สปป.ลาว เปิดรับการค้าออนไลน์มากขึ้น ภายใต้กฎระเบียบอีคอมเมิร์ซที่ยังไม่ชัดเจน

กรมส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว เน้นย้ำถึงความสำคัญของอีคอมเมิร์ซในการเสริมศักยภาพ SMEs แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์ใน สปป.ลาวจะประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ การพึ่งพาโซเชียลมีเดียและการจัดการข้ามพรมแดนอาจมีความเสี่ยง โดยมีการหยิบยกประเด็นต่างๆ เช่น การฉ้อโกงและคุณภาพสินค้า นอกจากนี้ การขาดระบบอีคอมเมิร์ซอย่างเป็นทางการในประเทศลาวยังจำกัดศักยภาพในการเติบโต และการจัดตั้งการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นมาตรฐานในตลาดอีคอมเมิร์ซที่พัฒนาแล้ว ทั้งนี้ การช็อปปิ้งออนไลน์ของ สปป.ลาว มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องพัฒนากฎระเบียบอีคอมเมิร์ซภายในประเทศลาว เพื่อให้แน่ใจว่าการคุ้มครองผู้บริโภคและการเติบโตจะมีความยั่งยืน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/09/laos-embraces-online-shopping-via-social-media-cross-border-innovation/

รัฐบาล สปป.ลาว และภาคเอกชน เดินหน้าโครงการเครดิตคาร์บอนจากป่าไม้

รัฐบาล สปป.ลาว ร่วมมือกับบริษัทเอกชน ริเริ่มโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า โครงการนี้จะครอบคลุมพื้นที่ป่าไม้ 8 แห่ง มีพื้นที่รวมประมาณ 1.4 ล้านเฮกตาร์ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ AIDC Green Forest จะมีการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เพื่อความก้าวหน้าในการซื้อและการขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต นายเพชรสภา ภูมิมาศักดิ์ ประธานโครงการ AIDC Green Forest กล่าวว่า โครงการริเริ่มดังกล่าวจะช่วยปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศและการพัฒนาสังคมโดยรวม นอกจากนี้ยังจะเป็นก้าวสำคัญในการช่วยให้ลาวสามารถซื้อและขายคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้ตามกลไกตลาดของลาวและต่างประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_86_Govt_y24.php

เงินกีบลาวแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทไทย

สปป.ลาว กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากสกุลเงินกีบของประเทศยังคงอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทของไทย แนวโน้มดังกล่าวถือเป็นความท้าทายที่สำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจลาว โดย ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ธนาคารแห่งประเทศลาว (BOL) กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 21,391 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 596.90 กีบต่อหนึ่งบาทไทย อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์ เช่น Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Public (BCEL Bank), Phongsavanh Bank และอื่นๆ กำลังขายในราคาที่แตกต่างกัน โดยเสนอราคา 21,393 กีบต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 657.90 กีบต่อหนึ่วบาทไทย

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/08/lao-kip-hits-record-lows-against-us-dollar-thai-baht/

สปป. ลาว เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีใหม่ 2 กระทรวง

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยรัฐบาลระบุว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำในแต่ละกระทรวงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อกำหนดการทำงานใหม่ๆ โดย รศ.ดร.ลิงคำ ดวงสะหวัน อดีตเลขาธิการรัฐสภา ดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงเกษตรและป่าไม้ แทน ดร.เพชร พรหมพิภาค และ ดร.เพชร รับตำแหน่ง รมว. กระทรวงการวางแผนและการลงทุนใหม่ นายกรัฐมนตรี โสเนกชัย สีพันโดน ซึ่งเป็นสมาชิกกรมการเมือง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงผู้นำในพรรค รัฐบาล และองค์กรมวลชนถือเป็นเรื่องปกติของบุคลากรพรรค การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่และคำนึงถึงความสามารถเฉพาะของรัฐมนตรีแต่ละคนที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดในการทำงาน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_85_Two_y24.php

สปป. ลาว เผยไตรมาสแรกปี 67 มียอดนักท่องเที่ยวแล้ว 1 ล้านคน

กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว เผยจำนวนนักท่องเที่ยวช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 1 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนมากที่สุดกว่า 337,689 คน รองลงมาคือชาวเวียดนาม จำนวน 263,160 คน ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลีใต้ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ รัฐบาล สปป.ลาว ตั้งเป้าที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 4.6 ล้านคนในปี 2567 และคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สปป.ลาว จึงพร้อมที่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/02/laos-welcomes-over-1-million-tourists-in-first-quarter-of-2024/

