เมียนมามอบถิ่นที่อยู่ถาวรให้ชาวต่างชาติ 547 คนในรอบสี่ปี

เมียนมาร์ได้ให้ถิ่นที่อยู่ถาวรแก่ผู้สมัครชาวต่างชาติ 514 คนจากทั้งหมด 614 คนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 58 เมื่อมีการเปิดตัว PR อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ออกโดยกระทรวงแรงงาน การประชาสัมพันธ์สำหรับชาวต่างชาติในเมียนมาแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ นักลงทุน มืออาชีพ พลเมืองดั้งเดิมของเมียนมา และอีกหลากหลายเชื้อชาติ สมาชิกสหภาพแรงงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานตรวจคนเข้าเมืองและประชากรและคณะกรรมการพบผู้สมัครแต่ละคนและซักถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลและกฎระเบียบที่กำหนด หลังจากการสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ 20 คนได้รับบัตร อาทิเป็นนักลงทุนคนหนึ่งอายุ 14 ปีชาวเมียนมา

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/permanent-residency-granted-to-547-foreigners-in-over-four-years

การก่อสร้างถนนทวายถึงกาญจนบุรีเริ่มในไม่ช้า

คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายเผยมีการเชิญชวนให้ประกวดราคาโครงการก่อสร้างถนนทวาย – กาญจนบุรีสองเลนจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ซึ่งโครงการถนนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ซึ่งงานก่อสร้างต้องดำเนินโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โครงการจะดำเนินการโดยเร็วที่สุดหลังจากทำสัญญาเงินกู้กับไทย โครงการนี้เป็นการยกระดับถนนลูกรังที่มีอยู่และ Pyidaungsu Hluttaw (สภาสหภาพ) ได้อนุมัติให้กู้ยืมเงินจากไทยคาดว่าจะมีการทำสัญญาเพิ่มเติมในไม่ช้า โดยเงินกู้จะอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท (220.6 พันล้านจัต) เวลา 30 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.1% และปลอดดอกเบี้ยใน 10 ปีแรก แม้ว่าจะมีการลงนามข้อตกลงกับ บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในสร้างเฟสแรก ในปี 51 แต่ได้ระงับในปี 56 เนื่องจากไม่พอใจต่อผลการดำเนินงาน ในปี 58 มีการประกวดราคาและบริษัทอิตาลี – ไทยอีกได้รับเลือกอีกครั้งถึงแม้โครงการจะมีขนาดเล็กลง โครงการคาดว่าจะมี 9 โซนในตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเ ช่น ถนน สิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือ และด้านพลังงานก่อน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/dawei-kanchanaburi-road-construction-expected-start-soon.html

เมียนมาเตรียมเจรจาส่งออกเมล็ดข้าวฟ่างไปยังไทย

ส่งออกของลูกเดือยธัญพืชมายังไทยผ่านชายแดนเมียนมา – ไทยในเมียวดีได้หยุดชะงักลงตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.62 เป็นต้นมา ซึ่งประธานสมาคมการค้าชายแดนเมียวดีกำลังได้คำตอบจากการเจรจาที่ค่ายการค้าชายแดนเพื่อหารือการส่งออกอีกครั้ง หลังพบลูกเดือยธัญพืชประมาณ 100,000 ตันถูกเก็บไว้ที่เขตการค้าชายแดนเมียวดีเนื่องจากมีภัยธรรมชาติและปัญหาการขนส่งจึงไม่สามารถส่งออกได้ตามวันที่กำหนด ปัจจุบันพบว่ากลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) จากไทยมีความต้องการสูงมาก ซึ่งทางสมาคมฯ ได้หารือกับบริษัทใหญ่ๆ ผ่านกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาทางส่งออกธัญพืชที่ถูกกักตุนในเขตการค้าชายแดน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/diplomatic-means-will-be-sought-for-exporting-millet-grains-to-thailand

FDI ในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยวของย่างกุ้งสูงกว่า 230 ล้านเหรียญสหรัฐ

คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวภูมิภาคย่างกุ้งได้อนุญาตให้ก่อสร้างโรงแรมและเกสต์เฮาส์ 21 แห่งมีมูลค่าลงทุนรวม 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงสี่เดือนได้ออกใบอนุญาตโรงแรม 33 ฉบับ ใบอนุญาตโรงแรมชั่วคราวหนึ่งใบ อนุญาตเกสต์เฮาส์ 8 ใบ อนุญาตสำหรับการก่อสร้างโรงแรม 18 แห่งจำนวน 2,136 ห้อง ใบอนุญาติก่อสร้างเกสต์เฮาส์ 3 แห่ง ใบอนุญาตทัวร์ขาเข้า 276 ใบ ใบอนุญาตทัวร์ขาออก 121 ใบและใบอนุญาตไกด์นำเที่ยว 218 ใบ การลงทุนรวมสูงถึง 114,924 ล้านจัตและ 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐและสามารถสร้างงานใหม่ถึง 2,691 ตำแหน่ง ย่างกุ้งคิดเป็น 70% ของการลงทุนทั้งหมดในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว ในช่วงปลายเดือน ส.ค.อนุญาตให้มีการลงทุนรวม 26,674 ล้านจัต สามารถสร้างงานได้ถึง 335 อัตรา

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/total-fdi-at-hotel-and-tourism-sector-in-yangon-hits-over-230-m-usd

นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมียนมาเพิ่มขึ้น

รายงานของกระทรวงแรงงาน นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมียนมามากขึ้นหลังยกเลิกวีซ่าและเพิ่มตารางเที่ยวบินใหม่ระหว่างเมืองต่างๆ ในจีนและย่างกุ้ง พบว่าเจ็ดเดือนแรกของปี 62 เพิ่มขึ้น 151% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วคิดเป็นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 80% และญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งนักท่องเที่ยวจีน 380,000 คน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 69,000 คนและนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 67,000 คน จากประกาศของกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว เมียนมากมีแผนที่จะออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากอิตาลี สเปน ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และรัสเซียในวันที่ 1 ต.ค. เป็นระยะเวลาหนึ่งปีเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/more-chinese-tourists-visit-myanmar

สภาผู้แทนราษฎรเมียนมาเตรียมคว่ำบาตรโรงงานเหล็ก

จากข้อมูลสภานิติบัญญัติของเมียนมา (Pyithu Hluttaw) ผู้บริหารที่มีหนี้ค้างชำระจำนวนเงินรวม 50.50 พันล้านจัต (5.97 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กในเมืองมยินจานที่มีรัฐเป็นเจ้าของกิจการ ควรได้รับการลงโทษจากการใช้จ่ายมากจนเกินไป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมืองปุแล่ ในเขตสะกาย กล่าวว่าการไม่ชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 59-60 นั้นชัดเจนว่าเป็นการละเมิดกฎและระเบียบทางการเงินของรัฐบาล ทีมสอบสวนถูกตั้งขึ้นหลังจากคณะกรรมการพบว่ารัฐบาลจ่ายเงินจำนวน 7.13 พันล้านจัตสำหรับหนี้ 9.50 พันล้านจัตโดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเมียนมา

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/lawmaker-seeks-sanctions-against-steel-factory.html

อสังหาฯ มาเลเซียลงทุนโครงการสร้างบ้านในย่างกุ้ง 624 ล้านเหรียญ

เบอร์จายา แลนด์ บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซียเริ่มลงทุนสร้างบ้านอัจฉริยะและราคาไม่แพงมากในกรุงย่างกุ้งเริ่ม ม.ค.ปี 63 มูลค่าของโครงการอยู่ที่ 624 ล้านเหรียญสหรัฐบนพื้นที่ 74 เฮกตาร์ และดำเนินการเป็น 3 เฟสในหกปี โครงการจะประกอบด้วย 10,000 ยูนิต เป้าหมายคือผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในราคาไม่สูงนัก แต่แบ่งพื้นที่สำหรับค้าปลีกประมาณ 1.2 ล้านตารางฟุต เบอร์จายา แลนด์ ยังเชิญชวนหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาลและโรงเรียนนานาชาติให้ใช้พื้นที่ นี่เป็นโครงการแรกของ เบอร์จายา แลนด์ ที่ร่วมทุนกับรัฐบาลเมียนมา ที่มา:https://www.mmtimes.com/news/malaysian-developer-build-624m-housing-project-yangon.html

