คาดค้าชายแดนไทยปี’64 ฝ่าวิกฤตเติบโตกว่า 28% ตลาดจีนตอนใต้ขึ้นแท่นอันดับ 1 เป็นครั้งแรก
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
สถานการณ์ส่งออกชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 มีภาพสดใสขึ้นเป็นลำดับ ด้วยอานิสงส์จากฐานที่ต่ำในปีก่อน กำลังซื้อและราคาพลังงานปรับสูงขึ้นทำให้ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 38 (YoY) มีมูลค่าการส่งออก 682,184 ล้านบาท นำโดยตลาดการค้าผ่านแดนที่นับวันยิ่งมีความน่าสนใจด้านกำลังซื้อและความต้องการสินค้าที่หลากหลายจากสิงคโปร์ จีนตอนใต้ เวียดนามและอื่นๆ เติบโตร้อยละ 61.1 (YoY) แตกต่างจากตลาดที่มีพรมแดนติดกับไทยทั้งมาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชาที่สินค้าไทยทำตลาดได้จำกัดขยายตัวร้อยละ 22.2 (YoY)
การส่งออกหลังจากนี้น่าจะเติบโตได้ด้วยแรงส่งจากส่งออกไปยังตลาดประเทศที่ 3 โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีนตอนใต้ล่าสุดมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 มีแรงผลักดันจากการการขนส่งผลไม้ทางถนนไปยังจีนได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญกับมาตรฐานสินค้าผลไม้อย่างจริงจัง เนื่องจากทางการจีนคุมเข้มในการตรวจสอบผลไม้บริเวณด่านชายแดนในด้านมาตรฐานการปลูกที่ดี GAP (Good Agricultural Practice) การคัดแยกและบรรจุที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) การควบคุมปริมาณสารปนเปื้อน และตรวจสอบสิ่งเจือปนที่ติดมากับผลไม้
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วงที่เหลือของปีอาจเติบโตช้าลงด้วยผลของฐานที่ต่ำเริ่มหายไป ประกอบกับเศรษฐกิจในหลายประเทศมีสัญญาณพื้นตัวจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า โดยเฉพาะตลาดจีนตอนใต้มีสัญญาณบวกมากกว่าประเทศอื่นๆ จึงเป็นตลาดที่ช่วยขับเคลื่อนการส่งออกชายแดนและผ่านแดนของไทยในภาพรวมตลอดปี 2564 ทำให้คาดว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 28 แตะมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 980,000 ล้านบาท ในกรณีดีถ้าหากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นเป็นลำดับ กำลังซื้อของคู่ค้าฟื้นตัวเร่งขึ้น อีกทั้งการส่งออกผลไม้ไปจีนในช่วงที่เหลือของปีเป็นไปอย่างราบรื่นมีโอกาสที่มูลค่าส่งออกจะขยายตัวถึงร้อยละ 33 แตะมูลค่าที่ 1,020,000 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มูลค่าการส่งออกชายแดนเร่งตัวเกินดว่า 1,000,000 ล้านบาท
ในระยะต่อไป ตลาดจีนตอนใต้จะยิ่งทวีความสำคัญในฐานะตลาดส่งออกชายแดนอันดับ 1 ของไทย สะท้อนจากมูลค่าส่งออกที่แซงหน้ามาเลเซียได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในปี 2564 ซึ่งการเปิดดำเนินการของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจีน-สปป.ลาวในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ เสมือนเป็นการยกระดับการขนส่งระหว่างนครเวียงจันทน์-แขวงหลวงพระบาง-แขวงหลวงน้ำทา-นครคุนหมิง อันเป็นเส้นทางการขนส่งทางบกผ่านหุบเขาสูงชันที่ยากลำบากสายหนึ่งให้ผลิกโฉมไปเป็นเส้นทางที่ขนส่งได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้เป็นทางเลือกในการส่งออกไปยังมณฑลหยุนหนานได้เพิ่มเติมจากเดิมที่การส่งออกไปยังมณฑลหยุนหนานมักจะใช้เส้นทางสาย R3A เห็นหลัก ดังนั้น มีโอกาสที่การส่งออกไปมณฑลหยุนหนานจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนการส่งออกไปยังจีนตอนใต้เติบโตสูงขึ้นในระยะข้างหน้า จากปกติการเติบโตหลักมาจากการส่งออกไปยังปลายทางเขตปกครองตนเองกว่างซีคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 82 ของการส่งออกชายแดนไทยไปยังไปจีนตอนใต้
ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Border-Trade-z3271.aspx