สปป.ลาวจะผลิตข้าวมากกว่า 5 ล้านตันต่อปีภายในปี 2568

กระทรวงเกษตรและป่าไม้สปป.ลาววางแผนที่จะผลิตข้าวเปลือกอย่างน้อย 5 ล้านตันต่อปีเป็นกลยุทธ์การเกษตร 5 ปีล่าสุดของประเทศในปี 2568 รายงานซึ่งเป็นแผนพัฒนา 5 ปีจนถึงปี 2568 ระบุว่าการคาดการณ์สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของภาคเกษตรและป่าไม้จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 3.4 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละปีวางแผนที่จะให้ผลผลิตข้าวอย่างน้อย 5 ล้านตันต่อปี การผลิตข้าวเปลือกเชิงพาณิชย์เพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกน่าจะมีอย่างน้อย 1.5 ล้านตัน การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์จะมีมากกว่า 1.4 ล้านตัน ในขณะที่กาแฟจะมีปริมาณ 280,000 ตัน อ้อย 2.4 ล้านตันมันสำปะหลัง 1.6 ล้านตันและถั่วต่างๆ 52,000 ตัน การผลิตเนื้อสัตว์และไข่จะเพิ่มขึ้นเป็น 414,000 ตันใน ขณะที่การผลิตปลาและสัตว์น้ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 297,000 ตันต่อปี การส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ตันเนื่องจากการดำเนินการผลิตและการแปรรูปมีความทันสมัย นักเศรษฐศาสตร์เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายที่จะช่วยเหลือภาคเกษตรและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยเฉพาะ ซึ่งการเกษตรที่มีประสิทธิผลเป็นกุญแจสำคัญในการขจัดความยากจนและเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-04/29/c_138021637.htm

การลงนาม MoU การท่องเที่ยวของจีน

กัมพูชาและจีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในปี 62-64 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนและนักลงทุนเข้ามาในกัมพูชามากขึ้น บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้รับการลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชาและหลินจิ่นเจิ้นรองประธานบริหารของธนาคารแห่งประเทศจีนในระหว่างการประชุมเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งที่ 2 ณ กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ เนื้อหาของข้อตกลงนี้รวมถึงการสร้างผลิตภัณฑ์การตลาดการส่งเสริมการขายและการสร้างระบบการชำระเงินออนไลน์หรือดิจิทัลสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน กัมพูชาคาดว่าจะได้รับนักท่องเที่ยวจีน 3 ล้านคนภายในปีหน้า 5 ล้านคนภายในปี 68 และแปดล้านคนในปี 73

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/chinese-tourism-mou-signed

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตร้อยละ 6.6 ในปี 2562

จากรายงานของธนาคารโลก (WB) เผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัวในระดับปานกลาง โดยขยายตัวร้อยละ  6.6 ในปี 62 เป็นผลมาจากการลดลงของสินเชื่อจากสถาบันการเงินและการหดตัวลงของอุปสงค์จากต่างประเทศ ทางด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับปานกลาง จากอุปสงค์โลกที่ซบเซาและราคาของกลุ่มอาหารและพลังงาน โดย WB มองว่านโยบายการเงินของเวียดนามยังคงมีความมั่งคงอยู่ เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลาดและการควบคุมการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ทางด้านการส่งออกที่แข็งแกร่งจะข่วยให้เวียดนามเกินดุลการค้าติดต่อกันมา 8 ปี โดยในปี 2561 เวียดนามมีการขยายตัวในการส่งออกสินค้าร้อยละ 13.2 นอกจากนี้ มีความกังวลด้านค่าเงินด่องที่แข็งค่า ซึ่งจะส่งผลต่อระดับความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกของเวียดนาม และทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามจะหดตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4  ในปี 61

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/519226/world-bank-forecasts-viet-nams-2019-growth-at-66-per-cent.html#QFR9bc2tJoImQ6pi.97

สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นอุปสรรค ของ FDI .ในเมียนมา

คณะกรรมการการลงทุนและบริหาร บริษัท (DICA) เปิดเผยยังไม่มีแผนการที่จะแก้ไขแผนการลดหย่อนภาษีสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ล่าสุดมีการขอให้ DICA พิจารณาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในรัฐชินและรัฐยะไข่สำหรับนักลงทุนต่างชาติ แต่ภูมิภาคอื่นมีการลงทุนในพื้นที่ลดลงหรือยังไม่มีการลงทุน ข้อมูลของเดือนเมษายนพบว่ามี 22 บริษัทต่างชาติที่มาลงทุนในเมียนมา 15 แห่งอยู่ในย่างกุ้ง 3 แห่งในพะโคและอีกหนึ่งแห่งในอิรวดีและรัฐกะเหรี่ยง ส่วนใหญ่เป็นภาคอุตสาหกรรม มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 53.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ตุลาคม 2561 จนถึงเมษายน 2562 มีการลงทุนทั้งหมด 147 ครั้งเป็นจำนวนเงิน 1.38 พันล้านดอลลาร์ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา มีมูลค่าการลงทุน 121 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/fdi-needed-undeveloped-regions-no-plans-tax-incentives.html

เมียนมาเพิ่มการส่งออกผลไม้ไปจีน

เมียนมาพยายามพัฒนาคุณภาพผลไม้เพื่อให้ผ่านมาตรฐานของสำนักงานควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรคแห่งประเทศจีน (AQSIQ) และขอใบรับรองให้กับผลไม้และเครื่องเทศแปดชนิดเพื่อส่งออก ได้แก่ อะโวคาโด ส้มโอ กล้วย ทุเรียน สับปะรด มะนาวมันเทศขาว และกระวาน ปัจจุบันกำลังส่งออกมะม่วง ปาล์มน้ำมัน แตงโม และแตงอื่น ๆ ซึ่งขณะนี้มีเพียงลำไย มังคุด เงาะ ลิ้นจี่ พุทรา มะม่วง และแตงโมที่ได้รับการรับรองจาก AQSIQ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลกำลังส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการส่งออกโดยเพิ่มเข้าไปในยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) ปี 2020-2025

