนผู้ประกอบการญี่ปุ่น 30 ราย ได้ขยายการผลิตไปยังเวียดนาม โดยจากผลสำรวจของบริษัทญี่ปุ่นราว 10,000 แห่ง ชี้ให้เห็นว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 41 มองว่ากำลังพิจารณาในการขยายการดำเนินงานไปยังเวียดนามในอีก 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

ที่มา : https://fintel.vn/japan-is-the-largest-foreign-investor-in-hcmc/

เวียดนามส่งเสริมตลาดน้ำตาลในประเทศ

คุณ Tran Tuan Anh รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าขอให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับการเยียวยาทางการค้าระหว่างประเทศและส่งเสริมการตลาดแก่ผลิตภัณฑ์น้ำตาล ในขณะเดียวกัน ทางหน่วยงานจะสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้า การส่งออกและการผลิตที่อาศัยข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมธุรกิจในการป้องกันทางการค้า ทั้งนี้ ในปีนี้ กรมการนำเข้า-ส่งออก ยื่นกฤษฎีกาให้กับรัฐบาล ภายใต้ “185/2013 / ND-CP” ในการลงโทษสำหรับการละเมิดกิจกรรมทางการค้า การผลิตที่เกี่ยวข้องกับสินค้าลอกเลียนแบบหรือสินค้าต้องห้ามและการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค เป็นต้น นอกจากนี้ เวียดนามสามารถผลิตอ้อยอยู่ที่ 7.3 ล้านตัน และผลผลิตรวมประมาณ 769,000 ตัน ในปี 2562-2563

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-promotes-measures-to-manage-local-sugar-market-417510.vov

เตรียมสร้างโรงกลั่นขนาดเล็ก 5 แห่งในเขตมะกเว

เขตมะกเวกำลังพัฒนาโรงกลั่นน้ำมัน Octane 92 ขนาดเล็กจำนวน 5 แห่งซึ่งจะสามารถกลั่นน้ำมันได้ถึง 30,000 แกลลอนต่อวัน โครงการนี้ดำเนินการบนพื้นที่ 200 เอเคอร์ห่างจากจังหวัดปะโคะกูเป็นระยะทาง 5 ไมล์ Sunny Global Manufacturing Co. Ltd, Power 95, Petro China, Asia Energy และ Myanma Mandaing Company เป็นหนึ่งในบริษัทที่ชนะการประกวดราคาในการก่อสร้าง กำลังการผลิตคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 3,000 แกลลอนและ 30,000 แกลลอนต่อวันเพียงพอที่จะรองรับการบริโภคในภูมิภาค หากอุปสงค์ในท้องถิ่นสูงขึ้นก็สามารถเพียงพอที่จะใช้ในท้องถิ่น เขตมาเกวผลิตน้ำมันของตัวเองจากบ่อที่ขุดด้วยมือ แต่จะถูกส่งไปยังโรงกลั่นในอิรวดี สะกาย พะโค และมัณฑะเลเพื่อกลั่นและแปรรูป ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้นและมีคุณภาพที่ต่ำลง โรงกลั่นขนาดเล็กเหล่านี้สามารถปรับคุณภาพของน้ำมันได้ถึงมาตรฐานออกเทน 92 ซึ่งชาวมะกเวสามารถใช้น้ำมันที่มีคุณภาพสูงขึ้นในราคาที่ถูกลง นักลงทุนบางส่วนได้เริ่มปูถนนสายใหม่และวางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและกระบวนการที่จำเป็นในการสร้างโรงกลั่น บริษัท Sunny Global ซึ่งเป็นบริษัท ร่วมทุนระหว่างบริษัทในประเทศและบริษัทจากจีนสามารถสร้างโรงกลั่นและเริ่มดำเนินการภายในหกเดือน อย่างไรก็ตามเกิดความล่าช้าในการนำเข้าเครื่องจักรก่อสร้างเนื่องจากการระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/magwe-region-build-five-small-scale-refineries.html