เวียดนามจะซื้อพลังงาน 1.5 พันล้าน kWh ต่อปีจากสปป.ลาว

Vietnam Electricity (EVN) จะซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวประมาณ 1.5 พันล้าน kWh ต่อปีเป็นระยะเวลา 2 ปี เริ่มในปี 64 ภายใต้สัญญาที่ลงนาม Vietnam Electricity (EVN) จะซื้อไฟฟ้ามากกว่า 596 ล้าน kWh ต่อปีจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำสองแห่งของกลุ่ม  Phongsubthavy และในปี 65 จะซื้อไฟฟ้า 632 ล้าน kWh จากโรงงานสองแห่งที่อยู่ในกลุ่ม Chealun Sekong อีกทั้งในปี 64 จะเริ่มซื้อไฟฟ้า 263 ล้าน kWh ต่อปีจากบริษัทอื่น การนำเข้าได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าประมาณการในปี 64 การขาดแคลน 3.7 พันล้าน kWh และเกือบ 10 พันล้าน kWh ในปีต่อไป ในปี 66 คาดว่าปัญหาการขาดแคลนจะอยู่ที่ประมาณ 15 พันล้าน kWh จากนั้นจะลดลง เนื่องจากการขาดแคลนคาดว่าจะลดลงถึง 7 พันล้าน kWh และ 3.5 พันล้าน kWh ในปี 67 และ 68 ตามลำดับ กระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่าสามารถอนุรักษ์กระแสไฟฟ้าได้ไม่เกิน 5-8% และทางออกเดียวคือการนำเข้ามากขึ้นจากสปป.ลาวและจีน แต่การซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาด้วยคลื่นความถี่และในระยะยาวมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเร็วในการทำงานในโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/vietnam-to-buy-1-5-billion-kwh-of-power-annually-from-laos-4037485.html

กระทรวงสาธารณสุขร่วมหน่วยงานรัฐหาแนวทางปฏิรูประบบสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้จัดประชุมระดมสมองเรื่องร่างยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบสุขภาพระยะที่ 3 ขึ้นเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ โดยการจัดประชุมดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องแบ่งปันความคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์การปฏิรูปสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องมากที่สุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า “การปฏิรูประบบสุขภาพมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของรัฐบาลและสมัชชาแห่งชาติต่อสถานะสุขภาพของประชาชนสปป.ลาว ถึงการเข้าถึงบริการที่ดีด้วยต้นทุนและคุณภาพที่เหมาะสม” นอกจากการปฎิรูปบุคลากรร่วมถึงระบบการให้บริการที่ดี ยังมีเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพจะได้รับการกระจายไปทั่วประเทศอย่างเพียงพอต่อความต้องการ ในระยะยาวของการปฏิรูประบบสุขภาพคือการสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชาชนทั้งหมดและสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry.php

รัฐบาลสปป.ลาวใช้ประโยชน์ด้านการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาความยากจน

เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้ประโยชน์จากการศึกษาวิจัย เพื่อช่วยในการกำหนดแผนและเร่งการบรรเทาความยากจน ผลการวิจัยจะถูกนำมารวมและนำมาพิจารณาเมื่อจัดทำแผนลดความยากจนและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและป่าไม้ได้ริเริ่มแนวคิดการวิจัยเกี่ยวกับการลดความยากจนในชุมชนโดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมทีมนักวิจัยในการแก้ความยากจนในประเทศ โดยมีการสนับสนุนการเงินจากประเทศจีนในการสนับสนุนงานวิจัย ปัจจุบันสปป.ลาวมีกลุ่มคนยากจนมากถึง 8 แสนคนใน 10 แขวงทั่วประเทศก่อนหน้านี้ได้มีการช่วยเหลือจากรัฐบาลผ่าน ”กองทุนลดความยากจน” มีการใช้จ่ายเงินจำนวน 187 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดำเนินกิจกรรมของกองทุนในระยะเวลา 16 ปี ผลของการดำเนินงานเป็นไปอย่างช้าๆ ดังนั้นการทำการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังครั้งนี้จะนำมาซึ่งวิธีและแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดเพื่อปัญหาความยากจนที่อยู่กับสปป.ลาวมายาวนานจะได้ลดลงและหวังว่าจะหมดไปในอนาคต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt277.php

ญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือสปป.ลาวเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ

เมื่อวันจันทร์ที 23 ธค.62 ได้มีพิธีลงนามในการแลกเปลี่ยนบันทึกสำหรับโครงการให้ความช่วยเหลือ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นตกลงที่จะให้เงินสนับสนุนมากกว่า 8 พันล้านกีบ (9.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศลาวนาย Takewaka Keizo และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสปป.ลาวร่วมลงนาม โครงการดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสปป.ลาวมีอุปกรณ์มูลค่า 9.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติจะเริ่มเปิดดำเนินการใช้งานเมื่ออุปกรณ์ครบและอุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกส่งไปประจำการป้องกันภัยพิบัติทั่วประเทศ เพื่อความั่นคงและความปลอดภัยของชีวิตการเป็นอยู่ในประเทศและป้องกันความเสียหายให้ลดลงเมื่อเกิดภัยพิบัติในครั้งต่อ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan276.php

เกษตรกรจำปาสักปลูกข้าวที่ประสบอุทกภัย

เจ้าหน้าที่ระดับแขวงสนับสนุนเกษตรกรปลูกข้าวกว่า 5,000 ไร่และปลูกพืชอื่นอีกกว่า 30,000 ไร่หลังจากที่สูญเสียข้าวจำนวนมากเมื่อน้ำท่วมท่วมพื้นที่ของพวกเขาในฤดูฝน นาย Padith Vannalatsamy ผู้อำนวยการฝ่ายการเกษตรและป่าไม้ของแขวงกล่าวกับ Vientiane Times ว่า“ เราได้รับเมล็ดข้าว 135 ตันจากกระทรวงเกษตรและป่าไม้และจะส่งมอบให้ 8 แขวงที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม” โดยคาดว่าเกษตรกรจะปลูกข้าว 5,069 เฮกตาร์และปลูกพืชอื่น 31,825 เฮกตาร์เพื่อเติมเสบียงข้าวและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดอุทกภัยในฤดูฝนและยังกลล่าวอีกว่าเรากำลังดำเนินการซ่อมแซมช่องทางชลประทานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจัดหาน้ำได้เพียงพอในช่วงฤดูแล้งโดยร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Champassak.php

รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในปี 2563

รัฐบาลจะมีมาตราการส่งเสริมการนักท่องเที่ยวภายในประเทศในปี 63 สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสุมณีวงศ์อธิบดีกรมตลาดการท่องเที่ยวภายใต้กระทรวงข้อมูลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหารือเกี่ยวกับแคมเปญส่งเสริมการขายและปรึกษากับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีความเห็นในที่ประชุมว่าควรมีกิจกรรมที่มีสีสันใหม่ในแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาถนนหนทางเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นและควรปรับปรุงบริการการท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวและราคาอาหารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยรัฐบาลคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ประมาณ 4.7 ล้านคนและสร้างรายได้มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_eyes_275.php

แขวงไชยบุรีจะจัดเทศกาลข้าวประจำปี 63

เทศกาล Kong Khao Yai (เทศกาลข้าว) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-12 มกราคมที่แขวงไชยบุรี Ms.Sengaphone Keobuahome รองผู้ว่าการอำเภอกล่าวว่าในปีนี้เทศกาลจะมีกิจกรรมที่หลากหลายผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ตงเหลียงและเพลิดเพลินกับกิจกรรมดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ นอกจากนี้จะมีการจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าว ซึ่งแขวงไชยบุรีเป็นภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงในด้านนาข้าวและเก็บเกี่ยวได้มากมายในแต่ละปี ไชยบุรีได้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากรวมถึงคุณภาพการบริการโดยหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นและสร้างรายได้สำหรับแขวงโดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ประชาชนมากกว่า 3.4 ล้านคนเดินทางไปพักผ่อนในสปป.ลาวเพิ่มขึ้น 11%

