รัฐคะยาเตรียมสร้างโรงหลอมเหล็ก

เมียนมาและจีนร่วมมือสร้างโรงหลอมโลหะมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในหลอยก่อเมืองหลวงของรัฐกะยาทางตะวันออกของเมียนมา ผอ.ฝ่ายการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) กล่าวว่า บริษัท ร่วมทุน Global Global Industrial Company (GSIC) ได้รับอนุญาตให้สร้างโรงหลอมโลหะในเขตอุตสาหกรรมหลอยก่อ สามารถสร้างงานได้ถึง 500 ตำแหน่ง ในโรงหลอมซึ่งจะใช้ในการหล่อ ดีบุก ทังสเตน และวุลแฟรม คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าให้กับการทำเหมืองในรัฐเนื่องจากโลหะมีค่ามากขึ้นและราคาที่สูงขึ้นของวัตถุดิบ อีกทั้งรัฐบาลยังให้การสนับสนุนโครงการนี้ นับเป็นครั้งที่สองในรัฐคะยาภายหลังจากที่ บริษัท เมียนมาร์โกลเด้นโบนันซ่า ได้รับอนุญาตให้สร้างโรงหล่อ โดยร่วมมือกับ 5 บริษัทในเหมืองแห่งที่ 2 ของรัฐคะยาซึ่งมีรัฐเป็นเจ้าของโดยมี GSIC ร่วมอยู่ด้วย กำลังผลิตทั้งหมดได้ 400 ตัน ตั้งแต่ ต.ค. 61 – มิ.ย. 62 สำหรับการลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กนั้นส่วนใหญ่เป็นเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/kayah-state-get-us50-million-metal-refinery.html

สปป.ลาว คาดความต้องการลิฟต์และบันไดเลื่อนเพิ่มขึ้น

Mitsubishi Electric Corporation ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นได้ตั้งบริษัท ย่อย ใน สปป.ลาว โดยผ่านการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนท้องถิ่นคือ บริษัท Souvanny Home Center Public ตั้งแต่ปี 56 จากข้อมูลพบว่าความต้องการลิฟต์และบันไดเลื่อนต่อปีจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 180 หน่วยในปีงบประมาณสิ้นสุดในมี.ค. 62 เป็นประมาณ 290 ยูนิตในปี 67 ยอดขายจะเพิ่มขึ้นสูงเป็น 3.82 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่พบว่าสปป.ลาวยังคงเป็นตลาดเล็กเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียนซึ่งไทยเป็นผู้นำในด้านรายได้และส่วนแบ่งการตลาด จากรายงานยังระบุว่าการพัฒนาอาคารอัจฉริยะและเมืองสีเขียวสามารถเพิ่มความต้องการลิฟต์ให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งเวียงจันทน์ประกาศแผนที่จะพัฒนาเมืองตามวัตถุประสงค์หกประการหรือ“ ฮกสอ” ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเพื่อความปลอดภัย ความสะอาด พื้นที่สีเขียว แสงสว่างและความทันสมัย การเติบโตของเมืองขนาดใหญ่ในอาเซียนเป็นแนวโน้มทางการตลาดที่สำคัญ เนื่องจากมีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ลิฟต์เพิ่มตามไปด้วย

ที่มา: https://laotiantimes.com/2019/07/17/laos-expects-rising-demand-for-elevators-and-escalators/

เวียดนาม สปป.ลาวส่งเสริมความร่วมมือในการประกันเงินฝาก

ระบบการประกันเงินฝากของเวียดนาม (DIV) และกองทุนป้องกันผู้ฝากเงินในประเทศลาว (DPF) ได้จัดให้มีการเจรจาเพื่อทบทวนความร่วมมือในปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับแผนการความร่วมมือในอนาคตรวมถึงการแก้ไขบันทึกความเข้าใจที่ลงนามแล้ว DIV แบ่งปันประสบการณ์กับ DPF ในการประสานงานและดำเนินงานร่วมกับธนาคารโลกและปรับปรุงด้านอื่น ๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการเป็นหุ้นส่วนกับธนาคารโลก ซึ่ง DPF ต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ของ DIV ในการจัดการเงินทุนการเก็บรวบรวมข้อมูลการจัดการและการจัดเรียงข้อมูลและระบบเครือข่ายภายในและการจัดการทรัพยากรมนุษย์ DPF เสนอให้ทั้งสองฝ่ายยังคงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการประกันเงินฝากในปี 63 โดยให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการกำกับดูแลของธนาคารสมาชิก  และ DPF ยังร่วมมือกับ DIV เพื่อจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดการกองทุนคุ้มครองเงินฝากและสร้างความตระหนักของประชาชนด้วยวิทยากรจาก DIV

