การท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาเริ่มเห็นการฟื้นตัว

สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาเริ่มเห็นการฟื้นตัว โดยปริมาณนักท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคิดเป็นจำนวนรวม 174,543 คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจำนวน 169,532 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 5,011 คน ในช่วงวันที่ 6-7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางด้าน รมว.ท่องเที่ยว ระบุถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชาในช่วงดังกล่าวที่ได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดพระสีหนุจำนวน 37,641 คน, พนมเปญ 35,210 คน, จังหวัดกำปอต 16,501 คน, จังหวัดเสียมราฐ 15,100 คน, และจังหวัดโพธิสัตว์ 10,447 คน เป็นสำคัญ หลังรีสอร์ทที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศได้กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวใหม่อีกครั้ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50966669/weekend-domestic-tourism-still-active-in-cambodia-but-far-cry-from-when-it-was-open-for-foreign-tourism/

‘สแตนชาร์ต’ มองเวียดนามเป็นจุดหมายที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

นาย Jose Vinals ประธานธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าเวียดนามถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางทางด้านเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เนื่องจากมีศักยภาพในการพัฒนาและชูนโยบายเปิดประเทศ (open-door policy) ขณะที่ นาย เหงวียน ฮ่ง เญียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าเวียดนามได้ก่อตั้งสถาบัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งเศรษฐกิจในประเทศและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการเวียดนาม ตลอดจนช่วยธุรกิจในการใช้ประโยชน์ของการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะเดินหน้าเร่งกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในทุกด้านการผลิตและการค้า ในขณะเดียวกันก็ดำเนินการตามรูปแบบการส่งเสริมอย่างยั่งยืน การวางนโยบายอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/standard-chartered-vietnam-a-priority-destination-among-emerging-economies-903554.vov

 

‘เวียดนาม’ เผยกิจการ 96% ในเขตอุตสาหกรรมโฮจมินห์ กลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง หลังผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

การนิคมอุตสาหกรรมและการแปรรูปเพื่อการส่งออกนครโฮจิมินห์ (HEPZA) รายงานว่ากิจการราว 96% ใน 17 เขตอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเมืองโฮจิมินห์ กลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง หลังจากยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไปแล้ว 1 เดือน โดยคนงานมากกว่า 230,500 คน หรือ 80% ของคนงานรวมทั้งหมด ได้กลับมาทำงาน ทั้งนี้ Hua Quoc Hung ผู้อำนวยการของหน่วยงานบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษ กล่าวว่ากิจการเตรียมประกาศรับสมัครแรงงานมากขึ้น เนื่องจากโรงงานเร่งจัดการยอดคำสั่งซื้อที่มาจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วยสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ แรงงานที่อยู่ในเขตอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับการเข้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สูงถึง 94.4% ชี้ให้เห็นว่าแรงงานมีความพร้อมในการดำเนินงานแบบวิถีชีวิตใหม่

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/nearly-96-percent-of-firms-in-hcm-citys-ips-resume-operations-after-social-distancing/214060.vnp

 

เที่ยวไทยฟื้นตัวปีหน้า หาก‘โควิด’ไม่ระบาดหนักซ้ำ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี 2565 ตลาดไทยเที่ยวไทยจะกลับเข้าสู่เส้นทางการฟื้นตัว” โดยระบุว่า หลังจากที่ทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิดและการเดินทางข้ามจังหวัด การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้คนไทยเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น กว่า 73.7% ของกลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯ ต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากถึงมากที่สุด ทำให้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 โดยเบื้องต้น คาดว่า หากไม่มีการระบาดหนักอีก ตลาดไทยเที่ยวไทยในปี 2565 น่าจะมีจำนวนประมาณ 109-155 ล้านคน/ครั้ง ฟื้นตัวจากปี 2564 ที่ราว 66.71 ล้านคน/ครั้ง

ที่มา: https://www.naewna.com/business/614385

นายกฯ คาดนำเข้าวัคซีนโควิดเพิ่มอีกหลายล้าน ตั้งเป้าฉีดครอบคลุมร้อยละ 70

นายกรัฐมนตรีพันธุ์คำ วิภาวัณห์ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับรัฐสภาว่า “วัคซีนโควิด-19 หลายล้านโดส คาดว่าจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้เวียดนามสัญญาว่าจะบริจาควัคซีน 600,000 โดสให้ลาว ในขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้ให้บริการวัคซีนชั้นนำของลาวจะให้ 2.5 ล้านโดส” ด้วยปริมาณใหม่เหล่านี้ จำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนจะไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสำคัญในความพยายามที่จะควบคุมการแพร่ระบาดโดยการสร้างภูมิคุ้มกันต่อผู้คนจากไวรัส ทั้งนี้รัฐบาลสปป.ลาวมุ่งมั่นที่จะฉีดวัคซีนให้มากถึง 70% ของประชากรผู้ใหญ่ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินเป้าหมายเดิมที่ตั้งอยู่ที่ร้อยละ 50 ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้เรียบร้อยแล้ว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_million_218.php

