สปป.ลาว, ฮังการีเตรียมยกเลิกวีซ่าการทูตร่วมกัน

สปป.ลาวและฮังการีจะยกเลิกข้อกำหนดวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทางการทูตหรือผู้ให้บริการของตน ณ วันที่ 9 กันยายน อนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางจากทั้ง 2 ประเทศอยู่ในประเทศเจ้าบ้านได้เป็นระยะเวลา 90 วันโดยไม่ต้องมีวีซ่า ผู้ถือหนังสือเดินทางในหมวดหมู่นี้จะต้องไม่อยู่เกินกว่าระยะเวลา 90 วันที่อนุญาต แต่อาจเข้าประเทศอีกครั้งหลังจากอยู่นอกประเทศเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้มีคุณสมบัติในการสละสิทธิ์วีซ่าและหนังสือเดินทางจะต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันที่ผู้ถือออกจากประเทศ ภายใต้ข้อตกลงพลเมืองของทั้งสองประเทศไม่ว่าจะเป็นสมาชิกของสถานทูต สถานกงสุลหรือผู้แทนขององค์กรระหว่างประเทศที่จะต้องยื่นขอวีซ่าในรูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งคู่สมรสและบุตรของผู้ถือหนังสือเดินทางจะต้องทำเช่นเดียวกัน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos.php

กัมพูชาจะกลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับ บริษัทจักรยานของสหรัฐฯ

Ken International เป็นผู้ผลิตจักรยานจากสหรัฐกล่าวว่ากัมพูชาจะกลายเป็นฐานการประกอบและฐานการผลิตที่สำคัญในไม่ช้า โดยบริษัทผลิตจักรยานในปีที่แล้วถึง 3 ล้านคัน ซึ่งบริษัทกำลังสร้างโรงงานผลิตจักรยานใกล้กับกรุงพนมเปญบนพื้นที่ถึง 40,000 ตารางฟุต เป็นการร่วมลงทุนกับ Shanghai General Sports โดยจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกจักรยาน 1.5 ล้านคัน ไปยังสหภาพยุโรปมูลค่ารวมถึง 331 ล้านเหรียญสหรัฐตามรายงานจากธนาคารโลก ทำการแซงไต้หวันในส่วนของการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในตลาดสหภาพยุโรป นอกจากนี้ Trek Bicycle ของสหรัฐฯ ประกาศว่ามีแผนที่จะย้ายการผลิตจักรยานอย่างน้อย 2 แสนคัน จากจีนมายังกัมพูชาในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/639577/kingdom-to-become-a-key-manufacturing-base-for-us-bike-firm/

การลดลงของนักท่องเที่ยวในเสียมราฐไม่ได้เป็นสาเหตุของความกังวล

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวในเมืองเสียมเรียบ ซึ่งไม่ควรเป็นสาเหตุที่น่ากังวลแนะให้ดูภาพรวมโดยสังเกตว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศโดยรวมมากขึ้น โดยมีการชะลอตัวเล็กน้อยในจำนวนนักท่องเที่ยวในเสียมราฐ เพราะตอนนี้กัมพูชามีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เป็นทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากศูนย์โบราณคดีอังกอร์และแถบชายฝั่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นรวมถึงจังหวัดกัมปอต, แกบ, เกาะกง, รัตนคีรีและมณฑปคีรี โดยจากรายงานล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากเสียมเรียบตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในกัมพูชาเพิ่มขึ้นถึง 11.2% คิดเป็นจำนวน 3.3 ล้านคน ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง 6.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.7% โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวถึง 7 ล้านคน ในปี 2563 สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ 4.3 พันล้านเหรียญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50639576/pm-says-fall-in-siem-reaps-tourist-numbers-not-a-cause-for-concern/

การศึกษาความเป็นไปได้ของกรุงพนมเปญในการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์

