ไทยส่ง ฟู้ดทรัค บุกนอก

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กสอ.เตรียมแผนร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันผู้ประกอบการในคลัสเตอร์ฟู้ดทรัคของไทย ให้มีการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ สู่ต่างประเทศ ผ่านการนำไปร่วมงาน ท็อป ไทย แบรนด์ ที่จะจัดขึ้นในประเทศสปป.ลาวและประเทศกัมพูชา ในปี 62 นี้ ทั้งนี้ กสอ.ยังได้ส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการฟู้ดทรัคมีการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ โดยมีการรวมกลุ่มทั้งจัดทำ ฟู้ดทรัค คลับ ที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าแบรนด์ต่างๆ และการรวมกลุ่มเป็น ฟู้ด ทรัค บิวซิเนส เน็ตเวิร์ค ที่เป็นการรวมกลุ่ม ผู้ประกอบการที่สนับสนุนผู้ทำฟู้ดทรัค ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ประกอบการฟู้ดทรัค ในประเทศไทยจำนวนกว่า 1,500 ราย และมีจำนวนรถยนต์มากกว่า 1,800 คัน โดยส่วนใหญ่กลุ่มฟู้ดทรัค จะเป็นธุรกิจอาหาร เครื่องดื่มเป็นหลัก

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

11/02/62

กัมพูชาพิจารณาติดตั้งระบบ 5G ในนครวัด

รัฐมนตรีกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมสื่อสารกัมพูชา เผย กระทรวงเสนอการติดตั้งระบบไว-ไฟ 5G ในพื้นที่นครวัด ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.เสียม เรียบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชา และชาวต่างชาติ ได้ใช้งานอินเตอร์เน็ต และบริการอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น ขณะที่องค์การอัปสราแห่งชาติอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว

ที่มา : https://www.news1005.fm/view/5c5be200e3f8e40acc8e40aa

08/02/62

ม.หอการค้าไทยชี้ปัญหาฝุ่นพิษ ปล่อยนาน 3 เดือน เศรษฐกิจสูญ 4 หมื่นล้าน

จากการสำรวจวิกฤติปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าประชาชนมีความกังวลว่าปัญหาอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม จากเดิมที่คาดว่าจะยุติลงได้ในกุมภาพันธ์นี้ โดยที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายจากวิกฤติปัญหาเฉลี่ยคนละ 594 บาทต่อเดือน แต่หากยืดเยื้อออกไปถึง 6 เดือน จะเพิ่มเป็นเฉลี่ยต่อคน 802 บาทต่อเดือน สำหรับใช้ในการดูแลสุขภาพ เช่น ซื้อหน้ากากอนามัย และสินค้าที่ดีมีคุณภาพเพื่อดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม หากวิกฤตฝุ่นคลี่คลายลงได้ในกลางเดือนนี้ ความเสียหายจะอยู่ระหว่าง 8,000-10,000 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการซื้อหน้ากากอนามัย ค่ารักษาพยาบาล การนำเข้าหน้ากากรุ่น N95 รายได้จากการท่องเที่ยว งบประมาณของรัฐ และหากยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม มูลค่าความเสียหายจะเพิ่มเฉลี่ย 10,000 – 15,000 ล้านบาท ต่อเดือน หรือรวม 20,000 – 40,000 ล้านบาท

ที่มา : http://www.thansettakij.com/content/385245

06/02/62

หอการค้าไทยหวังเม็ดเงินสะพัดเลือกตั้งดันจีดีพี

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. พบว่าปรับตัวดีขึ้นในรอบ 5 เดือน อยู่ที่ระดับ 80.07 จากความชัดเจนในการกำหนดการเลือกตั้ง ระบุผู้บริโภคระมัดระวังใช้จ่ายกังวลเศรษฐกิจโลก-ไทยชะลอตัวจากปัจจัยลบต่างประเทศ คาดเม็ดเงินสะพัดเลือกตั้งดันจีดีพีไตรมาส 1 โต 3.5-4% แม้ผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ สงครามการค้า ฯลฯ ด้านสินค้าเกษตรยังทรงตัวทำให้ผู้บริโภคระวังในการใช้จ่าย และคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัว 4 – 4.2%

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/691846

06/02/62

ประเทศต่างๆสนใจจ้างแรงงานชาวเวียดนาม

กระทรวงแรงงาน ทุพพลภาพ และสวัสดิการสังคม (MOLISA) เผยรายงานเวียดนามกำลังมองหาตลาดแรงงานใหม่สำหรับแรงงานชาวเวียดนามในปีนี้ นอกเหนือจากตลาดเก่า รวมไปถึงหลายประเทศแสดงความสนใจจ้างแรงงานชาวเวียดนาม ประกอบไปด้วยบางประเทศแถบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง ดังเช่น คูเวตที่ต้องการเซ็นสัญญากับแรงงานชาวเวียดนาม เป็นต้น ในปีที่แล้ว เวียดนามส่งแรงงานไปยังต่างประเทศถึง 140,000 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ซึ่งสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้และเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปี 60