CDC กัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุนใหม่ มูลค่ารวม 112 ล้านดอลลาร์

ในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียว สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) อนุมัติโครงการลงทุนใหม่รวม 12 โครงการ มูลค่ารวม 112 ล้านดอลลาร์ โดยสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชาได้อนุมัติโครงการลงทุนใหม่หลายโครงการ แม้ที่ผ่านมาและในปัจจุบันกัมพูชาจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งสิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าวิกฤตโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในโครงการพัฒนาใหม่ๆ ของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในกัมพูชา โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุนทั้งหมด 134 โครงการ ด้วยเงินลงทุนรวม 3.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งโครงการลงทุนมุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนต่างๆ อาทิเช่น โรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเกษตร การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นสำคัญ โดยโครงการเหล่านี้คาดว่าจะสามารถสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นได้ราว 85,572 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50966161/more-than-112-million-worth-of-new-investment-projects-approved-in-cambodia-in-october/

กัมพูชา-จีน ตั้งเป้าการค้าทวิภาคีแตะ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2023

การส่งออกของกัมพูชาไปยังจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีมูลค่ารวมมากกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 52.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการรายงานกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะเพิ่มปริมาณการค้าทวิภาคีให้มีมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปี 2023 หลังจากในปีที่แล้วมูลค่าการค้าทวิภาคีของกัมพูชาและจีนอยู่ที่ 8.1 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 โดยกัมพูชานำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 6.8 พันล้านดอลลาร์จากจีนในช่วงไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.32 ทำให้การค้าทวิภาคีอยู่ที่ 7.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยส่วนใหญ่กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนเป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50966092/cambodia-china-committed-to-raising-bilateral-trade-to-10-bn-by-2023/

ราคามะเขือเทศเมืองอ่องป๊าน พุ่ง ! ได้ราคาดี

จากข้อมูลของพ่อค้าท้องถิ่น ผลผลิตมะเขือเทศจากเมืองอ่องป๊าน ทางตอนใต้ของรัฐฉานขายได้ราคาในเมืองมโหย่ติ เขตมะกเว โดยราคามะเขือเทศอยู่ระหว่าง 700 ถึง 1,000 จัตต่อ viss (1 viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม)  เมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน และตอนนี้พุ่งเป็น 1,400 จัตต่อ viss ซึ่งเมื่อผู้ค้ารับซื้อมะเขือเทศจากเมืองอ่องป๊าน ดังนั้นมะเขือเทศจากภูมิภาคอื่นจึงน้อยลง ราคาปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะราคาน้ำมันในการขนส่งที่สูงขึ้นอีกด้วย

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/aungban-tomatoes-fetch-good-prices/

‘เวียดนาม’ เผยยอดขาดดุลการค้า เดือน ต.ค. ลดลงเหลือ 1.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าเดือน ต.ค. เวียดนามมียอดเกินดุลการค้า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ทั้งปีเวียดนามขาดดุลการค้าเหลือ 1.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีมูลค่ากว่า 267.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมาจากธุรกิจต่างชาติ 198.16 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่ามากกว่า 76 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบเป็นรายปี รองลงมาจีน สหภาพยุโรป อาเซียนและญี่ปุ่น ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นซัพพลายเออร์สินค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 89.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเกาหลีใต้ อาเซียน ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/trade-deficit-falls-to-1-45-bln-after-surplus-in-october-4382190.html

 

ราคาส่งออกข้าวเวียดนาม แซงหน้าไทย

ราคาส่งออกข้าวหัก 5% ของเวียดนามปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แซงหน้าผู้ส่งออกข้าวไทยและประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ อินเดียและปากีสถาน โดยเฉพาะราคาส่งออกข้าวหัก 5% ของเวียดนามมีมูลค่า 438 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาข้าวประเภทเดียวกันที่มาจากไทย อินเดียและปากีสถาน มีราคาอยู่ที่ 373, 358 และ 363 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ ทั้งนี้ Tran Chi Hung อธิบดีกรมวิชาการเกษตรและการพัฒนาชนบทประจำจังหวัดเหิ่วซาง กล่าวว่าราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นและคาดว่าราคาจะแตะอยู่ในระดับสูงในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ธุรกิจเวียดนามทำการส่งออกข้าวกว่า 5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-rice-export-price-outstrips-thailands-903279.vov