อียูอาจคว่ำบาตรเมียนมา

อียูอาจคว่ำบาตรเมียนมา

EU กำลังเตรียมมาตรการคว่ำบาตรต่อเมียนมา กรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ หากถูกตัดสิทธิจริง แรงงานมากกว่า 4.5 แสนคนว่างงานทันที รายได้ส่งออกหายไป 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รัฐบาลของนางซูจีเผชิญปัญหาอย่างมากทั้งเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวและการปฏิบัติต่อศาสนาและชาติพันธุ์ที่ต่างกัน UN เผยว่ามากว่า 6.8 หมื่นคนกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศจากการสู้รบในรัฐกะฉิ่นและรัฐชาน ตั้งแต่ต้นปี60 เกิดพรรคการเมืองจากชนกลุ่มน้อยจากหลายฝ่าย บางพรรครวมตัวกันเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปในปี63 เชื่อว่าอนาคตของนางซูจีและพรรคเริ่มจะไม่น่าจะดีขึ้นในอนาคต

ที่มา: https://www.thairath.co.th/content/1413281

 

มาตรการภาษี EU กระทบส่งออกข้าวกัมพูชา

มาตรการภาษี EU กระทบส่งออกข้าวกัมพูชา

กัมพูชากำลังมองหาตลาดใหม่ในการส่งออกข้าวทดแทน EU เนื่องจากการกำหนดภาษีเพื่อป้องกันอุตสาหกรรมผลิตข้าวของ EU ตามข้อร้องเรียนของสเปนและอิตาลี รองประธานสภาค้าข้าวแห่งกัมพูชา เผยแม้กัมพูชาจะได้รับประโยชน์จากสิทธิ EBA แต่มาตรการดังกล่าวที่ป้องกันการขาดดุลของ EU จะส่งผลให้กัมพูชาไม่สามารถแข่งขันได้ ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรรายงานว่าตัวส่งออกข้าว 9 เดือนแรก 389,264 ตัน ลดลง 8.4% และจีนยังเป็นตลาดสำคัญอีกทั้งยังเซ็น MOU ในการส่งเสริมการปลูกและตั้งเป้านำเข้าโควตาข้าวจากกัมพูชามากกว่า 300,000 ตัน

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50548309/rice-exports-to-eu-to-be-hit-by-tariffs/

 

โครงการเหมืองทองคำแห่งแรกในกัมพูชา เริ่ม ต้นปี 2020

โฆษกกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน เผยบริษัท Emerald Resources จากออสเตรเลีย ได้รับใบอนุญาตการเข้าทำเหมืองแร่และทองคำไปเมื่อก.ค ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อโครงการ The Okvau Gold ในจังหวัดมัณฑลคีรี จะสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ต้นปี 2020 คาดว่าจะใช้เงินทุนมากกว่า 19.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สิ่งที่กัมพูชาจะได้คือ การจ้างงาน ภาษี รายรับจากสิทธิ์ใบอนุญาต แต่เรื่องคอรัปชั่นยังเป็นที่กังขาเพราะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้กับประชาชนได้ทราบเนื่องจากบริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ

ที่มา: https://www.phnompenhpost.com/business/first-large-scale-gold-project-kingdom-early-2020

ผลกระทบการเพิกถอน EBA ต่ออสังหาริมทรัพย์กัมพูชา

GDP เติบโตเฉลี่ย 7% อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในปัจจัยหลักคือ อสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วโดยมีการท่องเที่ยว เกษตรและอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มเป็นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นตัวผลักดัน จากสถิติ เผยว่าการจ้างงานภายในประเทศ 800,000 กว่าคน จากโรงงานสิ่งทอที่ขึ้นทะเบียนไว้ 1,522 แห่ง พื้นที่รอบๆ จึ่งมีมูลค่าสูงขึ้นส่งผลดีกับอสังหาฯ อย่างมาก แต่เมื่อมีการพิจารณาตัดสิทธิ์ EBA ของ EU อาจส่งผลกระทบกับอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก แต่อีกในมุมหนึ่งอาจถึงเวลาที่ต้องพัฒนาแรงงาน เช่น ฝึกอบรมหรือปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมที่ใช้ทักษะสูงขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างที่จีนและเวียดนามกำลังเป็นอยู่

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50547887/cancellation-of-eba-could-hit-kingdom-real-estate/

สปป.ลาวระดมเงินออกพันธบัตร 7พันล้านบาท

ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิต สปป.ลาว และอันดับเครดิตพันธบัตรเดิมที่ ที่ระดับ “BBB+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “ลบ” ในขณะเดียวกันได้กำหนดอันดับเครดิตพันธบัตร ที่ออกใหม่มูลค่าไม่เกิน 7,000 ล้านบาท ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “ลบ” เช่นเดียวกัน คาดว่ารัฐบาล ยังต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศต่อไป เพื่อใช้ในการลงทุนของภาครัฐในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่การขาดแคลนข้อมูล ที่ทันสมัย ทั้งในด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง ตามข้อมูลของธนาคารแห่ง สปป.ลาว คาดว่าเศรษฐกิจปี 61 จะโต 6.5-7% ด้านหนี้ต่างประเทศมีมูลค่ากว่า 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 60 หรือประมาณ 50% ของจีดีพี คาดว่าพันธบัตรรัฐบาลของ สปป.ลาว ที่ออกในไทยเมื่อรวมกับที่คาดว่าจะออกใหม่มูลค่า 219 ล้านดอลลาร์ จะมีมูลค่าคงเหลือ ณ สิ้นปี61 ประมาณ 1,740 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 16% ของมูลค่าหนี้ต่างประเทศทั้งหมดของรัฐบาล

