ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์กังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดการลงทุนของจีน

คนในวงการอสังหาริมทรัพย์กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการตัดสินใจของจีนในการจำกัดการไหลออกของเงินทุนที่ผลต่อกัมพูชา โดยเมื่อ 2 ปีก่อนจีนได้ดำเนินนโยบายกำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนขาออก เพื่อจัดการเกี่ยวกับการไหลออกของเงินทุนและลดความเสี่ยงต่อระบบการเงินของจีนจากการลงทุนในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งกัมพูชามีจำนวนเงินลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคอสังหาริมทรัพย์กว่า 40% จึงมีโอกาสได้รับผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตามข้อจำกัดด้านเงินทุนที่ไหลออกของจีนอาจจะส่งผลดีเนื่องจากจะเป็นการลดสัดส่วนของเงินทุนไม่ให้ไปอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งมากจนเกินไป โดยตามบทความใน South China Morning Post การลงทุนโดยตรงของจีน (ODI) ลดลง 9.6% มาอยู่ที่ 143.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2018 ซึ่งจากการสำรวจความตั้งใจในการลงทุนของนักลงทุนจีนของ CBRE เมื่อปีที่แล้วการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 80% สู่ 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643320/real-estate-experts-concerned-about-chinas-investment-restrictions/

Kith Meng ได้รับเลือกเป็นประธาน CCC อีกครั้ง

Kith Meng ได้รับเลือกเป็นประธานหอการค้ากัมพูชาด้วยการสนับสนุนจากประธานในจังหวัดต่างๆของกัมพูชา 15 คน โดยจะมีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลของภาคเอกชน ซึ่งคาดหวังว่าประธานสภาจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในหลายภาคส่วนในกัมพูชา เพื่อให้กัมพูชาเป็นเป้าหมายการลงทุนที่ดีของนักลงทุน โดยบทบาทของหอการค้ากัมพูชาคือการพูดในนามของภาคเอกชนในการเจรจากับรัฐบาลและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งความรับผิดชอบหลักคือการจัดการฟอรัมระหว่างภาครัฐและเอกชนซึ่งเป็นกลไกหลักที่รัฐบาลใช้ในการลดอุปสรรคการทำธุรกิจและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643673/kith-meng-re-elected-as-ccc-president/

2 จังหวัดในกัมพูชาได้รับอนุญาตให้ออกใบรับรองแหล่งกำเนิดเพิ่ม

แผนกการค้าในจังหวัด Prey Veng และ Svay Rieng สามารถออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดแบบ ‘D’ ซึ่งเป็นการช่วยให้ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยบริษัทในจังหวัดเหล่านี้สนใจที่จะเข้าร่วมเพื่อจัดส่งสินค้าเกษตรไปยังต่างประเทศ ซึ่งสามารถยื่นขอแบบฟอร์ม ‘D’ ได้โดยตรงในแผนกการพาณิชย์จังหวัด โดยได้รับความสะดวกประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งโดยทั่วไปการขอแบบฟอร์มจะต้องเข้าไปขอที่กระทรวงพาณิชย์ในกรุงพนมเปญ ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ซื้อสินค้าเกษตรจากกัมพูชาจำเป็นต้องมีใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า ตามที่กระทรวงระบุการยื่นแบบฟอร์ม ‘D’ ที่แผนกการพาณิชย์จังหวัดใช้เวลาที่ 16 ชั่วโมงเทียบกับ 10-14 วันหากทำการยื่นคำร้องที่กระทรวงพาณิชย์ในกรุงพนมเปญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643319/two-more-provinces-allowed-to-issue-certificates-of-origin/