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-laos-foster-cooperation-in-deposit-insurance/156238.vnp

การส่งออกยางพาราเพิ่มขึ้น 24% ในครึ่งแรกของปี

กัมพูชาส่งออกยางได้ 104,261 ตันในช่วงครึ่งแรกของปีเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนปีนี้การส่งออกยางมีมูลค่าประมาณ 139 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการขายยางตันละประมาณ 1,339 เหรียญสหรัฐ ซึ่งการส่งออกจะได้รับการรายงานน้อยกว่าความเป็นจริงเพราะเกษตรกรขายผลผลิตใน Grey market เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เนื่องจากการขาดแคลนแรงงานและราคาที่ลดลงในตลาดต่างประเทศเกษตรกรและนักลงทุนปฏิเสธที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูก จำนวนเฮกตาร์ที่ใช้สำหรับการทำสวนยางยังคงเหมือนเดิมในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวน 436,357 เฮคเตอร์ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกยางได้ 210,000 ตัน สร้างรายได้ประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50624770/rubber-exports-up-24-percent-in-first-half-of-the-year/

กระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชาเปิดตัวแอปพลิเคชั่นการท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นมือถือที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกัมพูชาได้อย่างรวดเร็ว แอปพลิเคชั่นนี้ถูกเรียกว่า “Kingdom of Wonder” โดยได้มีการสัมมนาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกัมพูชาด้วยระบบดิจิทอล ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวเป็นประธานในพิธี โดยแอปจะช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับกัมพูชาที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องรู้เพื่อเตรียมตัวการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงประวัติ ภาษา ภูมิอากาศ ศาสนา และประชากร นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำเหตุการณ์ในประเทศและเทศกาลที่พักร้านอาหารตัวเลือกการขนส่งแลกเปลี่ยนเงินตราสถานทูตและเที่ยวบิน สามารถใช้ได้สำหรับ Android และ iOS

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50625009/ministry-launches-tourism-app/

หอค้าไทยรอพบ รมว.พณ.ใหม่ หารือพลิกแผนฟื้นส่งออก ห่วงค่าแรง 400 กระทบเอสเอ็มอี

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าไทยและประธานกรรมการบริษัท ศรีไทยซูเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความชัดเจนแล้วแต่ภาคเอกชนยังรอการแถลงนโยบายของรัฐบาล และตรียมเข้าพบ รมว.กระทรวงพาณิชย์เพื่อเสนอแนวทางให้ผลักดันผ่านสมุดปกขาวที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยอยากให้หาตลาดส่งออกใหม่ ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน หนุนการลงในต่างประเทศของผู้ประกอบการ ส่วนนโยบายค่าแรง 400 บาทต่อวัน อาจปรับได้ไม่เร็วนักเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวและธุรกิจต้องปรับตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ SME โดยตรงเพราะใช้แรงงานเยอะส่งผลต่อต้นทุนที่สูงขึ้น ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ต้องปรับตัวมากขึ้นเพราะใช้เครื่องจักรและระบบอัตโนมัติมาทดแทนแรงงาน

ที่มา: https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1581567

โอกาสทางการค้าการลงทุนจากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนาม-รัสเซีย

จากคำแถลงของพรรคสหรัสเซีย (The United Russia Party: ER) เกี่ยวกับการลงนามข้อลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนาม และรัสเซีย ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเวียดนาม (VNA) ในวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ นครวลาดิวอสต็อก (Vladivostok) โดยให้ประเด็นที่น่าสนใจว่าเวียดนามเป็นประเทศแรกที่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) และรัสเซีย ซึ่งทางผู้นำของรัสเซียให้ความสนใจกับเขตสหพันธ์ตะวันออกไกล และพร้อมให้โอกาสกับต่างชาติในการลงทุนในเขตภูมิภาคนี้ รวมไปถึงความพร้อมของสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์ต่อกิจกรรมการลงทุนจากต่างชาติ ทั้งด้านกฎหมาย ภาษีและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เป็นต้น จากสถิติการลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีโครงการใหม่กว่า 1,600 โครงการ ด้วยมูลค่ารวม 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถสร้างงานประมาณ 37,000 ตำแหน่งอีกด้วย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/bright-prospects-for-vietnamrussia-cooperation-highlighted/156083.vnp

