เวียงจันทน์ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสปป.ลาวเพิ่มการคุ้มครองผู้บริโภค

เจ้าหน้าที่ในเวียงจันทน์จะส่งเสริมการใช้สินค้าที่ทำจากสปป.ลาวให้เพิ่มขึ้นและส่งเสริมการเพาะปลูกผลิตผลเกษตรอินทรีย์เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ ประเด็นเหล่านี้ถูกกล่าวถึงในการประชุมที่จัดขึ้นที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการบรรลุความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของสินค้าที่ผลิตในประเทศและลดการนำเข้าสินค้าต่างประเทศที่ไม่จำเป็น การประชุมมีผู้เข้าร่วมจากตัวแทนของหน่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนและธุรกิจการเกษตร สมาชิกคณะผู้บริหารของเวียงจันทน์และผู้ปลูกผักปลอดสารพิษ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/vientiane-looks-boost-use-lao-made-products-enhance-consumer-protection-107692

สปป.ลาวส่งเสริมโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

รัฐบาลกำลังส่งเสริมการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตสีเขียวและการลดความยากจนอย่างยั่งยืน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าโครงการพัฒนาทั้งหมดจะต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดเพื่อประเมินและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ในการประชุมประจำภูมิภาคครั้งที่ 8 ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) มีตัวแทนจากประเทศลุ่มแม่น้ำโขง สถาบันการศึกษาภาคประชาสังคมและสื่อมวลชน เข้าร่วมการประชุม เนื่องมาจากการเติบโตของภาคนี้จะมีส่วนสำคัญในการลดความยากจน และต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สะอาดและเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งจะช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจมากขึ้น ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ แต่ยังช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอภิปรายและป้อนข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำ และเน้นถึงความต้องการความร่วมมือและการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแม่น้ำโขง

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-promotes-environmentally-friendly-hydro-projects-107690

บริษัทเยอรมันพิจารณาลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชา

บริษัทของเยอรมันแสดงความสนใจในภาคพลังงานสะอาดของกัมพูชาในระหว่างการประชุมเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่จัดขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ด้วยเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานจากโซล่าฟาร์มให้ถึง 20% ของภาคการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดที่รัฐบาลวางแผนไว้ โดยงานนี้จัดขึ้นโดยคณะผู้แทนจากประเทศเยอรมนีด้านอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ในประเทศเมียนมาร์ (AHK) และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และหอการค้ายุโรป (Eurocham) ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยจัดแสดงโซลูชั่นทางด้านพลังงานที่ยั่งยืนซึ่งผู้อำนวยการด้านพลังงานขอ กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ารัฐบาลยินดีต้อนรับนักลงทุนทุกคนที่ต้องการเข้ามาพัฒนาโครงการในภาคพลังงานแสงอาทิตย์ โดยกัมพูชามีจำนวนชั่วโมงแสงแดดสูงบ่งบอกถึงศักยภาพความเป็นไปได้ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในกัมพูชา ซึ่งมีโซล่าฟาร์มเพียงสองแห่งที่เปิดดำเนินการ ซึ่งผลิตไฟฟ้าได้ 90 เมกะวัตต์ โดยภายในปี 2565 โรงงานผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จะเปิดทำการเพิ่มอีก 7 แห่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657473/german-companies-consider-investing-in-local-solar-sector/

กลุ่มประเทศเตรียมทำข้อตกลงกับกลุ่มผู้นำเศรษฐกิจรัสเซีย

ในไม่ช้าสินค้าจำนวนนับพันประเภทของกัมพูชาอาจถูกส่งไปยังตลาดกลุ่มสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าเสรีขนาดใหญ่หลังจากที่กัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงกับสหภาพ โดยข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่อาจเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ได้ถูกเปิดเผยในระหว่างการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกับนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ณ งานประชุมสุดยอดอาเซียนในกรุงเทพฯ ซึ่งมีอีก 5 ประเทศในอาเซียนที่ได้แสดงความสนใจในการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย ได้แก่ บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ไทย และฟิลิปปินส์ โดยนายลิมเฮงรองประทานหอการค้ากัมพูชากล่าวว่าสินค้ากัมพูชาราว 4,000 ถึง 5,000 ประเภทจะได้รับอนุญาตให้ยกเว้นภาษีหากมีการลงนาม FTA ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและสิ่งทอ โดยถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกัมพูชาที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศได้มากขึ้นรวมถึงส่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปยังสหภาพ ซึ่งหอการค้ากัมพูชาและกระทรวงพาณิชย์ทำงานเพื่อให้ข้อตกลงเป็นจริง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657467/nation-set-to-ink-agreement-with-russia-led-economic-bloc/