โรงไฟฟ้าถ่านหินแรกในเกาะกงของกัมพูชายังไม่ได้ข้อสรุป

นักลงทุนของโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งแรกในเกาะกงยังคงมองหาผู้ซื้อตามที่กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานได้กล่าว โดยในปี 2560 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเริ่มเจรจาเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,400 เมกะวัตต์ในเกาะกง ซึ่งความคืบหน้าของโครงการหยุดชะงักเพราะก่อนหน้านี้นักลงทุนและผู้ซื้อไม่สามารถตกลงเงื่อนไขการซื้อได้ โดยโรงงานแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า 3,600 เมกะวัตต์สำหรับตลาดในประเทศไทยในขณะที่ 200 ถึง 300 เมกะวัตต์จะถูกขายเพื่อการใช้งานในกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาอนุญาตให้นักลงทุนทำการศึกษาความเป็นไปได้หาก บริษัทพบว่ามีศักยภาพในความเป็นไปได้ทางภาครัฐฯยินดีที่จะอนุญาตและสามารถเริ่มเจรจากับผู้ซื้อได้ โดยในกัมพูชามีโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่บ้าง อาทิเช่น บริษัท Cambodian Energy Co Ltd (CEL) ของมาเลเซียดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 50 เมกะวัตต์สองแห่งในจังหวัดพระสีหนุ บริษัท Han Seng Coal Mine Co Lte สร้างโรงงานผลิตถ่านหินขนาด 200 เมกะวัตต์ในจังหวัดอุดรมีชัย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50643517/koh-kongs-first-coal-fired-plant-up-in-the-air-ministry/

เมย์แบงก์มุ่งเน้นไปยังกัมพูชาเพื่อเพิ่มรายได้ระหว่างประเทศ

เมย์แบงก์ซึ่งตั้งอยู่ในมาเลเซียมุ่งเน้นไปที่ตลาดสำคัญหลายแห่งสำหรับการขยายตัวในภูมิภาครวมถึงกัมพูชา โดยตั้งเป้าหมายที่จะนำเทคโนโลยีการเงินการธนาคารชุดล่าสุดมาสู่ตลาด ซึ่งมุ่งเน้นที่การเติบโตของแฟรนไชส์ในประเทศจีน, ฟิลิปปินส์และกัมพูชา และมีแผนที่จะส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างทีมงานในต่างประเทศและสำนักงานใหญ่ในมาเลเซียผ่านแพลตฟอร์มอัตโนมัติสำหรับการอนุมัติสินเชื่อ โดยปัจจุบันรายได้ของเมย์แบงก์จากกิจกรรมระหว่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 35% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเมย์แบงก์ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศกัมพูชาตั้งแต่ปี 2536 ที่เริ่มเข้ามาลงทุน โดยเมย์แบงก์ยังคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 12-15% ในปีหน้า แม้ว่า GDP จะลดลงมาที่ 6.5% ซึ่งธนาคารมีเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารเพื่อการค้าปลีกชั้นนำในประเทศกัมพูชาในอีก 5 ปีข้างหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50642309/maybank-to-focus-on-cambodia-among-others-to-increase-international-revenue/

บริษัทไต้หวันวางแผนขยายการเพาะปลูกต้นไม้ในกัมพูชา

ผู้ประกอบการชาวไต้หวันประกาศแผนการที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูกไม้ในกัมพูชาบนพื้นที่ 5,000 เฮกเตอร์ โดยสมาคมอุตสาหกรรมไม้แปรรูปของกัมพูชาเป็นเจ้าของพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ในจังหวัดกำปงธม และจัดหาผลิตภัณฑ์ไม้ให้กับผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในท้องถิ่น ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขอให้ บริษัท ทำงานอย่างใกล้ชิดกับการบริหารป่าไม้ในโครงการใหม่ โดยในเดือนเมษายน Beijing Fushide Investment Management Ltd และ East Consulting Management Ltd ได้ประกาศแผนการลงทุนในอุตสาหกรรมไม้ของกัมพูชาระหว่างการประชุมกับรัฐมนตรี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะส่งออกไม้ไปยังประเทศจีน โดยจากข้อมูลของกระทรวงในระหว่างเดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายน บริษัทท้องถิ่น 5 แห่งส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปต่างประเทศ และอีก 3 รายได้รับใบอนุญาตในการแปรรูปไม้ภายในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50642277/taiwanese-firm-to-expand-timber-plantation/

ด้วยความช่วยเหลือจากหัวเว่ย 5G ในกัมพูชาจะเปิดตัวตามแผนที่วางไว้

บริษัท โทรคมนาคมรายใหญ่ของกัมพูชากำลังพัฒนาเครือข่าย 5G ตามแผนที่วางไว้โดยความช่วยเหลือของ บริษัท หัวเว่ย ของจีน โดยจะใช้เทคโนโลยีของจีนที่จัดทำโดย Huawei, Metfone, Cellcard และ Smart Axiata ซึ่งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Huawei ได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงโทรคมนาคมของกัมพูชาเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G โดย โทมัสฮันต์ซีอีโอของ Smart Axiata กล่าวในระหว่างงานว่าภารกิจของ บริษัท คือการเพิ่มคุณภาพชีวิตของชาวกัมพูชานับล้านผ่าน-เครือข่ายระดับโลกและประสบการณ์ดิจิทัลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะลงทุนถึง 70-80 ล้านเหรียญในทุกปีโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อบรอดแบนด์มือถือทั่วกัมพูชาและจะปรับปรุงบริการ 4.5G ที่มีอยู่เพื่อเตรียมพร้อมเทคโนโลยี 5G