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-attempts-raise-exports-more-local-fruits-china.html

กัมพูชาเซ็น MOU เพื่อส่งออกข้าว 400K ตันไปยังจีน

กัมพูชา – จีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการส่งออกข้าวกัมพูชา 400,000 ตันไปยังจีน พิธีลงนามที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้รับการลงนามระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา และผู้ค้าธัญพืชรายใหญ่ของจีน ประธาน COFCO Corp ระยะเวลาของ MoU ใหม่จะมีผลตั้งแต่เดือนส.ค 62 ถึงปลายเดือนธ.ค 63 มีผลทันทีหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จในการดำเนินการบันทึกความเข้าใจครั้งแรกลงนามเมื่อวันที่ 11 ม.ค 61 บน 300,000 ตันโควตา ในปี 61 กัมพูชาส่งออกข้าวจำนวน 626,225 ตันไปยังตลาดต่างประเทศโดยมีจีนเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุด 170,000 ตันรองลงมาคือฝรั่งเศส 90,000 ตันและมาเลเซีย 40,000 ตัน

ที่มา : http://en.freshnewsasia.com/index.php/en/localnews/13829-2019-04-28-10-13-09.html

กัมพูชาอาเซียนคนแรกที่ลงนามข้อตกลง 5G กับ Huawei

กัมพูชากลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จะลงนามในข้อตกลง 5G กับหัวเว่ย, หัวเว่ยได้ลงนามในข้อตกลง 5G กับประมาณ 40 ประเทศและวันนี้กัมพูชากลายเป็นอาเซียนคนแรกที่ลงนามในข้อตกลงนี้” เจมส์หว่อบอกกับนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน หัวเว่ยเปิดสำนักงานในกัมพูชาในปี 41 และประสบความสำเร็จภายใต้การสนับสนุนของความร่วมมือของกระทรวงโพสต์และโทรคมนาคม

ที่มา : http://en.freshnewsasia.com/index.php/en/localnews/13831-2019-04-28-10-39-11.html

เมียนมาอนุญาตต่างชาติลงทุนกว่า 300 ล้านเหรียญฯ ในโครงการก่อสร้างพื้นฐาน

เร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) เปิดเผยว่าคณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา (MIC) อนุญาตให้โครงการลงทุนจากต่างประเทศในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 290.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนจากสิงคโปร์ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการท่าเรือและตู้คอนเทนเนอร์ บนพื้นฐานการสร้างปฏิบัติการการโอนถ่าย (BOT) คาดว่าจะมีจ้างงาน 1,176 สำหรับคนในท้องถิ่นนั้น ครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2561-2562 มีการลงทุนจากต่างประเทศ 1.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจาก 139 โครงการ พบว่าภาคการขนส่งและการสื่อสารมีการลงทุนกว่า 680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิงคโปร์เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดด้วยเงินลงทุนกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2019-04/27/c_138015205.htm

เวียดนามส่งเสริมผลิตภัณฑ์สู่ตลาดแอฟริกาใต้ผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต

จากรายงานของกรมตลาดแห่งเอเชีย-แอฟริกา กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าทางหน่วยงานรัฐบาลเวียดนามมีการส่งคณะผู้แทนไปยังแอฟริกาใต้ในวันที่ 8-16 พฤษภาคม เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปสู่ร้านค้าท้องถิ่น โดยผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็นหลายประเภทสินค้า ได้แก่ ข้าว กาแฟ เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน เครื่องแต่งกาย เป็นต้น นอกจากนี้ จากสถิติการค้าระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าแอฟริกาใต้เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยในปี 2561 เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังแอฟริกาใต้กว่า 724 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและส่วนประกอบ เครื่องจักร เครื่องแต่งกาย เป็นต้น ในขณะเดียวกัน เวียดนามมีมูลค่าการนำเข้าจากแอฟริกาใต้ 386 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ วัสดุพลาสติก เหล็ก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์เคมี เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/519103/vietnamese-firms-to-introduce-products-at-south-african-supermarkets.html#aDTCRiWYBodvhFJF.97

การปฏิรูปการธนาคาร การกระตุ้นการลงทุน มีส่วนผลักดันการเติบโตมากขึ้น

จากรายงานของธนาคารโลก (World bank) จีดีพีของเมียนมาคาดว่าจะเพิ่มเป็น 6.5% ในปี 2562-2563 โดยได้รับแรงส่งจากการลงทุนภาครัฐและการเลือกตั้งในปี 2563 หลังจากนั้นจะขยายตัว 6.6% แต่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 6.2% จาก 6.8% ในปี 2018 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอ อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน ต้นทุนสูงขึ้น การนำเข้าสินค้าทุนวและการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง ล่าสุดเมียนมาได้กระตุ้นนักลงทุนต่างชาติ โดยอนุญาตให้ธนาคารต่างประเทศขยายและปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจท้องถิ่นและประกอบธุรกิจประกันภัยได้ ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะโต 6.4% ซึ่งต่ำกว่า 6.8% ในปี 2561 และมองว่าศักยภาพอยู่ในระดับต่ำเพราะการก่อสร้างที่ลดลงและปัญหาสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่นอกจากนี้ยังพบความเสี่ยงจากการถอนสิทธิ GSP ของสหภาพยุโรปซึ่งเป็นคู่ค้ารายสำคัญ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/banking-reforms-higher-investments-will-drive-better-growth-world-bank.html