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

รมต. พาณิชย์กัมพูชา ส่งสัญญาณถึงนิวซีแลนด์ “กัมพูชาพร้อมเปิดกว้างทางธุรกิจ”

ภายหลังการหารือของรมต. พาณิชย์กัมพูชา กับเอกอัครราชทูตแห่งประเทศนิวซีแลนด์ ระบุว่ากัมพูชาคือหมุดหมายของนักลงทุน ทั้งยังเอ่ยด้วยว่ากัมพูชาถือเป็นโอกาสของนักลงทุนในด้านการเกษตรอุตสาหกรรมเบา เทคโนโลยีและบริการซึ่งเหตุหลักในการดึงนิวซีแลนด์เข้าลงทุนเพราะกัมพูชายังต้องการในการถ่ายทอดทักษะเทคโนโลยีการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าทางการเกษตรและเพื่อความสามารถสามารถในการแข่งขันของกัมพูชา

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50547023/we-are-open-for-business-minister-tells-new-zealand/

เวียตเจ็ทแอร์เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบิน A321 50 ลำ ด้วยเม็ดเงิน 6.5 พันล้านเหรียญ จาก Airbus

เวียตเจ็ทแอร์ เป็นสายการบินของประเทศเวียดนาม เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินพาณิชย์ A321 จำนวน 50 ลำจากบริษัท Airbus ไปเมื่องานแสดงเครื่องบินที่ Farnborough ประเทศอังกฤษที่ผ่านมาเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของเส้นทางการบินระหว่างภูมิภาคและเอเชียแปซิฟิก สัญญายังระบุถึงอะไหล่และชิ้นส่วนที่ประกอบที่ทันสมัยสำหรับ A321 คาดว่าเครื่องบินทั้ง 60 ลำ คือ A320 และ A321 สามารถบินได้มากกว่า 385 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารกว่า 65 ล้านคนใน 103 เส้นทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ที่มา: https://english.vietnamnet.vn/fms/business/211374/vietjet-signs-contract-to-buy-50-airbus-aircraft.html

มูลค่าการส่งออกของเวียดนามใน 10 เดือนที่ผ่านมาสูงเกิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เผยว่า ในเดือนตุลาคมนี้มูลค่าการส่งออกสินค้าของเวียดนามได้กว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าการส่งออกรวมใน 10 เดือนที่ผ่านมามากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 สินค้าหลักในการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่น โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรองเท้า เป็นต้น ส่วนสินค้าเกษตรและสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่มูลค่าการส่งออกได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนเพราะราคาต่ำ

ที่มา: http://www.xinhuanet.com/english/2018-11/05/c_137583281.htm

‘ธนาคารโลก’ จัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจปี 61 ไทยอยู่อันดับ 27 จาก 190 ประเทศ ทั่วโลก

จากรายงานของธนาคารโลก พบว่า การจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ในปี 2561 ไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่ม 30 อันดับแรกของโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 27 จาก 190 ประเทศทั่วโลก ปัจจัยที่สำคัญ คือ 1.ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ค่าใช้จ่ายการจดทะเบียนลดลง 2.ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ลดขั้นตอนการดำเนินการขอและโปร่งใส 3.ด้านการชำระภาษีปรับปรุงระบบการคำนวณ และยื่นแบบภาษีรายได้นิติบุคคลทางระบบออนไลน์ และ 4.ด้านการค้าระหว่างประเทศ มีการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-แมทช์ชิ่ง ซิสเต็ม) มาใช้ในการควบคุมตู้สินค้า

สิงคโปร์ – กัมพูชา จับมือร่วมทุนโปรเจค Mixed-use ใน Tuol Kork

บริษัท HLH Development Pte ในเครือของ Hong Lai Huat Group Limited บริษัทอสังหาฯรายใหญ่จากสิงคโปร์ ได้ลงนามกับกลุ่มบริษัท รอยัลกรุ๊ปของกัมพูชา เพื่อลงทุนอสังหาริมทรัพย์ แบบโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ในเขต Tuol Kork ที่ถือเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของพนมเปญ มีพื้นที่ทั้งหมด 80,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยห้างค้าปลีก สวนสาธารณะ เป้าหมายเป็นประชากรในพื้นที่และการกำหนดราคาที่เหมาะสมบวกกับการตกแต่งที่ได้มาตรฐาน โดยทาง HLH Group ให้เหตุผลการร่วมทุนว่า รอยัลกรุ๊ป มีประสบการณ์ในกัมพูชาซึ่งจะช่วยให้สามารถเข้าใจตามความต้องการของคนกัมพูชาได้

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50546611/singapore-cambodia-jv-to-raise-mixed-use-project-in-tuol-kork