โครงการท่าเรือคาลาดันเชื่อมเมียนมา – อินเดีย เสร็จสมบูรณ์

จากข้อมูลของสถานทูตอินเดียเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ณ เมืองย่างกุ้ง การก่อสร้างท่าเรือน้ำของซิตตเวและปะและวะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการขนส่งหลายรูปแบบระหว่างเมียนมากับรัฐบาลอินเดียในโครงการ Kaladan Multi-Modal โดยใช้งบลงทุน 484 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะเชื่อมโยงกัลกัตตาไปยังซิตตเวในรัฐยะไข่แล้วเชื่อมโยงซิตตเวผ่านเส้นแม่น้ำไปยังปะและของรัฐชินถึง เมือง Zorinpui ในรัฐมิโซรัมทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียได้แล้วเสร็จลง ทั้งนี้รัฐบาลอินเดียยังได้เชิญองค์กรหรือบริษัทที่สนในลงทุนด้านท่าเรือการซ่อมบำรุง ส่วนถนนของโครงการจากปะและวะ ถึงเมือง Zorinpui ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะช่วยสนับสนุนการค้าทวิภาคีระหว่างเมียนมาและอินเดีย โครงการนี้เริ่มในปี 2551 จากการลงนามในข้อตกลงของทั้งสองประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/kaladan-projects-port-and-river-terminal-completed.html

การปล่อยสินเชื่อของธนาคารชะลอตัวท่ามกลางการชะลอตัวทางเศรษฐกิจใน สปป.ลาว

การอัดฉีดสินเชื่อของธนาคารเข้าสู่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัวแม้จะมีมาตรการของรัฐบาลในการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนสำหรับภาคเอกชน จากรายงานของรัฐบาลการเติบโตของสินเชื่อชะลอตัวลงเหลือ 3.13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้คิดเป็นเพียง 46.32 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี การเติบโตของสินเชื่อ ต่ำกว่าเป้าหมาย 55% ของจีดีพีที่ได้รับอนุมัติจากสมัชชาแห่งชาติและหลังจากจุดสูงสุดเมื่อหลายปีก่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุนมีสาเหตุมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่ลดลงเป็น 3 ปัจจัย สิ่งแรกคือเงินทุนไม่เพียงพอโดยธนาคารพาณิชย์บางแห่งและแนวทางปฏิบัติในการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ ธนาคารบางแห่งมีหนี้สินมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประการที่ 2 ธนาคารของรัฐทั้งสองมีผลงานไม่ดีและไม่สามารถแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์เอกชนได้และปัจจัยที่ 3 เกี่ยวข้องกับผลกระทบของการปล่อยสินเชื่อนอกระบบ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/bank-lending-slows-amid-economic-downturn-laos-100123

กัมพูชาเตรียมใช้ร่างกฎหมายอีคอมเมิร์ซเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

คณะรัฐมนตรีกัมพูชาได้อนุมัติร่างกฎหมายสองฉบับซึ่งเป็นร่างยุทธศาสตร์ระดับชาติสำหรับการรวมกันทางการเงินและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการโดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 140 เมกะวัตต์ ซึ่งร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคและอีคอมเมิร์ซเป็นหนึ่งในร่างกฎหมายที่ได้รับการอนุมัติในระหว่างการประชุมโดยคณะรัฐมนตรีในวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้เป็นประธาน แถลงข่าวรายละเอียดผลการประชุมเต็มรูปแบบ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวไม่เพียง แต่ปกป้องผู้บริโภคจากผู้ค้าที่ไม่ซื่อสัตย์ในการขายสินค้าและบริการในราคาที่ไม่เป็นธรรม แต่ยังกำหนดข้อมูลที่จำเป็นจะต้องให้แก่ผู้บริโภคและอนุญาตให้ผู้ควบคุมดูแลเตรียมกฎระเบียบที่เกี่ยวกับมาตรฐานข้อมูลที่ผู้ค้าต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ได้จัดตั้งไว้ ที่มา:https://www.phnompenhpost.com/national/breaking-consumer-protection-e-commerce-draft-laws-adopted