ที่มา : http://vovworld.vn/en-US/news/countries-keen-to-recruit-vietnamese-workers-721899.vov

06/02/62

กฟผ จ่อซื้อ ไฟฟ้าสปป.ลาว 2 โครงการเข้าระบบปีนี้

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เผยในปีนี้ กฟผ.เตรียมรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน จำนวน 3 โครงการ คือ โครงการไซยะบุรี กำลังผลิต 1,220 เมกะวัตต์, โครงการน้ำเงี๊ยบ 1 กำลังผลิต 269 เมกะวัตต์ และโครงการเซเปียน- เซน้ำน้อย กำลังผลิต 345 เมกะวัตต์ แต่ในส่วนของโครงการเซเปียน- เซน้ำน้อยนั้นต้องเลื่อนจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) คาดว่าไม่ทันปีนี้ หลังจากในปีที่ผ่านมาประสบปัญหาเขื่อนดินแตก และทางการ สปป.ลาวอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม คาดว่าการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศในอนาคตส่วนใหญ่ไทยจะยังคงเป็นการรับซื้อจาก สปป.ลาวเป็นหลัก เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมีต้นทุนต่ำอยู่ที่กว่า 2 บาทต่อหน่วย และปัจจุบันประเทศไทยทำสัญญา ซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ประเทศเดียวเท่านั้น ส่วนจีนที่เคยมี ข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้า ปริมาณ 3,000 เมกะวัตต์นั้นได้หมดอายุไปตั้งแต่ปี 61 แล้ว

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

07/02/62

กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75%

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ ร้อยละ 1.75 ต่อปี ตามที่ตลาดคาดการณ์  โดย 2 เสียงเห็นว่าควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 เป็น ร้อยละ 2 ต่อปี ขณะที่มีกรรมการ 1 คน ลาประชุม โดยกนง.มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่องแม้การส่งออกยังมีความเสี่ยง

ที่มา : https://www.news1005.fm/view/5c5a8cd2e3f8e40ace8e36b3

07/02/62

กกร. คาด GDP ไทยปี 62 ขยายตัว 4.0-4.3% เมื่อเทียบกับปี 61 โต 4.1% ห่วงค่าเงินบาทแข็งกระทบส่งออก

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาด GDP ไทยปี 62 ขยายตัวได้ในกรอบประมาณการของ กกร.ที่ร้อยละ 4.0-4.3 จากทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 61 ขยายตัวร้อยละ 4.1 ซึ่งเป็นผลจากตัวเลขไตรมาส 4 ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องส่งออก และการลงทุนภาครัฐ และจากปัญหาสงครามการค้า คาดจะส่งผลให้การส่งออกของไทยในปี 62 อาจขยายตัวชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณการ ที่ร้อยละ 5-7 จากปี 61 ขยายตัว ร้อยละ 6.7 นอกจากนี้ กกร.ยังห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในปีนี้

ที่มา : https://www.news1005.fm/view/5c5a818be3f8e40ac38e3231

07/02/62

 

จ. พะเยา จับมือแขวงไซยะบุลี สปป.ลาว พัฒนาศักยภาพบุคลากรด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยาร่วมกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ ร่วมกันจัดประชุมเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและหน่วยบริการสุขภาพที่ติดอำเภอชายแดนของไทยและสปป.ลาว ระหว่างจังหวัดพะเยากับแขวงไซยะบุลี เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและหน่วยบริการสุขภาพที่ติดอำเภอชายแดนของประเทศไทยและสปป.ลาว ด้านช่องทางเข้า-ออกด่านให้ได้ตามมาตรฐานพ.ร.บ.โรคติดต่อปี 58 และทบทวนข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสถานการณ์โรคในพื้นที่โดยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านสาธารณสุขเฝ้าระวังโรคติดต่อและควบคุมวัณโรคชายแดนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์อาหารผลิตภัณฑ์สุขภาพคุ้มครองผู้บริโภคและพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยเพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพการป้องกันควบคุมโรคอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

ที่มา : www.thainews.prd.go.th

07/02/62

จับประเด็น GPSC เล็งตั้งโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่เมียนมา

บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เผยบริษัทร่วมกับกลุ่ม ปตท.เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปแผนการพัฒนาโครงการ ภายในปี 62 นี้จะมีความชัดเจน โครงการโรงไฟฟ้าที่เมียนมาจะเป็นการร่วมมือกับ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. 1 โครงการ และอีก 1 โครงการ เป็นการร่วมกับธุรกิจก๊าซธรรม ชาติ บมจ.ปตท. ที่มีแผนจัดตั้งคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ภายใต้แผนกลยุทธ์การลงทุนต่อยอด Gas To Power เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของกลุ่ม ปตท. โดยมี GPSC เป็นแกนนำลงทุนธุรกิจไฟฟ้า

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/2950264

06/02/62