ธนาคารโลก คาดการณ์ GDP สปป.ลาว เติบโตได้ 4% ในปีนี้

เว็บไซต์ของธนาคารโลก เผยแพร่บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ เมื่อมองไปข้างหน้าถึงปี 2567 คาดว่า GDP จะขยายตัว 4% โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตด้านบริการและการลงทุนในภาคพลังงานและเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆ เช่น การอ่อนค่าของเงินกีบ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และความจำเป็นในการชำระหนี้ต่างประเทศที่สูง คาดว่าจะยังคงมีอยู่ ทั้งนี้ ข้อแนะนำเพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ ธนาคารโลกได้แนะนำให้ สปป.ลาว จัดลำดับความสำคัญของการปฏิรูปในด้านที่สำคัญ เช่น การจัดการหนี้ การระดมรายได้ การจัดการการลงทุนสาธารณะ เสถียรภาพของภาคการเงิน และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ แม้ว่าการปฏิรูปรายได้เมื่อเร็วๆ นี้มีแนวโน้มที่ดี แต่รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งปฏิรูปเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคเท่านั้น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/04/30/lao-economic-growth-remains-below-2019-levels-world-bank-report-reveals/

ธนาคารแห่ง สปป. ลาว เตือนเรื่องธนบัตรปลอมระบาด

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้ออกคำเตือนประชาชนให้ระวังธนบัตรปลอม ฉบับ 50,000 กีบ ปี 2547 ในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ โดยเฉพาะแขวงบ่อแก้ว โดยธนบัตรปลอมที่ทางการตรวจพบมีการระบุหมายเลขซีเรียลจากรหัส AZ 0218001 ถึง AZ 0218999 ธนบัตรปลอมพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์พิเศษ และมีลวดลายสีสันสดใสคล้ายกับธนบัตร 50,000 กีบดั้งเดิมของปี 2547 ดังนั้นก่อนที่จะรับและชำระเงินด้วยธนบัตร 50,000 กีบของปี 2547 ประชาชนควรตรวจสอบรายละเอียดของธนบัตรให้ละเอียดก่อน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งการตรวจพบธนบัตรปลอมได้ที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยธนาคารแห่ง สปป.ลาว ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายอย่างรวดเร็ว เพื่อดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่สร้างความโกลาหลและฝ่าฝืนกฎหมายด้วยการนำเข้าธนบัตรปลอมมาในระบบการเงิน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_81_Central_y24.php

ญี่ปุ่นสนับสนุงบปรับปรุงถนน-สะพานเส้นทางหมายเลข 13, 11 และ R2 ใน สปป.ลาว

รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ สปป.ลาว ในการซื้ออุปกรณ์และยานพาหนะมูลค่า 1,500 ล้านเยนญี่ปุ่น หรือประมาณ 9.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซ่อมแซมถนนและสะพานในพื้นที่ยุทธศาสตร์ เงินช่วยเหลือนี้จะนำไปใช้ในการปรับปรุงถนนและสะพานในเส้นทางหมายเลข 13, 11 และ R2 ทางตอนเหนือของลาวและถนนอื่นๆ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมโยงที่สำคัญไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ได้กล่าวระหว่างพิธีลงนามฯ ว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญต่อความก้าวหน้าทางสังคมและเศรษฐกิจของทุกประเทศ รัฐบาล สปป.ลาว ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะถนน เนื่องจากเป็นเส้นทางคมนาคมหลักของประเทศในกรณีที่ไม่มีท่าเรือทางทะเล ซึ่งจะส่งเสริมการขนส่ง การค้า และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอย่างมาก ตลอดจนกระตุ้นการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของลาว ทำให้ชาวลาวสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_80_Japan_y24.php

รัฐบาล สปป.ลาว ออกมาตรการเข้มแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาล สปป.ลาว ได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการคุมเข้าการเพาะปลูก ไม่ให้เผาเศษซากพืชในที่ที่โล่งแจ้ง ซึ่งทำให้เกิดหมอกควันในปัจจุบัน ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่หน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นจะต้องทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหานี้ โดยสั่งการให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยกระดับการป้องกันภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนที่เกิดจาก PM2.5 เนื่องจากตัวชี้วัดคุณภาพอากาศบ่งชี้ว่าระดับฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายอยู่ในระดับสูงมากถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีความหนาแน่นของอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากในอากาศ ซึ่งสามารถเข้าสู่ส่วนลึกของปอด ทำให้เกิดหรือทำให้โรคทางเดินหายใจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติให้เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มการเก็บรายได้สูงสุด และปรับปรุงระบบจัดเก็บรายได้ให้ทันสมัย ​​อุดช่องโหว่ที่ทำให้สูญเสียรายได้ พร้อมยึดนโยบายเข้มงวด รวมถึงการใช้เงินตราต่างประเทศอย่างประหยัด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_80_Cabinet_y24.php

สปป.ลาว – ไทย ผลักดันการเชื่อมเส้นทางขนส่งทางบกให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้า

รัฐบาล สปป.ลาว และไทย วางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการค้าร่วมกัน โดยการสร้างถนนและสะพานเชื่อมเพิ่มเติม รวมถึงสะพานรถไฟพิเศษ ตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศนัดหารือในสัปดาห์นี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของทั้งสองประเทศในการกระชับมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน โดยจะยังคงให้ความร่วมมือในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงในเขตและจังหวัดตามแนวชายแดนลาว-ไทย ตลอดจนความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข เกษตรกรรมและป่าไม้ แรงงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งผนึกกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_79_LaoThailand_y24.php