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50641998/with-huaweis-help-5g-in-cambodia-rolling-out-as-planned/

โควตาการนำเข้าข้าวของจีนจากกัมพูชา

สหพันธ์ข้าวกัมพูชามั่นใจว่ากัมพูชาจะส่งออกข้าวสารในตลาดจีนได้ถึงโควตา โดยสมาคมดังกล่าวได้รับการยืนยันจากการเยี่ยมชมของ COFCO ผู้แปรรูปอาหารรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งกัมพูชาไม่สามารถส่งได้ตามโควตาในปีที่แล้วโดยมีการส่งออกจากกัมพูชาเพียง 170,000 ตัน จากโควตา 300,000 ตัน โดยประธาน CRF กล่าวว่าสมาคมกำลังมุ่งเน้นการขยายการส่งออกไปยังประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อลดการพึ่งพาสหภาพยุโรป ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 การส่งออกข้าวสารของกัมพูชาเพิ่มขึ้น 3.7% เป็น 281,538 ตัน การจัดส่งไปยังประเทศจีนคิดเป็น 42% ของการส่งออกทั้งหมดประมาณ 118,400 ตัน แต่อย่างไรก็ตามในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาการส่งออกข้าวสารจากกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปลดลงเกือบ 50% ตามข้อมูลของ CRF การลดลงนี้เป็นผลมาจากการเก็บภาษีศุลกากรจากกลุ่มที่กำหนดไว้สำหรับข้าวในกัมพูชาเมื่อต้นปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50641689/chinas-rice-import-quota-to-be-met-crf/

กระทรวงฯส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวของกัมพูชาในเวียดนาม

กระทรวงการท่องเที่ยวส่งเสริมให้ประเทศกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว โดยระหว่างงาน International Travel Expo ครั้งที่ 15 ณ นครโฮจิมินห์ของเวียดนามได้หารือร่วมกันเพื่อส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวภายใต้สโลแกน “สองมณฑลหนึ่งปลายทาง” ซึ่งกัมพูชาและเวียดนามได้ตกลงร่วมมือกันในการท่องเที่ยวทางทะเลเมื่อท่าเรือใหม่ในจังหวัดกัมปอตเสร็จสิ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 ซึ่งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทางทะเลเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยกัมพูชาตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามปีละ 1 ล้านคนขณะที่เวียดนามคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาอยู่ที่ 5 แสนคน ซึ่งต้องการสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่และพัฒนาจุดหมายปลายทางที่มีอยู่เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ 6.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในจำนวนนี้มีประมาณ 8 แสนคนเป็นนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50641198/ministry-promotes-kingdoms-tourism-market-in-vietnam/

การส่งเสริมการค้าระหว่างกัมพูชาและซาอุดิอาระเบีย

กัมพูชาและซาอุดิอาระเบียตกลงที่จะลงนามข้อตกลงที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการคุ้มครองการค้าและการลงทุน ซึ่งเอกอัครราชทูตกัมพูชากระตุ้นให้ บริษัทของซาอุดิอาระเบีย ให้พิจารณาการลงทุนในประเทศกัมพูชา โดยอธิบายว่ากัมพูชามีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบอื่นๆอีกมาก ซึ่งในการประชุมซาอุดิอาระเบียแสดงความสนใจในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากกัมพูชาโดยเฉพาะข้าวสาร, มันสำปะหลัง, ยางพาราและพริกไทย โดยกระทรวงการค้ากล่าวว่าระหว่างกัมพูชาและซาอุดิอาระเบียมีมูลค่าการค้าถึง 12.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2561 คาดว่าเมื่อข้อตกลงทางการค้าและการลงทุนมีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้การค้าระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/641197/cambodia-saudi-arabia-to-boost-trade/