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Xayaboury_275.php

สหภาพยุโรปสนับสนุนการศึกษาและโครงการด้านโภชนาการสปป.ลาว

คณะผู้แทนของสหภาพยุโรป (EU) ได้ย้ำการสนับสนุนสำหรับความพยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาและปรับปรุงระบบการศึกษาและโภชนาการในทุกพื้นที่ของสปป.ลาว รวมถึงความช่วยเหลือทางการเงินและทางเทคนิคสำหรับการริเริ่มโครงการเช่นโครงการสนับสนุนการศึกษาขั้นพื้นฐานและโครงการสนับสนุนงบประมาณโภชนาซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่สำคัญและสำคัญมากที่จะช่วยพัฒนาด้านการศึกษาและสุขภาพของคนในประเทศภายใต้งบประมาณจาก EU ถึง 18.8 ล้านยูโรโดยมีกรอบพัฒนาต่อเนื่องไปถึงปี 67 วงเงินถึง 71 ล้านยูโร ในอนาคตจะมีการพัฒนาในสปป.ลาวอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพมนุษย์และด้านโภชนาเพื่อความยั่งยืนด้านอาหาร

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_EU_274.php

รัฐบาลผลักดันแผนพัฒนาปี 63

รัฐบาลจัดประชุมพิเศษเพื่อสร้างพื้นฐานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้มั่นใจว่าการดำเนินการตามแผนพัฒนาแห่งชาติในปี 63 มีประสิทธิภาพจากการเปิดเผยของสื่อจากสำนักนายกรัฐมนตรีประเด็นสำคัญที่กล่าวถึงการระบุถึงการพัฒนาและเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐต้องบรรลุในปี 63 หนึ่งในเป้าหมายหลักของรัฐบาลคือการลดการขาดดุลงบประมาณและในขณะเดียวกันต้องรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงไว้ที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 63 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าที่ผ่านมาโครงการลงทุนขนาดใหญ่จะช่วยรักษาอัตราการเติบโตของ GDP ส่วนดุลการค้าต้องลดการนำเข้าและพึ่งพาการผลิตและบริโภคในประเทศให้ได้  นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาในการปรับปรุงบริการเบ็ดเสร็จเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศรวมถึงในหัวข้ออื่นอีกเช่น การส่งเสริมการผลิตเพื่อการค้าความมั่นคงด้านอาหารการบริโภคสินค้าในประเทศ การบริหารและกฎระเบียบของการนำเข้า โครงการสัมปทานที่ดินและการพัฒนาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_274.php

สปป.ลาว ร่วมมือ UNDP แก้ปัญหาซากระเบิด (UXO) เพื่อการพัฒนาประเทศ

กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมโดยความร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กำลังดำเนินารเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) 18  กล่าวคือชีวิตปลอดภัยจากอาวุธหรือระเบิดที่ตกค้างและยังไม่ระเบิด (UXO) ซึ่งรัฐบาลและ UNDP ได้ทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาภายใต้โครงการนี้จากปี 60 ถึงปี 64 เพราะ UXO ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา และทั้งสองพันธมิตรหารือเพื่อเพิ่มความร่วมมือในปี 63 เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจาก UXO ลดลง จากการเก็บกู้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าชุมชนจะสามารถทำฟาร์มสัตว์ในพื้นที่ปลอดภัยซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและลดความยากจนของประเทศ โดย UNDP จะให้การสนับสนุนเชิงกลยุทธ์แบบเต็มเวลาและการผลิตให้กับ UXO ในรูปแบบที่ปรึกษา แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 ซึ่งจะทำการร่างขึ้นในปีหน้าและจะต้องสอดคล้องกับ SDG18 และวาระ 2030

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos273.php