ธนาคารพัฒนาเอเชียได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้สำหรับศูนย์โลจิสติกส์ในกรุงพนมเปญ โดยศูนย์โลจิสติกส์ของกรุงพนมเปญเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทด้านโลจิสติกส์ของรัฐบาลกัมพูชาจะได้รับการพัฒนาในรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งหลังจากการประชุมหารือระหว่างกระทรวงคมนาคมและ ADB โดยกระทรวงได้ออกมาแถลงว่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในกัมพูชาต้องการการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ในกรุงพนมเปญและในเขตเมืองอื่นๆ  ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ทำให้กัมพูชาตอบสนองต่อการลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยทางกระทรวงกล่าวว่ากัมพูชาจะกลายเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเซียเมื่อพูดถึงเรื่องโลจิสติกส์และการขนส่ง

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50639291/feasibility-study-for-phnom-penh-logistics-centre-underway/

CDC อนุมัติโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกำปงชนังและโพธิสัตว์

สภาเพื่อการพัฒนาของกัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติการลงทะเบียนของโครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดกำปงชนังและโพธิสัตว์ โดยโซล่าฟาร์มทั้งสองแห่งเป็นการลงทุนของ บริษัท Schneitec Sustainable แต่ละแห่งจะมีความจุอยู่ที่ 60 MW และมีต้นทุนในการสร้าง 58 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแห่งแรกจะสร้างขึ้นในเขต Krakor ในจังหวัด โพธิสัตว์จะเริ่มดำเนินการในเดือนเมษายนปีหน้า และแห่งที่สองจะตั้งอยู่ในเมือง Teuk Phos ของกำปงชนัง โดยจะเริ่มจ่ายไฟได้ในปลายปี 2020 แต่รัฐบาลยังได้เพิ่มการนำเข้าพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มอีกด้วย  ซึ่งกัมพูชามีสวนพลังงานแสงอาทิตย์สองแห่งคือ โรงงานขนาด 10 MW ในเมือง Bavet ของเมืองสวายเรียง และสวนพลังงานแสงอาทิตย์ 80 MW ในเขต Oudong ของเมืองกำปงสปือ โดย Keo Ratanak อธิบดี EDC กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วกัมพูชาผลิตไฟฟ้าอย่างน้อย 390 MW หรือประมาณ 15% ของพลังงานทั้งหมดจากโซล่าฟาร์มในปีหน้า ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาใช้พลังงานไป 2,650 MW เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50639293/cdc-approves-solar-parks-in-kampong-chhnang-and-pursat/

สปป.ลาวเปลี่ยนการท่องเที่ยวให้กลายเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจ

สปป.ลาวคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 4.5 ล้านคนในปีนี้และจะได้รับรายได้เกือบ 8 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลได้ดำเนินโครงการพัฒนารวมถึงการเพิ่มและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้วยการลงทุนในประเทศและต่างประเทศการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและข้อเสนอทางวัฒนธรรมที่หลากหลายมากขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้ให้เห็นว่าการออกวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ที่ท่าอากาศยานนานาชาติวัตไตและสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว 1 เปิดใช้งานในระดับทดลองเพื่อใช้กลไกนี้ทั่วประเทศ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวสปป.ลาวที่มากที่สุดมาจากประเทศไทย (เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด) เวียดนามและจีน (มากกว่า 800,000 ต่อปีในแต่ละกรณี) อีกทั้งเจ้าหน้าที่วางแผนที่จะทำสิ่งที่จะเพิ่มตัวเลขเหล่านี้ โดยมองไปที่อเมริกาและยุโรปซึ่งตลาดหลักคือสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสมีผู้เข้าชมประมาณ 50,000 และ 40,000 คนตามลำดับ

ที่มา: https://www.plenglish.com/index.php?o=rn&id=46475&SEO=laos-to-turn-tourism-into-a-pillar-of-its-economy

