กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชากล่าวถึงผลกระทบจากไวรัสต่ออุตสาหกรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างการระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบันกับการระบาดของโรคที่ติดต่อกับทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARs) ที่เกิดขึ้นในปี 2546 ที่ได้ทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย โดยกัมพูชาประสบกับปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างมากในช่วงการระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 และเห็นปฏิกิริยาคล้ายๆกับไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน ซึ่งกระทรวงคาดการณ์ว่ากัมพูชาจะประสบกับการลดลงของนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน ในปีนี้ส่งผลให้สูญเสียรายได้ประมาณ 10% สำหรับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว 6.6 ล้านคน ในปี 2562 เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน สร้างรายได้ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐและคิดเป็น 12% ของจีดีพีของประเทศ กระทรวงยังกล่าวอีกว่ากัมพูชายังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอกเนื่องจากสงครามการค้าของจีนและสหรัฐฯและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีรายงานหนึ่งสรุปประมาณการณ์ความเสียหายจากไวรัสคิดเป็น 0.1% ถึง 0.4% ของ GDP โลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699503/minister-of-tourism-says-virus-will-be-as-bad-if-not-worse-than-sars-was-for-industry

MOT กัมพูชาเปิดเผยแผนการสนันสนุนการเดินทางภายในประเทศ

กระทรวงการท่องเที่ยว (MOT) กำลังวางแผนที่จะจัดทำแพคเกจทัวร์ราคาประหยัดใหม่เพื่อสอดรับกับการชะลอตัวลงของภาคการท่องเที่ยวในประเทศท่ามกลางสถานการณ์การระบาด COVID-19 ที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ปัจจุบันเพื่อให้การเดินทางภายในประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยแพ็คเกจทัวร์นี้จะช่วยให้ประหยัดได้ในระหว่าง 20% ถึง 30% สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งโฆษกเปิดเผยว่ากระทรวงกำลังทำงานกับชุดบริการในภาคเอกชนรวมถึงโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และบริษัทขนส่ง เพื่อการพัฒนาแพคเกจทัวร์ราคาประหยัดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเติบโตของนักท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันการระบาดของ COVID-19 ส่วนใหญ่เกิดในประเทศจีนและไม่มีข้อบ่งชี้ว่าไวรัสจะหยุดแพร่กระจายในเร็วๆนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเมื่อปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.6 ล้านคน (ซึ่งสร้างรายได้ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 11.5 ล้านคน อาจจะลดลงเป็นอย่างมากในระยะไม่กี่เดือนข้างหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699506/mot-unveils-their-plan-to-encourage-domestic-travel

ธนาคารกรุงศรีจับตามองโอกาสการลงทุนเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในกัมพูชา

กรุงศรีฟินโนเวตซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุน (CVC) ภายใต้ Bank of Ayudhya (BAY) วางแผนที่จะลงทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการเริ่มต้นธุรกิจสามแห่งในช่วงครึ่งแรก โดยกรุงศรีฟินโนเวตมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของธนาคารในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้ทันต่อยุคสมัย ซึ่งบริษัทกำลังเจรจากับ บริษัทสตาร์ทอัพไทยหลายแห่ง โดยหัวหน้าฝ่ายธนาคารดิจิทัลและนวัตกรรมของธนาคารกรุงศรีคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงภายในเดือนมิถุนายน ซึ่งการทำการ CVC มีเงินทุนเริ่มต้นอยู่ที่ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อรวมเข้ากับบริษัทในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบางส่วนของเงินทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐจะถูกนำไปลงทุนใน Grab ภายใต้บริษัทแม่ของ Mitsubishi UFJ Financial Group Inc. และตัวอย่างการลงทุนของกรุงศรีฟินน์โนเวตเมื่อเร็วๆนี้ คือ Baania ที่ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลสำหรับการจัดหาเงินทุนล่วงหน้าได้ รวมถึงการลงทุนที่คาดหวังใน บริษัท agritech ในท้องถิ่นจะมีส่วนร่วมสนับสนุนลูกค้าของธนาคารในภาคเกษตรด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในด้านการเกษตรเป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699368/krungsri-finnovate-of-thailand-eyes-investment-opportunities-in-tech-startups-in-cambodia

การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง SECC กัมพูชา และ BEST

สมาคมเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์และบล็อคเชน (BEST) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (SECC) เพื่อร่วมมือกันพัฒนา fintech, blockchain และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ต่างๆในประเทศกัมพูชา โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้รับการลงนามโดยอธิบดี SECC, Mr. Sou Socheat และ Mr. Charles Ong ประธานของ BEST ซึ่ง BEST เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่จดทะเบียนโดยมีตัวแทนอยู่ในประเทศกัมพูชาและมาเลเซียจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนา blockchain และให้คำปรึกษาด้าน fintech ทั่วเอเชียก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 292 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ภายใต้ MoU นี้ SECC และ BEST จะร่วมกันสร้างสิ่งขับเคลื่อนเพื่อให้คำแนะนำที่จำเป็นเกี่ยวกับ fintech, blockchain และเทคโนโลยีใหม่ๆแก่ SECC The Fintech Times

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699361/mou-between-securities-and-exchange-commission-of-cambodia-and-best-blockchain-advisory-inked

การระบาดของ Covid-19 อาจส่งผลต่อรายรับการจัดเก็บภาษีของกัมพูชา

กรมสรรพากร (GDT) กล่าวถึงการระบาดของ COVID-19 ที่อาจจะส่งผลต่อการลดลงของรายได้จากเก็บภาษีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเป้าหมายของภาครัฐในการเก็บภาษีปีนี้อยู่ที่ 2,886 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกรมสรรพากรกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะไม่ทราบว่าการระบาดของ COVID-19 จะสิ้นสุดลงอย่างไร ซึ่งรัฐบาลให้ความสนใจเป็นพิเศษกับผลกระทบจากไวรัสที่กำลังเผชิญอยู่ทั้งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการผลิตเสื้อผ้าของประเทศ โดยรัฐบาลได้ใช้มาตรการในการจัดการสถานการณ์ในภาคที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามตัวเลขจากกระทรวงการท่องเที่ยวล่าสุด (MOT) ในปี 2562 กัมพูชามีรายได้จากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศราว 4.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.4% จากปีก่อน แต่อย่างไรก็ตาม MOT กำลังคาดการณ์ผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ว่าจะทำให้รายได้นั้นลดลงเป็นอย่างน้อย 10% ส่วนในมาตรการอื่นๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางการเงินรัฐบาลได้ตัดสินใจยกเลิกภาษีตราประทับ 4% สำหรับทรัพย์สินที่อยู่อาศัยทั้งหมดภายใต้เงื่อนไขมูลค่าสินทรัพย์ไม่เกิน 70,000 เหรียญสหรัฐจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50698138/covid-19-scuppers-kingdoms-taxman

กัมพูชาขาดดุลทางการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 7.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ

การขาดดุลทางการค้าของกัมพูชาระหว่างประเทศคู่ค้าทั่วโลกขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2562 โดยขาดดุลมากกว่า 7.66 พันล้านเหรียญสหรัฐจากรายงานของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจาก 4.83 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 คิดเป็นขาดดุลเพิ่มขึ้น 31.6% จากรายงานที่เผยแพร่ของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ร่วมกับกรมศุลกากรและสรรพสามิตระบุว่ากัมพูชานำเข้า 22.19 พันล้านเหรียญสหรัฐของการนำเข้าในปีที่ การส่งออกของกัมพูชาอยู่ที่เพียง 14.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปีเดียวกัน โดยผลิตภัณฑ์หลักของกัมพูชาในการส่งออก คือ สิ่งทอ, รองเท้า, ข้าวสารและจักรยานไปยังห้าประเทศหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เยอรมนี, จีนและสหราชอาณาจักร ซึ่งการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปคิดเป็น 56.67% ของการส่งออกทั้งหมดขณะที่การส่งออกสิ่งทอและรองเท้าคิดเป็น 8.91% และ 8.72% ตามลำดับ การส่งออกข้าวสารคิดเป็น 2.89% และ จักรยานอยู่ที่ 2.88% โดยสินค้านำเข้าเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับภาคตัดเย็บเสื้อผ้า, ยานพาหนะ, น้ำมันปรุงอาหารและวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่มาจากจีน, ไทย, เวียดนาม, ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50698301/cambodias-trade-deficit-widens-to-7-66-billion