KBZ Group ยกระดับสนามบินเฮโฮเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่สี่

กลุ่ม KBZ เตรียมยกระดับสนามบินเฮโฮในรัฐฉานเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่สี่ของพม่านาย Kyaw Han ในปัจจุบันมีสนามบินนานาชาติสามแห่งในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์และเนปิดอว์ และมีความพยายามที่จะเปลี่ยนสนามบินเฮโฮเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่สี่ Kyaw Han หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ MAI และ Air KBZ บอกว่าแผนดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมากเดินทางมาที่สนามบินเหอโฮในรัฐฉาน สำหรับระยะแรกในการยกระดับสนามบินภายในประเทศสามแห่งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่าย 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับสนามบินเฮโฮ 36 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐสำหรับเกาะสอง และ 20 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับสนามบินเมาะลำเลิง

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/kbz-group-to-upgrade-heho-airport-into-fourth-international-airport

ค้าชายแดนมูเซเริ่มเป็นปกติแต่ปริมาณซื้อขายยังไม่มากนัก

การค้าชายแดนสำคัญของเมียนมา – จีนที่เขตมูเ 105 ไมล์ตอนเหนือของรัฐฉานกลับมาค้าขายได้แล้วแต่ยังมีมูลต่ามากนักเมื่อเทียบกับก่อนที่การโจมตีของกลุ่มชาติพันธ์ในหลายพื้นที่โดยผู้ก่อความไม่สงบช่วงกลางเดือนสิงหาคมาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. เป็นต้นมา มูลค่าการค้าต่อวันอยู่ที่ 700,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งก่อนหน้าจะอยู่ที่เฉลี่ย 6 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน และการโจมตีดังกล่าวรถบรรทุกสินค้าถูกทิ้งไว้ในเส้นทางมัณฑะเลย์ – มูเเซหลัง ปริมาณการซื้อขาย ณ ด่านมูเซ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนการค้าชายแดนที่ชินฉ่วยฮ่อ แต่ก่อนมูลค่าการค้าเฉลี่ย 3 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันลดลงมาอยู่ที่ 500,000 เหรียญสหรัฐ การต่อสู้ทางตอนเหนือของรัฐฉานทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักเนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและโลจิสติกส์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะมีการก่อสร้างถนนและสะพานอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้มากนักจึงจำเป็นต้องเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และการวางแผนและการเงินได้หารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหา กลุ่มก่อความไม่สงบเริ่มโจมตีเขตมูเซ 105 ไมล์ ในช่วงปลายปี 59 ทำให้กิจการร้านค้าจำเป็นต้องหยุดชะงักลงเป็นเวลากว่า 10 วัน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/muse-trading-resumes-volume-tepid.html

รัฐบาลเมียนมาเสนอเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้า

รัฐบาลมีแผนที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้าเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป กระทรวงพาณิชย์เสนอโครงสร้างค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในอัตราใหม่เป็น 30,000 ถึงสูงสุด 90,000 จัต จากปัจจุบันที่ 250 ถึง 50,000 จัต สำหรับปีงบ 61-62 ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. คาดมีรายได้ 4.167 พันล้านจัต และปัจจุบันรวบรวมได้ 3.854 พันล้าน ณ 18 ส.ค.62 การนำเข้าลดลงจากไตรมาสต่อไตรมาสตั้งแต่สิ้นปีงบประมาณ 60-61 แสดงในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 61-62 โดยสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแนวโน้มลดลง การนำเข้าเกือบเก้าในสิบมาจากจีน สิงคโปร์ ไทย ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และเกาหลีใต้ โดยการส่งออก 10 อันดับแรกจากปีที่แล้วเป็น เชื้อเพลิง แร่รวมถึงน้ำมัน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า ผลผลิตที่ได้จากสัตว์และผัก เส้นใยที่มนุษย์สร้างขึ้นและผ้า การนำเข้าเหล่านี้คิดเป็น 57.4% โดยมูลค่าเงินเหรียญสหรัฐจากการนำเข้าทั้งหมดสำหรับปี 61 อยู่ที่ 24.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/government-proposes-raise-import-licensing-fees.html