ราคาไข่ในประเทศลดลงผลจากปัญหาโลจิสติกส์

ประธานสหพันธ์ปศุสัตว์แห่งเมียนมาเผยราคาไข่ลดลงมาอยู่ที่ 1400 จัต ต่อ viss (1.65 กิโลกรัม) จากระดับ 2600 จัต เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาที่ระดับ 2100 จัต ปัญหาอุปสงค์และอุปทานไม่สมดุล ทำให้การขนส่งไข่ไปยังพื้นที่ชายแดนอย่างมูเซ และอากาศอบอุ่นในปีนี้ทำให้ผลผลิตลดลงและผลักดันราคาให้ลดลงอีก จากสถิติมีไก่อยู่ราว 20 ล้านตัวและ 75% เป็นไก่ไข่ ผลผลิตในท้องถิ่นกำลังเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาใน เช่น จีน ไทย และอินเดียได้ ซึ่งการเพาะพันธุ์ส่วนใหญ่ทำโดยเกษตรกรเพียงเล็กน้อยและยังใช้วิธีการเลี้ยงแบบดั้งเดิม มีเกษตรกรเพียง 5 –10% ที่เปลี่ยนวิธีการเลี้ยงเป็นแบบสมัยใหม่ซึ่งต้นทุนจะสองกว่าแบบดั้งเดิมถึงสองเท่า ในปีนี้การลงทุนจากต่างประเทศจะมาจากอเมริกา อินเดีย และมาเลเซียมากขึ้น ซึ่งเกษตรกรในท้องถิ่นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ตามปกติฟาร์มขนาดใหญ่จะมีความสามารถในการเลี้ยงไก่ไข่ 10,000-50,000 ตัว และที่ไก่เนื้อ 3,000 ตัว ขณะที่บริษัทต่างชาติคาดว่าจะเลี้ยงไก่หลายล้านตัวและสามารถขยายธุรกิจได้มากด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกและผลิตอาหารไก่ได้เองทำให้ต้นทุนต่ำลง ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสองข้อในการพัฒนาอุตสาหกรรมคือการจัดหาเงินทุนจากธนาคารและการเข้าถึงที่ดิน ผลผลิตที่ผ่านมาลดลงเนื่องจากความร้อนในเดือน มิ.ย.และราคาไก่สดสร้างสถิติสูงสุดเป็นเวลาสองสัปดาห์ เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนธุรกิจจะต้องหันไปใช้เทคนิคการทำฟาร์มแบบเย็นที่ทันสมัยมากขึ้น

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/local-egg-prices-drop-due-logistical-issues.html

โตโยต้าเมียนมาเริ่มผลิตไฮลักซ์

โตโยต้ามอเตอร์เมียนมา (TMY) จะเริ่มผลิตไฮลักซ์เมียนมาเป็นครั้งแรกและยังมีแผนที่จะผลิตแบรนด์รถยนต์อื่น ๆ หลังจากประเมินสถานการณ์ตลาด การก่อสร้างโรงงานรถยนต์ได้เริ่มขึ้นคาดจะเริ่มให้บริการใน ส.ค. 63 คาดว่าจะผลิตได้ในปี 64 กุมภาพันธ์ ผลิตได้ 2,500 คัน โตโยต้ามอเตอร์คอร์ปอเรชั่นญี่ปุ่นวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโรงงานอัตโนมัติแห่งใหม่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่าในวันที่ 1 พ.ย.62 ที่ผ่านมา การลงทุนจากต่างประเทศมีมูลค่า 52.6 ล้านเหรียญสหรัฐ มีแรงงาน 130 คน และเริ่มผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ. 64 โดยตั้งเป้าผลิตโตโยต้าไฮลักซ์ 2,500 คันโดยใช้ระบบน็อคดาวน์ (SKD)

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/microfinance-firms-get-more-support.html

มูลค่ารวมในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาเพิ่มขึ้นเกินกว่า 160 ล้านเหรียญสหรัฐ