กัมพูชามองถึงการเติบโตด้านการท่องเที่ยวหลังสิ้นสุดการระบาด Covid-19

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนกัมพูชาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากสิ้นสุดการระบาดของ COVID-19 โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชาได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยรัฐบาลได้มีการแนะนำมาตรการและแผนงานเพื่อฟื้นฟูภาคต่างๆโดยเฉพาะในจังหวัดเสียมราฐ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชา ซึ่งในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในกัมพูชาลดลงถึง 15% เมื่อปีที่แล้วภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาเติบโตถึง 6.6% คิดเป็น 6.6 ล้านคน โดยมีรายรับจากภาคการท่องเที่ยวถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวคือ COVID-19 จะลดจำนวนนักท่องเที่ยวลงในปีนี้ประมาณไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซนและรัฐมนตรีต่างประเทศของกระทรวงการท่องเที่ยวเรียกร้องให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นเพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50698040/cambodia-optimistic-of-exponential-tourism-growth-and-foreign-arrivals-after-end-of-covid-19

ทางหลวงสู่สีหนุวิลล์แล้วเสร็จไปกว่า 20%

โครงการทางด่วนแห่งแรกในกัมพูชาเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลวงกรุงพนมเปญกับสีหนุวิลล์ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว 20% นับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้วตามรายงานจากกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) สร้างโดย China Road และ Bridge Corp (CRBC) ซึ่งเป็นของรัฐผ่านบริษัทย่อยของบริษัท PPSHV Expressway Co Ltd. โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายของโครงการจะมีมูลค่าประมาณ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ระยะทางทอดยาว 190 กิโลเมตร ความกว้าง 24.5 เมตร ซึ่งถือเป็นพื้นฐานในการให้บริการอุตสาหกรรมที่ทันสมัยของประเทศและอำนวยความสะดวกในกิจกรรมการขนส่งระหว่างประเทศ การก่อสร้างทางด่วนเป็นไปตามวัตถุประสงค์การรวมตัวของภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งในระดับภูมิภาคจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง โดยทางหลวงใหม่นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งของกัมพูชาควบคู่ไปกับการพัฒนาโลกาภิวัตน์ ซึ่งการพัฒนาทางพิเศษเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Belt and Road” ของรัฐบาลจีนครอบคลุมเกาะเทียมในศรีลังกา สะพานในบังคลาเทศและโครงการไฟฟ้าพลังน้ำทั้งในเนปาลและอินโดนีเซีย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50697727/billion-dollar-highway-to-sihanoukville-20pct-ready

รัฐบาลกัมพูชาเร่งพัฒนาจุดผ่านแดนและจุดตรวจตามชายแดนจากปัญหาความแออัด

รัฐบาลกัมพูชาได้ผลักดันให้มีการดำเนินการตามจุดผ่านแดนและจุดตรวจตามชายแดนไทยและเวียดนามเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนมากขึ้นตามนโยบายที่กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินได้ตั้งไว้ โดยกระทรวงกล่าวว่าหลังจากสะพานสึบาสะ (หรือที่รู้จักในชื่อสะพาน Neak Loeung) เสร็จสิ้นปริมาณการขนส่งและการจราจรข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชากับเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีเพียงเส้นทางเดียวสำหรับการข้ามระหว่างสองประเทศจึงมีความแออัดอย่างมากเนื่องจากทั้งสินค้าและผู้โดยสารไม่สามารถแยกออกจากกันเพื่อคัดแยกการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกัมพูชา ร่วมกับหัวหน้าคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจและการเงินกล่าวในการประชุมว่าด่านปอยเปตจุดข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชากำลังประสบกับความแออัดเช่นกัน จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยสูงถึง 9.41 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงปลายปี 2562 ส่วนการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามมีมูลค่า 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 13.8% จากเดือนมกราคมถึงตุลาคม 2562

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50697464/economy-minister-urges-better-infrastructure-to-prevent-congestion-at-border-crossings

นครวัดกำลังประสบกับปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 37% ใน 2 เดือนแรก

อุทยานโบราณคดีอังกอร์อันโด่งดังของกัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 341,494 คน ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2563 ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอุทยานโบราณคดีสร้างรายได้รวม 16.2 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายตั๋วในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาจากการที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นหลัก ซึ่งการลดลงเนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 โดยรัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะลดหย่อนภาษีสำหรับโรงแรมและเกสต์เฮาส์ในจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือของเสียมเรียบเป็นเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ซึ่งอุทยานโบราณคดีอังกอร์จารึกอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ในปี 2535 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของกัมพูชา โดยค่าธรรมเนียมเข้าชมอยู่ที่ 37 เหรียญสหรัฐ สำหรับการเยี่ยม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50697592/cambodias-famed-angkor-sees-37-percent-drop-in-foreign-tourists-in-first-2-months