อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัญหาที่สปป.ลาวกำลังเผชิญ

จากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนได้เพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองและสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดการเงินที่สั่นสะเทือนท่ามกลางการระบาดของโควิดนอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นและความตึงเครียดทางการเมืองจะเพิ่มแรงกดดันต่อราคาสำหรับสินค้านำเข้าในสปป.ลาว โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปีในลาวจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ในปี 2565 และ 5.0% ในปี 2566 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากข้อมูลราคาน้ำมันเบนซินเกรดพรีเมียมในเวียงจันทน์อยู่ที่ 20,620 กีบต่อลิตร เกรดปกติ 18,060 กีบ และดีเซล 18,000 กีบ อีกปัจจัยที่สำคัญคือการอ่อนค่าของ kip อย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่าเงินกีบอ่อนค่าโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 7.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อไม่เพียงเป็นปัญหาเดียว ที่สปป.ลาวกำลังเผชิญ ขณะนี้หนี้สาธารณะและหนี้ที่ภาครัฐค้ำประกันได้รับรายงานล่าสุดที่ร้อยละ 78.8 ของ GDP ในปี 2564 ค่าใช้จ่ายภายในประเทศที่ค้างชำระ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง และ kip ที่อ่อนตัวลงในปี 2564 ส่งผลให้ระดับหนี้เพิ่มขึ้น ในขณะหนี้สาธารณะต่างประเทศของสปป.ลาวคาดว่าจะมี 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในช่วงห้าปีข้างหน้าคิดเป็นร้อยละ 7 ของ GDP ทั้งนี้รัฐพยายามแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนรวมถึงปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น และผลักดันให้มีการดำเนินการตามแผนโครงการขนาดใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนยกเครื่องการจัดการธุรกิจนำเข้าเพื่อให้แน่ใจว่าสกุลเงินต่างประเทศที่เพียงพอเข้าสู่ระบบธนาคาร

 

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten85_spiralling_22.php