สภาผู้แทนราษฎรเมียนมาเตรียมคว่ำบาตรโรงงานเหล็ก

จากข้อมูลสภานิติบัญญัติของเมียนมา (Pyithu Hluttaw) ผู้บริหารที่มีหนี้ค้างชำระจำนวนเงินรวม 50.50 พันล้านจัต (5.97 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กในเมืองมยินจานที่มีรัฐเป็นเจ้าของกิจการ ควรได้รับการลงโทษจากการใช้จ่ายมากจนเกินไป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมืองปุแล่ ในเขตสะกาย กล่าวว่าการไม่ชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 59-60 นั้นชัดเจนว่าเป็นการละเมิดกฎและระเบียบทางการเงินของรัฐบาล ทีมสอบสวนถูกตั้งขึ้นหลังจากคณะกรรมการพบว่ารัฐบาลจ่ายเงินจำนวน 7.13 พันล้านจัตสำหรับหนี้ 9.50 พันล้านจัตโดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเมียนมา

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/lawmaker-seeks-sanctions-against-steel-factory.html

เวียดนามนำเข้ายานยนต์ลดลงในเดือนสิงหาคม

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในเดือนสิงหาคม เวียดนามนำเข้ารถยนต์ราว 9,000 คัน ซึ่งในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา การนำเข้ารถยนต์โดยเฉลี่ยลดลงอยู่ที่ 12,500 คัน คิดเป็นมูลค่า 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุที่เวียดนามนำเข้ารถยนต์ลดลงในเดือนสิงหาคม เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงเดือนสาร์ทจีน (Ghost Month) ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าใหม่ เพราะจะนำโชคร้ายมาให้ ในขณะที่ เมื่อปีที่แล้ว เผยว่าเวียดนามนำเข้ารถยนต์ 72,650 คัน ลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่มูลค่าอยู่ในระดับที่เกินกว่า 1.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21 ตามข้อมูลของกรมศุลกากร นอกจากนี้ ทางรัฐบาลได้ออกกฎหมาย เพื่อให้ผู้นำเข้าต้องเตรียมเอกสารทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้ามีคุณภาพ และอยู่ในแหล่งกำเนิดสินค้า ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/car-imports-plummet-in-august-3975502.html

Forbes Asia เผยรายชื่อบริษัทเวียดนาม 7 แห่ง ติดอันดับ 200 บริษัทที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นิตยสาร Forbes จัดอันดับบริษัท Vingroup (VIC) และบริษัท Mobile World Investment Corporation (MWG) เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเวียดนามที่ได้รับการจัดอันดับโดย Forbes “Best Over A billion” ซึ่งมีผลการดำเนินธุรกิจที่ดีเยี่ยมกว่า 200 บริษัท ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีมูลค่ามากถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอีก 5 บริษัทเวียดนาม ได้แก่ Vietjet Aviation JSC, Vietnam Dairy Products JSC, Masam Group, Saigon Beer-Alchol-Beverage Corporation และ Vietnam Technological & Commercial Joint Stock Bank ซึ่งบริษัท Vingroup เป็นบริษัทเอกชนใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ทั้งในด้านรายได้ และมูลค่าตามราคาตลาดมากถึง 5.295 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา: https://en.nhandan.com.vn/business/item/7877302-seven-vietnamese-firms-among-forbes-asia%E2%80%99s-200-best-over-a-billion-list.html

กัมพูชาขาดผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

แม้จะเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในโลก แต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงช้าที่จะตอบสนองความต้องการ และเร่งที่จะพัฒนาผู้เชี่ยวชาญทางด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้ถึง 480 ล้านคน ภายในปี 2020 ซึ่งการขยายตัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ผลักดันให้อาเซียนกลายเป็นพื้นที่เชื่อมต่อที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสิ่งนี้จะนำมาซึ่งการคุกคามและโอกาสที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2560 ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการใช้จ่ายเพียง 0.06% ของ GDP หรือ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งตรงกันข้ามกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 0.13% ซึ่งการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 2 ล้านคนภายในปี 2562 โดย Cybersecurity Ventures รายงานว่าจะมีตำแหน่งงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ 3.5 ล้านตำแหน่ง

ที่มา:https://www.khmertimeskh.com/50639243/cambodia-sorely-lacking-cybersecurity-professionals/