เงินทุนเคลื่อนย้ายที่ตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ซึ่งเป็นตลาดหุ้นในประเทศกัมพูชา เปิดตัวในปี 2555 ปัจจุบันมีมูลค่าถึง 161 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย CEO ของ CSX กล่าวว่าการรับรู้ของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วและตั้งข้อสังเกตว่ากำลังกลายเป็นแหล่งเงินทุนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับ บริษัท ในท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบัน CSX มีบริษัทจดทะเบียน 8 แห่ง โดย 5 แห่งทำการซื้อขายอยู่บนกระดานหลักและอีก 3 แห่งอยู่ในตลาดตราสารหนี้ โดยบริษัทที่จดทะเบียนในกระดานหลัก ได้แก่ บริษัทประปาพนมเปญ(PWSA), บริษัทแกรนด์ทวินอินเตอร์เนชั่นแนล(GTI), บริษัทท่าเรือพนมเปญ(PPAP), เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ(PPSP) และบริษัทท่าเรือสีหนุวิลล์(PAS) รวมถึงที่จดทะเบียนในตราสารหนี้ ได้แก่ HKL, LOLC และ ABAA ซึ่งยังมีบริษัทอีกหลายแห่งให้ความสนใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาและคาดว่าจะมีบริษัทอีกหลายแห่งที่จะทำการ IPO ในปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657052/more-than-160m-raised-at-local-bourse-new-firms-expected-to-list-in-2020/

นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาส 3

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมากัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% หรือประมาณ 4.8 ล้านคนในช่วงเก้าเดือนแรกของปีตามรายงานล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยว ขณะที่ชาวจีนยังคงติดอันดับต้นๆ ของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้า โดยกว่า 3 ล้านคนเดินทางผ่านสนามบินนานาชาติหนึ่งในสามแห่งของกัมพูชา ซึ่งสนามบินนานาชาติในกรุงพนมเปญรองรับผู้โดยสารถึง 1.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 12.7%), เสียมราฐ 1.2 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 10.9%) และเดินทางผ่านสีหนุวิลล์ 549,481 คน (เพิ่มขึ้น 308%) โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชามีผู้มาเยือนถึง 6.2 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวใหม่ในสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากกว่า 7 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 และสร้างรายได้ถึง 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยคิดเป็นประมาณ 2 ล้านคนที่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/657012/foreign-tourists-up-10-pct-in-q3/

เกษตรกร,เจ้าหน้าที่หารือเกี่ยวกับวิธีการขยายตลาด

เกษตรกรจากเวียงจันทน์และพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่เผชิญ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้กล่าวว่าต้องลดการนำเข้า แต่ปัญหาคือการเก็บเกี่ยวในท้องถิ่นไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อ การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตและผู้ซื้อในการหารือเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการและร่วมกันวางแผนสำหรับอนาคต ซึ่งจุดประสงค์คือเพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรและใช้โอกาสนี้ในการแนะนำมาตรฐานสำหรับการเก็บเกี่ยว เกษตรกรมีความสามารถในการปลูกผักให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับตลาดและความต้องการของตลาด ด้านเกษตรกรกล่าวว่าสามารถปลูกผักได้มากมายแต่ไม่สามารถขายได้ทั้งหมด บางครั้งพ่อค้าคนกลางก็ให้ราคาที่ต่ำมากสำหรับพืชผล ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับฟังปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่และพูดคุยถึงวิธีการที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต และขณะนี้รัฐบาลได้แต่งตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่ให้ไว้ระหว่างกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และหน่วยงานอื่น ๆ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/farmers-officials-discuss-ways-expand-markets-107604

บริษัท สปป.ลาว ไทย เมียนมา ร่วมเป็นคู่ค้าในการซื้อขายข้าว

บริษัท 3 แห่งจากสปป.ลาว ไทย และเมียนมา เข้าร่วมทุนเพื่อซื้อและขายข้าวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเกษตรกรหารายได้เพิ่มเติมจากการเพราะปลูก และปรับปรุงสถานการณ์ของเกษตรกรใน 3 ประเทศด้วยการสนับสนุนให้พวกเขาผลิตข้าวคุณภาพดีเพื่อจำหน่าย การริเริ่มดังกล่าวเริ่มขึ้นในสปป.ลาว ในพิธีลงนามข้อตกลงในสัญญาซื้อขาย ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว บริษัท Laos’ Homxay Agriculture Export-Import ร่วมมือกับบริษัท Thailand’s Siam Golden Horse จะซื้อข้าวจาก บริษัท Myanmar’s ABA NARES  ขายให้กับญี่ปุ่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ ทั้งสามบริษัทตกลงที่จะซื้อข้าวคุณภาพดีประมาณ 10 ล้านตัน ในช่วงเวลา 8 ปีเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.63 คาดว่าจะนำเข้าข้าวประมาณ 980,000 ตัน ในช่วงหกเดือนแรก นอกจากนี้ยังเป็นก้าวแรกในการขยายความร่วมมือด้านการค้าในอาเซียนและในอนาคต นอกจากนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร อีกทั้งความร่วมมือของภาคเอกชนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านการค้าการเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการขยายตัวของภาคเอกชนในฐานะหน่วยธุรกิจที่สำคัญเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-myanmar-thai-companies-partner-sale-and-purchase-rice-107602